บทที่ 214 นักข่าวมาปิดล้อมถึงที่

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ที่จริงนักข่าวพวกนี้กำลังรู้สึกตะลึงกับการปรากฏตัวของเขา ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับสายตาที่คมกริบเหมือนมีดอย่างเขาแล้ว แต่ละคนก็ดูกลัวเล็กน้อย

“เมื่อกี๊ใครดันเธอ?”นัทธีชี้ไปที่วารุณี มองสำรวจคนกลุ่มนี้ตรงหน้า

คนกลุ่มนี้สบตากันไปมา“พวกเราไม่ได้ดันคุณวารุณี”

“พวกเขาพูดจริงเหรอ?”นัทธีมองไปที่วารุณี

วารุณีกำลังจัดเสื้อผ้าที่ยุ่ง ได้ยินคำถามของเขา ก็พยักหน้า“อือ พวกเขาไม่ได้ดัน เมื่อกี๊ฉันตกใจนักข่าวสาวคนนั้น”

นักข่าวสาว?

สายตาที่ดูอันตรายของนัทธีหรี่ลง สายตาล็อกไปที่ใบหน้าของหญิงสาวเพียงคนเดียว ในนักข่าวกลุ่มนี้

นักข่าวสาวตัวแข็งทื่อ ก้มหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มลง ถามเสียงหม่นไปว่า“พวกคุณมาจากสื่อแห่งไหน?”

นักข่าวกลุ่มนี้ไม่ยอมพูด

นัทธีพูดด้วยเสียงเย็นชา“มารุต!”

“ครับ!”มารุตที่อยู่ด้านหลังเขาตอบรับไป เดินไปข้างหน้าดูบัตรพนักงานที่แขวนตรงหน้าอกของนักข่าวพวกนั้น แล้วจำบริษัทที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาทีละคน

“ผู้ช่วยมารุต”เวลานี้ จู่ๆวารุณีก็เรียกไว้

มารุตหันหน้าไป“คุณวารุณี มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

นัทธีก็มองไปที่เธอ

วารุณียกสายโซ่กระเป๋าบนไหล่ขึ้นมา “รบกวนคุณช่วยฉันถามคนกลุ่มนี้หน่อยค่ะ ว่าใครกันแน่ที่เปิดเผยที่อยู่ของฉันให้พวกเขา!”

หมู่บ้านอพาร์ทเม้นท์นี้ ราคาเป็นรองแค่คฤหาสน์ ดังนั้นระดับความลับของเจ้าของก็จะสูงมาก ถ้าไม่มีใครบอกพวกเขา พวกเขาไม่รู้แน่ว่าเธออยู่ที่นี่

มารุตมองนัทธี เห็นนัทธีพยักหน้า ก็ตอบรับทันที“โอเค”

จากนั้น เขาก็สอบถามนักข่าวพวกนี้

นักข่าวพวกนี้กล้าทำตัวหยิ่งกับวารุณี แต่กลับไม่กล้าเย่อหยิ่งกับนัทธี ดังนั้นเผชิญหน้ากับการสอบถามของมารุตแล้ว จึงได้แต่สารภาพไปอย่างซื่อตรง

“เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง!”

“ผู้หญิง?”สายตาวารุณีเพ่งออกไป

นัทธีก็ขมวดคิ้วลง“ผู้หญิงแบบไหน?”

มีแค่สายตามารุตที่มีความตกใจแวบเข้ามา จากนั้นก้มหน้าลงคิด

“ไม่รู้ เธอโทรมาติดต่อพวกเรา บอกพวกเราว่าคุณวารุณีอยู่ที่นี่ พูดจบก็วางสาย พอพวกเราโทรกลับไป ก็เป็นเบอร์ที่ยังไม่เปิดใช้”พวกนักข่าวตอบ

วารุณีเงยมองชายหนุ่มด้านข้าง“ประธานนัทธี คุณว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่เมื่อวานให้เด็กคนอื่นๆ รังแกไอริณหรือเปล่าคะ?”

