บทที่ 228 ทำให้คนเกลียด

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่228 ทำให้คนเกลียด

หลังจากจบการประมูลเครื่องประดับนี้ มันถือว่าเป็นจุดสูงสุดเล็กๆ ของการประมูลครั้งนี้

ถึงอย่างไร สามารถประมูลราคาที่สูงมาได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเจอได้ง่ายๆ เลย

“โอเค การประมูลในครั้งนี้จบแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะส่งของอีกชิ้นหนึ่งไป” ใบหน้าของพิธีกรเปลี่ยนเป็นความยินดี ถึงอย่างไรราคาก่อนหน้านี้มันก็ถือเป็นความเซอร์ไพรส์ของพวกเขาแล้ว

“นี่เป็นสิ่งของชิ้นสุดท้ายของพวกเรา ถือเป็นมงกุฎของกษัตริย์ที่ในยุคเก่าแก่”

พิธีกรเอามงกุฎมาวางบนโต๊ะอย่างระวัง แล้วให้ทุกคนดู และมั่นใจเลยว่ามันดึงดูดความสนใจจากคนอื่นๆ ได้ไม่น้อยเลย

ถึงแม้ว่าลี่จุนถิงจะไม่ได้สนใจมงกุฎนี้เท่าไหร่ แต่ว่าตี้ลั่วเชินกลับคิดว่ามงกุฎนั้นดูไม่เลวเลยทีเดียว เลยเผยความชอบของตัวเองออกมา

ตี้ลั่วเชินมีความสนใจกับมงกุฎนี้พอๆ กับที่ลี่จุนถิงสนใจเครื่องประดับชุดนั้น คนอื่นๆ เมื่อเห็นตี้ลั่วเชินเข้าร่วมการประมูล เสียงก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ เลย

หนึ่งคือเพราะว่าพวกเขารู้จักตัวตนของตี้ลั่วเชิน มงกุฎนี้มันอาจจะดูแพงสำหรับคนอื่นแต่ว่าในสายตาตี้ลั่วเชินนั้น อาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ก็ได้

เมื่อเห็นว่าตี้ลั่วเชินสนใจในสิ่งของแบบนี้ ลี่จุนถิงเองก็มีความคิดขึ้นมา

ทุกสิ่งที่ตี้ลั่วเชินทำ เขารู้ดี ตอนนี้มีของที่ตี้ลั่วเชินเองก็สนใจเหมือนกัน เลยคิดจะใช้วิธีที่คนอื่นทำใส่ก่อน

ตอนประมูล ตี้ลั่วเชินสนใจตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด และก็มีท่าทีอยากได้อย่างสุดใจ

แค่คนที่รู้จักตี้ลั่วเชินนอกหน่อย ก็จะไม่แย่งอะไรแล้ว แต่สุดท้ายกลับได้ยินเสียงของลี่จุนถิง

“หนึ่งร้อยล้าน”

ในตอนแรกราคาของมงกุฎมันแค่หกสิบล้านเอง แต่ราคาที่ลี่จุนถิงเสนอ มันทำให้ราคาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เลยอดไม่ได้ที่จะตกใจค้างไป

พวกเขากำลังเดาเอาไว้ ว่าลี่จุนถิงมีเรื่องบาดหมางกับตี้ลั่วเชินใช่หรือเปล่า

ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ในใจของพวกเขาเลยคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน

ทุกคนมองออก ว่ามันวุ่นวายแล้ว แต่ว่า เพราะเมื่อครู่ตี้ลั่วเชินตัวเองทำอะไรลงไป เลยไม่สามารถว่าลี่จุนถิงได้ จึงต้องเก็บความโกรธเคืองเอาไว้ในใจ

“ร้อยห้าสิบล้าน” ตี้ลั่วเชินขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าจะไม่อยากจ่ายเงินมากมาย แต่ว่ามงกุฎนี้เขาก็ชอบแล้ว เขาเลยไม่อยากจะยอมแพ้ไปเพราะความวุ่นวายของลี่จุนถิง

“สองร้อยล้าน” ตี้ลั่วเชินเพิ่งจะพูดจบไป เสียงของลี่จุนถิงก็ดังขึ้นมา

คนอื่นๆ ตกใจอ้าปากค้างไป แต่ว่า พวกเขามีแต่ความตื่นเต้น และอยากจะเห็นว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป

หลังจากที่เห็นลี่จุนถิงเสนอราคา ตี้ลั่วเชินก็กัดฟันกรอด ความโกรธในใจมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ว่า เขากลับทำอะไรลี่จุนถิงไม่ได้ ทำได้เพียงเสนอราคาต่อไป

“สามร้อยล้าน”

ครั้งนี้ ตี้ลั่วเชินเพิ่มไปถึงร้อยล้าน และเพื่อให้ลี่จุนถิงเห็นการตัดสินใจของตัวเอง

พิธีกรคิดไม่ถึงเลยเลย ว่าหลังจากที่ราคาของของประมูลครั้งก่อนที่ถูกจดบันทึกลงไปแล้ว มันจะถูกแซงขึ้นไปได้เร็วขนาดนี้

สุดท้าย เพราะความวุ่นวายของลี่จุนถิง ตี้ลั่วเชินก็ได้มงกุฎไปในราคาสามร้อยล้าน

เมื่อเห็นฉากนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งค้างไป

เธอเพิ่งจะโน้มน้าวลี่จุนถิงไป เพื่อไม่ให้เขาสู้ราคากับตี้ลั่วเชิน ถ้าเกิดว่าตี้ลั่วเชินเกิดเปลี่ยนความคิดขึ้นมา แล้วจะไม่เสียใจเหรอ?

