บทที่ 244 เตรียมการ
บทที่ 244 เตรียมการ
ฉันอยู่ที่ไหน?
ฉันกำลังได้ยินอะไร?
ฉันฝันไปรึเปล่า?
ชูเทียนซิงยืนอยู่ข้างโจวอี้ เวลานี้เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
หยางเซี่ยวหาง หัวหน้าใหญ่ของหยางกรุ๊ปผู้นี้ เขาเองก็เคยได้ยินชื่อ ส่วนหวงไห่เทาจากตระกูลหวงแห่งจินหลิง เขาเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงมาเช่นกัน แม้แต่เฉิงฮ่าวซึ่งเป็นประธานของเฉิงกรุ๊ปเขาก็เคยได้ยินชื่อเสียง!
ทั้งสามคนเป็นผู้นำด้านธุรกิจในจินหลิง
แต่ทั้งสามคนนี้ยินดีที่จะบริจาคเงินจำนวนมากแบบฟรี ๆ?
จู่ ๆ ชูเทียนซิงก็ตระหนักได้ว่าเขารู้จักโจวอี้น้อยไปเสียแล้ว เขารู้แค่ว่าโจวอี้กำลังจะสร้างโรงเรียนเพื่อรับเด็กเร่ร่อนมาอุปการะ และเป็นหมอที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง
แต่ตัวตนและภูมิหลังอื่นของโจวอี้คืออะไร? ชายหนุ่มคนนี้เอาเงินมากมายมาจากไหน?
ชูเทียนซิงพบว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย
เขากำลังถามตัวเองว่า เขาขึ้นไปบนเรือโจรสลัดด้วยความงุนงงหรือเปล่า? หรือเป็นมหาวิทยาลัยที่ดึงดูดสายตาของชายหนุ่มที่มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม?
“ผู้อำนวยการชู อย่าลืมเรื่องนี้ คุณควรหาสมุดบันทึกมาจดบันทึกเอาไว้ด้วย” โจวอี้หัวเราะและพูดติดตลก
“แน่นอน ๆ” ชูเทียนซิงพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
สี่ร้อยล้าน!
แม้ตามความคิดของโจวอี้แล้วเงินจำนวนนี้เป็นเพียงน้ำหยดเดียวในถัง แต่การได้รับเงินนี้มา อย่างน้อยก็สามารถแบ่งเบาภาระของโจวอี้ได้บ้าง
รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดอยู่ริมถนนไม่ไกล
ชายและหญิงก้าวลงจากรถ
ชายคนนั้นอายุประมาณสี่สิบปี แต่งกายดีและดูภูมิฐาน เขาถือกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ ส่วนผู้หญิงที่มาด้วยกันสวมชุดทำงานและถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กสีดำ
ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึง
“คนไหนคือคุณโจวอี้?” เว่ยฉางเหวินถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมเอง คุณคือเว่ยฉางเหวิน นักออกแบบใช่ไหม?” โจวอี้ยื่นมือออกไปทักทาย
“ใช่แล้ว!” เว่ยฉางเหวินจับมือกับโจวอี้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ระหว่างทางมาที่นี่ ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณหยางเกี่ยวกับรายละเอียดเบื้องต้นของโครงการนี้แล้ว แต่หลังจากนี้ผมคงต้องขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากคุณโจว”
“ผมคงต้องรบกวนคุณแล้ว” โจวอี้ยิ้มและแนะนำชูเทียนซิงให้อีกฝ่ายรู้จัก
จากนั้น เว่ยฉางเหวินก็เรียกคนมามากกว่าหนึ่งโหลเพื่อตรวจสอบภูมิประเทศ วัดขอบเขต และตรวจสภาพดิน ในที่สุดก็ได้รับข้อมูลที่ต่าง ๆ ครบถ้วน
บ่ายโมงตรง
หลังจากที่เว่ยฉางเหวินและคนอื่น ๆ เสร็จจากงานของพวกเขาแล้ว โจวอี้ก็มองพวกเขาจากไปก่อนจะหันมายิ้มให้กับชูเทียนซิงและซีชิงอิ่ง “พวกคุณหิวไหม? ไปหาร้านอาหารกันเถอะ”
“ดี!” ชูเทียนซิงและซีชิงอิ่งพยักหน้าพร้อมกัน
เวลานี้ชูเทียนซิงเชื่อมั่นในตัวโจวอี้แล้ว เพราะท้ายที่สุด ที่ดินสี่ร้อยไร่ก็อยู่ที่นี่ นอกจากนี้เว่ยฉางเหวินยังเป็นสถาปนิกนักออกแบบที่มีชื่อเสียงมากในจินหลิง แต่ก็ยังมาทำงานให้โจวอี้ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแน่นอน