“เป็นไปได้!”นัทธีหรี่ตาแล้วพูด จากนั้นมองไปที่มารุต

มารุตส่ายหน้า“ประธาน ผมสืบมาแล้ว บัญชีทั้งหมดของสุภัทร ไม่มีบันทึกการโอนเงิน รวมถึงบันทึกการโทรและบันทึกการเดินทางในช่วงนี้ก็ไม่มีปัญหาใดๆทั้งนั้น ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่ใช่พวกเดียวกับสุภัทร แต่เธอกลับแอบช่วยสุภัทร”

“ว่าไงนะ?”วารุณีกำฝ่ามือไว้ จ้องเขาเขม็ง

มารุตดันแว่นแล้วตอบว่า:“สุภัทรปล่อยข่าวลือคุณกับประธานที่งานแถลงข่าวคือเรื่องจริง แต่นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว หมายความว่า บัญชีปล่อยข่าวเสียหายกับแอคหลุมปั่นกระแสในอินเทอร์เน็ตพวกนั้น ล้วนแต่เป็นผู้หญิงคนนั้นทำครับ”

“คุณแน่ใจขนาดนี้เชียว?”นัทธีเพ่งมองไปที่เขา

มารุตพยักหน้า“ผมเคยถามบัญชีปล่อยข่าวเสียหายพวกนั้นแล้ว ต่างบอกว่าผู้หญิงคนหนึ่งให้เงินมาก้อนหนึ่ง ให้พวกเขาทำแบบนี้ แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พวกเขาก็ไม่รู้ เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นก็ใช้โทรศัพท์ติดต่อพวกเขาเช่นกัน หลังจากติดต่อเสร็จ เบอร์ก็กลายเป็นยังไม่เปิดใช้งานครับ”

“สามารถติดต่อบัญชีปล่อยข่าวเสียหายกับสื่อจำนวนมากขนาดนี้ ภายในเวลาสั้นๆแบบนี้ แล้วยังหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีก ไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยสักนิด ดูเหมือนว่าอิทธิพลเบื้องหลังของผู้หญิงคนนั้นจะใหญ่มาก”วารุณีบีบฝ่ามือ พูดอย่างเย็นชา

เธอยิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆว่า ผู้หญิงคนนี้ น่าจะเป็นคนที่รังแกไอริณ ขณะเดียวกัน ยังเป็นไปได้ด้วยว่าจะเป็นคนนั้นที่เผาโกดังเธอ

เธอไม่รู้ว่าตัวเองมีความแค้นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นถึงต้องทำกับเธอแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร ต้องมีสักวันที่เธอสืบได้ เหมือนกับทารีนา รอเธอสืบได้ก่อนเถอะ จะส่งเข้าคุกไปเลย!

“เอ่อ……ประธานนัทธี คุณวารุณี อะไรที่พวกเราควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว พวกเราไปได้ยังครับ?”เหล่านักข่าวที่อยู่ข้างๆมองนัทธี แล้วก็มองวารุณี ถามอย่างระมัดระวัง

นัทธีเงยคางขึ้น“มารุต ตรวจกล้องของพวกเขาซะ”

“ครับ!”มารุตพยักหน้า เข้าไปหยิบกล้องของพวกเขามาตรวจดู

เห็นข้างในถ่ายรูปวารุณีของไว้จำนวนมาก เขาก็ทำเสียงฮึดฮัด เอาการ์ดหน่วยความจำในกล้องออกมา ภายใต้การจ้องมองที่หวานอมขมกลืนของเหล่านักข่าวพวกนี้“เรียบร้อย เอาของพวกนี้มาไว้ที่ผมแล้ว!”

นักข่าวไม่กี่คนนั้นฝืนยิ้มออกมา

“ไสหัวไป!”นัทธีต่อว่าพวกเขาด้วยใบหน้าเย็นชา

นักข่าวพวกนั้นพยักหน้าไปมา จะออกไป

จู่ๆวารุณีกลับเรียกพวกเขาไว้“เดี๋ยว”

นัทธีมองไปที่เธอทันที อยากรู้ว่าเธอเรียกพวกนั้นทำไม

นักข่าวสองสามคนนั้นหยุดฝีเท้าลง แต่ละคนร้องห่มร้องไห้“คุณวารุณีมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