คิดไม่ถึงเลย ว่าสุดท้ายตี้ลั่วเชินจะประมูลไปอย่างจริงจังขนาดนี้

ในตอนนั้น เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ค่อยเข้าใจการใช้เงินของคนรวยได้

หลังจากงานประมูลจบ ลี่จุนถิงก็เตรียมจะพาเจียงหยุนเอ๋อไปเอาเครื่องประดับที่เขาประมูลได้ แต่กลับถูกคนขวางทางเอาไว้

“คุณผู้ชายคะ รอก่อนนะคะ คุณชายของพวกเราอยากพบคุณ”

คนหนึ่งที่ขวางทั้งสองคนอยู่ ถึงแม้ว่าท่าทีจะดูเคารพมากแต่ว่าก็ดูดื้อดึงกว่าเดิมมาก

ไม่ต้องคิดเยอะ ลี่จุนถิงก็สามารถเดาได้ว่าคุณชายที่เขาหมายถึงคือตี้ลั่วเชิน ดังนั้น ลี่จุนถิงเลยคิดว่าไม่มีอะไรที่จะต้องปฏิเสธ เลยพาเจียงหยุนเอ๋อไปด้วยกัน

ในตอนแรกเจียงหยุนเอ๋อกังวล เพราะเมื่อครู่ลี่จุนถิงสู้กับตี้ลั่วเชินอย่างรุนแรง ตอนนี้เข้ามานัดกันแบบนี้ ไม่รู้ว่าตี้ลั่วเชินจะทำอะไรที่ไม่ดีต่อพวกเขาหรือเปล่า

“ลี่จุนถิง พวกเราจะต้องไปจริงๆ เหรอ?” หน้าของเจียงหยุนเอ๋อมีแต่ความกังวล พลางพูดเสียงเบา

“วางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลี่จุนถิงพูดอย่างเรียบง่าย

ทั้งสองคนถูกพาไปที่ห้องรับรอง เมื่อได้เจอตี้ลั่วเชิน บรรยากาศของทั้งสองคนก็เป็นมีความตึงเครียดขึ้นมา

“ลี่จุนถิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณยังชอบทำให้คนเกลียดอีกเหรอ”

ลี่จุนถิงเพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องรับรอง ตี้ลั่วเชินขมวดคิ้วขึ้นมา และแสดงท่าทีไม่พอใจใส่ลี่จุนถิงอย่างชัดเจน

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่พอใจสักเท่าไหร่

คนคนนี้แปลกจริงๆ เลย ไม่ชอบลี่จุนถิงขนาดนั้น แต่ก็ยังจะเชิญมาทำไมกัน?

ไม่รอให้เจียงหยุนเอ๋อพูดอะไรแทนลี่จุนถิง ลี่จุนถิงก็เริ่มพูดโต้ตอบ: “เหอะ คุณคิดว่าฉันอยากเจอคุณมากเลยเหรอ?แค่อยากมาเห็นความตลกของคุณเท่านั้นเอง”

ทั้งสองคนพูดโต้ตอบกัน ตี้ลั่วเชินมองออกว่าไม่มีทางดูถูกอะไรลี่จุนถิงได้ ก่อนจะมองไปทางเจียงหยุนเอ๋อ

เมื่อมองแววตาที่ไม่มีเจตนาดีๆ ของเขา เจียงหยุนเอ๋อก็ผลุบตาลงเพราะทำตัวไม่ถูก แต่ขณะนั้นเองลี่จุนถิงขวางเธออยู่ แววตาของตี้ลั่วเชินนั้นก็ถูกลี่จุนถิงบังเอาไว้จนหมด

บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนไม่รู้ว่าดีร้ายขนาดไหน เมื่อเห็นว่าตี้ลั่วเชินไม่ได้พูดอะไร ลี่จุนถิงก็จะพาเจียงหยุนเอ๋อออกอย่างไร้ความอดทน

“ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”

ในตอนนั้นเอง ตี้ลั่วเชินก็รีบเรียกลี่จุนถิง พลางพูด: “ฉันเรียกคุณมา ก็เพราะอยากจะร่วมมืองานกันหน่อย”

ร่วมมือเหรอ?

ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความเกินคาด เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าตี้ลั่วเชินจะกลับมาร่วมงานกับตัวเอง

เขายิ้มแสยะก่อนจะพูด: “ร่วมงานเหรอ?กับฉันงั้นเหรอ?คุณอย่าลืมนะ ว่าพวกเราเป็นศัตรูตลอดไป”

เมื่อได้ยินดังนั้น ตี้ลั่วเชินก็ยิ้มเบาๆ เพราะถึงอย่างไรลี่จุนถิงก็พูดเรื่องจริงออกมา

“ไม่เลวเลย แต่ว่าครั้งนี้ ฉันอยากจะทำงานกับคุณจริงๆ คุณฟังฉันก่อนเถอะ”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ตี้ลั่วเชินก็หันมามองเจียงหยุนเอ๋อ พลางพูด: “ถ้าสะดวก เชิญคุณนายไปพักที่ห้องข้างๆ ก่อนดีไหม?”

เจียงหยุนเอ๋อรู้ ว่าจะเอาตัวเองออกไป เลยพูดกับลี่จุนถิง: “งั้นฉันไปรอคุณกับถวนจื่อทางนู้นนะ”

“อือ” ลี่จุนถิงตอบรับเบาๆ เพื่อตกลงไป