ภายในร้านอาหาร
ทั้งสามคนสั่งอาหารสองสามอย่างมาแบบสุ่มแต่ก็ไม่ได้สั่งไวน์
“ผมได้บอกไอเดียทั้งหมดของผมให้นักออกแบบเว่ยไปแล้ว เมื่อเขาเขียนแบบเสร็จ เขาสามารถพูดคุยกับบริษัทก่อสร้างได้เลย” โจวอี้พูดขณะรับประทานอาหาร “เวลาของผมมีจำกัด ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ผู้อำนวยการชูช่วยเปิดรับสมัครผู้ช่วยอีกหลาย ๆ คนหน่อย เพื่อให้พวกเขาช่วยคุณสร้างโรงเรียนและยังมีงานอื่น ๆ อีกในภายหลัง”
“คุณจะให้ผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนจริง ๆ เหรอ?” ชูเทียนซิงถามย้ำอีกครั้ง
“ผมเป็นแพทย์ และงานหลักที่สุดของผมคือดูแลลูกสาว แพทย์เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น ทุกสัปดาห์ผมต้องไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงในวันจันทร์และวันอังคาร ดังนั้นผมจึงไม่มีเวลาไปยุ่งกับเรื่องอื่น ๆ มากนัก” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
พ่อ?
ชูเทียนซิงแสดงสีหน้าแปลกประหลาดอีกครั้ง
เขาไม่คิดเลยว่าโจวอี้ที่ดูอายุยังน้อยนั้นไม่เพียงแต่แต่งงานแล้ว แต่ยังมีลูกแล้วด้วย!
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือ โจวอี้ผู้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ในสายตาของเขาเต็มใจที่จะเป็นพ่อบ้าน และเป้าหมายหลักคือการดูแลลูก
โจวอี้ต้องมีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว จริงไหม?
ไม่อย่างนั้นจะมีเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
แต่ตอนนี้กลับบอกว่าหลัก ๆ จะทำหน้าที่พ่อ และเป็นหมอแบบพาร์ตไทม์? แล้วแบบนี้เงินที่โจวอี้ได้มานั้นมันมาจากไหน แล้วจะรองรับรายจ่ายก้อนโตของโรงเรียนที่กำลังจะสร้างขึ้นมานี้ได้อย่างไร?
เฮฟเว่นคลับ
ภายในห้องโถงที่กว้างขวางและหรูหรา หวงไห่เทานั่งอยู่บนโซฟาและมองไปที่ผู้หญิงในชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินซึ่งนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ตรงข้ามด้วยความเคารพ
“อย่าประหม่า ป้าไม่ใช่เสือกินคน” ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามยิ้ม นิ้วเรียวของเธอเล่นกับลูกปัดหยกใส
เธอช่างงดงามพร่างพราว
แม้ว่าจะมีหญิงสาวอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอซึ่งพวกเธอล้วนสวยมาก แต่พวกเธอก็ยังจืดชืดไปเมื่ออยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงคนนี้
“ผมไม่ได้ประหม่าสักหน่อย ฮะ ๆ” หวงไห่เทาลูบจมูกของเขาด้วยรอยยิ้มแห้ง
“อันที่จริง ครั้งนี้ที่ฉันมาจินหลิงเป็นการส่วนตัว อย่างหนึ่งคือการไปเยี่ยมเพื่อนเก่า อีกอย่างคือเพื่อยาต้มอี้เฉิน ตามข้อมูลที่ฉันได้รับมา นายคือคนขายใช่ไหม?” กงซวนจี้ถามด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“ใช่” หวงไห่เทาพยักหน้า
“ใครเป็นคนทำพวกมัน?” กงซวนจี้ถาม
“เอิ่ม..” หวงไห่เทาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ป้ากง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกคุณนะ แต่ผมสัญญาว่าจะเก็บความลับไว้ให้เขา ดังนั้น… ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”