ตอนนี้พวกเขาเสียใจสุดๆ ถ้ารู้แบบนี้ก็คงไม่ฟังผู้หญิงคนนั้นแล้วมาขวางวารุณีไว้หรอก สุดท้ายขวางไว้ได้แต่ถามอะไรไม่ได้สักอย่าง และยังไปขัดใจนัทธีอีก

แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาเสียเปล่า จู่ๆนัทธีก็ออกมาจากอาคารเดียวกับวารุณี ดูเหมือนในเน็ตจะพูดความจริง ระหว่างสองคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ บางทีอาจจะเป็นวารุณียั่วยวนนัทธีจริงๆก็ได้ พวกเขาจะต้องหาโอกาสแอบเอาข่าวนี้แพร่ออกไป

วารุณีเดินลงไปก้าวหนึ่ง ยืนบนขั้นบันไดข้างนัทธี

เธอพยักหน้าให้นัทธีด้วยรอยยิ้มก่อน จากนั้นจึงมองพวกนักข่าวจากมุมสูงลงมา“ก็ไม่อะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากบอกว่า คำถามที่พวกคุณเพิ่งถามฉันไป อยากได้คำตอบก็ไปตึกกิ่งฟ้า ฉันจะจัดงานแถลงข่าวที่นั่น ชี้แจงทุกอย่างในเอินเทอร์เน็ต”

ชี้แจง?

พวกนักข่าวมองหน้ากันไปมา มองเห็นความตะลึงจากสายตาของฝ่ายตรงข้าม

เธอดันบอกว่าจะชี้แจง หรือว่าเรื่องในเน็ต มีอะไรพลิกผัน?

คิดแบบนี้ พวกนักข่าวก็ตื่นเต้น รีบพยักหน้า“โอเคๆๆ พวกเราจะไปแน่”

พูดจบ พวกเขาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากพวกเขาไป นัทธีสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง มองไปที่มารุตที่อยู่ข้างๆ“เดี๋ยวหลังจากงานแถลงข่าวจบ คุณให้สื่อไม่กี่แห่งพวกนั้น ไล่นักข่าวพวกนี้ออกซะ”

“เข้าใจแล้วครับ”มารุตพยักหน้า

วารุณีได้ยินทั้งสองคุยกัน ก็ไม่ได้ห้าม

นักข่าวสองสามคนนั้นมาปิดล้อมเธอถึงที่ ไม่มีจรรยาบรรณในอาชีพ ถูกไล่ออกก็สมควรแล้วอย่างพวกเขา

ถูขมับ วารุณีหันกลับไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ“ประธานนัทธี สายมากแล้ว งั้นฉันไปสตูดิโอก่อนนะคะ”

“ไปเถอะ”นัทธีพยักหน้าเบาๆ

วารุณีโค้งให้เขาเล็กน้อย เดินไปที่หน้ารถของตัวเอง ขับรถออกไป

นัทธีก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมนานนัก หลังจากรถของเธอหายไปจนไม่เห็นอีก ก็ออกไปจากที่นี่ กับมารุต ไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

ครึ่งชั่วโมงถัดมา ก็ถึงตึกกิ่งฟ้า

วารุณีจอดรถเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปในอาคารใหญ่ ขึ้นลิฟต์มาที่สตูดิโอ

ข้างในสตูดิโอตอนนี้มีผู้คนเต็มไปหมด นั่งเต็มไปด้วยนักข่าวที่สื่อแต่ละแห่งส่งมา

เหล่านักข่าวพวกนั้นเสียงดัง ปาจรีย์กำลังยืนรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่หน้าพวกเขาสุด

แต่พวกนักข่าวพวกนั้นไม่ฟังสักคน ชูไมค์มาถามคำถามเธอที่เกี่ยวกับในเน็ตไม่หยุด

ปาจรีย์ถูกถามจนหงุดหงิด เกือบจะระเบิดออกมา

ตอนนี้เอง วารุณีผลักประตูที่ห้องสตูดิโอแล้วเดินเข้ามา มองกลุ่มนักข่าวในสตูดิโอด้วยสายตาหม่นลง ก็เสียงพูดดังขึ้นมา:“เพื่อนฉันบอกว่าให้พวกคุณเงียบ พวกคุณไม่ได้ยินเหรอคะ?”