“พูดไม่ได้เหรอ?” กงซวนจี้ถาม
“ไม่ได้เลย”
“ก็ได้ ในเมื่อนายไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่ถามอีก แต่นายก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าฉันอยากรู้อะไร ฉันมักจะได้คำตอบที่ต้องการอย่างรวดเร็วเสมอ ต่อให้ตอนนี้นายจะปากแข็ง แต่มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ผมรู้”
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และรู้ว่าอีกฝ่ายมีอำนาจอย่างมากในจีนและยังมีแหล่งข้อมูลมากมาย
แค่…
หวงไห่เทาไม่สามารถเล่าเรื่องการทำยาต้มอี้เฉินออกมาจากปากของเขาได้
สิบนาทีต่อมา
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังกงซวนจี้รับโทรศัพท์ เมื่อวางสายแล้ว อีกฝ่ายก็โน้มตัวไปที่หูของกงซวนจี้และกระซิบ
หลังจากรับฟังจบ กงซวนจี้ก็มองไปที่หวงไห่เทาและพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ไม่แปลกใจเลยที่นายไม่ต้องการพูดออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลหวงของนายจะมีความสัมพันธ์กับศิษย์สำนักโอสถ หรือว่าตระกูลหวงไม่ต้องการการปกป้องจากตำหนักเทียนจีของเราแล้ว?”
“ไม่ใช่!” หวงไห่เทาถึงกับตกใจ
สาเหตุหลักที่ตระกูลหวงสามารถหยั่งรากลึกในจินหลิงจากรุ่นสู่รุ่นได้นั้นเป็นเพราะมีตำหนักเทียนจีอยู่เบื้องหลัง
แม้ว่าสมาชิกในตระกูลหวงจะไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ปกป้องตระกูลหวงล้วนได้รับการจัดเตรียมมาจากตำหนักเทียนจี ดังนั้นต่อให้เขาและโจวอี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่เขาก็ไม่คิดที่จะละทิ้งต้นไม้ใหญ่อย่างตำหนักเทียนจีไปได้
“ช่างเถอะ งั้นฉันจะถือซะว่ามันเป็นโชคดีของตระกูลหวงของนายที่สามารถมีความสัมพันธ์กับศิษย์ของสำนักโอสถ ส่วนตำหนักเทียนจีของเราจะยังคงปกป้องตระกูลหวงของนายต่อไป และข้อตกลงที่เราขอให้ตระกูลหวงไม่ฝึกยุทธ์ก็จะถูกยกเลิก ถ้าหากนายตกลงกับฉันหนึ่งข้อ”
“จริงเหรอ? ป้าพูดมาเลย!” หวงไห่เทาตื่นเต้น
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตระกูลหวงที่จะกลายเป็นตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ เนื่องจากสถานะของพวกเขาในจินหลิงและความมั่งคั่งของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะข้อจำกัดของตำหนักเทียนจีเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาไม่กล้ากลายเป็นตระกูลผู้ฝึกยุทธ์
“ศิษย์สำนักโอสถคนนั้นชื่อโจวอี้ใช่ไหม? นายช่วยให้ฉันเจอกับเขาได้ไหม?” กงซวนจี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ได้!” หวงไห่เทาไม่ลังเล
ทันใดนั้น เขาก็โทรหาโจวอี้และเชิญอีกฝ่ายมาพบ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังกับคำตอบ
หลังจากที่หวงไห่เทาวางสายแล้ว เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ป้ากง โจวอี้กำลังไปที่หางโจว ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาที่นี่ แต่เขาสามารถมาพบกับป้าได้หลังจากที่เขารักษาผู้นำตระกูลฮัวเสร็จและกลับมาที่จินหลิง”
“รักษาผู้นำตระกูลฮัว?”
แววตาของกงซวนจี้เป็นประกาย ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น่าสนใจ ในเมื่อเขาไม่มีเวลามาหาฉัน ถ้างั้นฉันจะไปหาเขาเอง หางโจวเหรอ… ดูเหมือนจะไม่ไกลเกินไปนักหรอก”