ตอนที่ 75-2 องค์หญิงเก้า

องค์หญิงเก้าเดินย่องเข้ามาที่ด้านข้างของหลี่หมินเพื่อและกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“ข้าชอบกระจกบานนี้!”

หลี่หมิ่นเต่อจ้องมองไปที่องค์หญิงน้อยพร้อมกับยิ้มอ่อนราวกับว่าเขามิได้ยินอันใดเลย

สิ่งนี้ทําให้องค์หญิงเก้า ซึ่งปลอมตัวเป็นองค์ชายแปดค่อนข้างเสียความรู้สึก

แต่องค์หญิงน้อยยังมิสามารถขยับสายตาไปได้ นางยังคงจ้องมองไปที่หลี่หมินเต่ออย่างตั้งใจ

เกาหมินเยาะเย้ยอย่างเย็นชา

“อย่าเสียเวลาไปใส่ใจผู้คนที่มีนิสัยเช่นนี้เลย จิตใจของพวกเขาแตกต่างจากคนปกติทั่วไป”

ดวงตาของหลี่จางเล่อมืดมนทําให้มีสามารถล่วงรู้ได้ว่านางกําลังคิดอันใดอยู่

ในขณะนั้นองค์หญิงหย่งหนิงตัดสินใจปล่อยให้แขกผู้ที่มาร่วมงานพักผ่อนตามอัธยาศัย

บรรดาผู้หญิงที่มาร่วมงานซึ่งส่วนใหญ่มีสถานะอันสูงส่งนั้นต่างก็จับกลุ่มกันเพื่อเดินชื่นชมดอกไม้ในบริเวณงาน

ในขณะที่ผู้ชายเดินเล่นอย่างสบายๆ หรือเล่นเกมโยนสิ่งของลงในขวดไวน์หรือบางกลุ่มก็เล่นหมากรุก

ในศาลาทั่วเป่าเจิ้นสั่งคนรับใช้ให้จัดสถานที่ โดยมีคนรับใช้ยกชาที่ส่งกลิ่นหอมมาพร้อมกับกระดานหมากรุก เขายิ้มและกล่าวกับองค์ชายเจ็ดว่า

“น้องเจ็ด เรามาเล่นหมากรุกกันดีหรือไม่?”

จากนั้นทั่วเป่าหยู่ได้นั่งลง โดยที่ทั่วเป่ารุ่ยและองค์หญิงเก้านั่งอยู่ด้านข้างเพื่อดูพวกเขาเล่น

กระดานหมากรุกนี้เป็นหนึ่งในสมบัติล้ําค่าของพระตําหนักองค์หญิง

กระดานเป็นหยกขาวชิ้นเดียวที่มีการแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม สีของมันนั้นช่างไร้ที่ติ ความกระจ่างใสของหยกทําให้ผู้อื่นละสายตาจากมันได้ยาก

บนพื้นผิวของมันเป็นลวดลายสีทองแสดงให้เห็นถึงสี่เหลี่ยมของตาบนกระดานหมากรุกซึ่งเป็นทองคําของจักรพรรดิโดยมิต้องสงสัย

ตัวหมากรุกทําจากทองคําและวางอยู่บนกระดานหมากรุก หยกสีขาวทําให้น่าหลงใหลเหมือนดวงอาทิตย์ที่ถูกย่อขนาดให้เล็กลง

การปรากฏตัวของสมบัตินี้ในพระตําหนักขององค์หญิง เพียงพอที่จะเห็นความโปรดปรานของจักรพรรดิที่มีต่อพระนาง

ทั่วเป่าหยูยิ้ม ซึ่งเขารู้ดีว่าความรักและความโปรดปรานเช่นนี้อาจทําไปเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดที่ยิ่งใหญ่กว่า

องค์หญิงเก้ากระพริบตามองไปยังทิศทางของหลี่หมินเต่อ เพื่อดูว่าเขามอบกระจกที่งดงามบานนั้นให้หลี่เว่ยหยางหรือไม่?

นางใช้นิ้วเคาะแก้มของตนเองโดย มิสนใจทั่วเป่ารุ่ยซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง และเขาเอ่ยถามว่า:

“มีอันใดหรือ?”

องค์หญิงเก้าครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อยและกล่าวว่า

“ครั้งหนึ่งข้าเคยทูลขอกระดานหมากรุกนี้ต่อพระบิดา แต่พระองค์มิยินยอมที่จะประทานให้ มิคาดคิดว่าพระบิดาจะมอบมันให้กับพระพี่นาง!”

ทั่วเป่ารุ่ยยิ้ม:

“พระบิดาปฏิบัติกับพระพี่นางแตกต่างไปจากพวกเราเล็กน้อยเท่านั้นเอง”

จากนั้นองค์หญิงเก้าโบกมือและเรียกสาวใช้

“ชิงหลานจัดอาหารว่างให้ข้าด้วย”

จากนั้นสาวใช้ผู้หนึ่งได้นําอาหารว่างมาให้นางอย่างคล่องแคล่วและพลิ้วไหวราวกับใบไผ่ในสายลม

ทั่วเป่ารุ่ยกําลังจดจ่ออยู่กับกระดานหมากรุกตรงหน้า แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นมือที่ขาวนวลราวกับหยกกําลังวางจานลงบนโต๊ะอย่างสง่างาม จึงตกตะลึงและจ้องมองตามแขนข้างนั้น

ราวกับถูกฟ้าผ่าชั่วขณะ ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขามสามารถเคลื่อนไหวได้ ขณะที่วิญญาณของเขาล่องลอยออกไปจากร่างอย่างไร้สติ

สาวใช้ผู้นี้ช่างงดงามเสียจริงๆ …

สาวใช้เห็นทั่วเป่ารุ่ยจ้องมองมาที่ตนเองโดยไม่กระพริบตาขณะที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ทําให้ใบหน้าของนางเปล่งประกายราวกับดอกไม้บานที่มีความงดงามอย่างแท้จริง

ตอนนั้นทั่วเป่ารุ่ยรู้ตัวว่าตนเองกําลังกลั้นหายใจ จึงกระแอมขึ้นโดยตั้งใจจะกล่าวอันใดบางอย่างเพื่อปกปิดมัน แต่เขามิสามารถกล่าวอันใดออกมาได้

เขามีความเชี่ยวชาญด้านวรรณคดีและศิลปะการต่อสู้ แต่มีข้อบกพร่องคือ เขามักจะพ่ายแพ้ต่อความงามของหญิงสาว

องค์ชายห้าหลงใหลในความงามอันวิจิตรของหลี่จางเล่อ แต่ตอนนี้เมื่อมองไปยังสาวใช้ผู้นี้ ผู้ซึ่งมีเสน่ห์ แต่เป็นเสน่ห์ที่แตกต่างจากคุณหนูใหญ่

เมื่อเห็นการจ้องมองของทั่วเป่ารุ่ยที่หลงใหลในตัวนาง รอยยิ้มของหญิงสาวก็มีเสน่ห์เย้ายวนมากยิ่งขึ้น ขณะที่เอวของนางแกว่งเล็กน้อยในยามที่นางก้าวถอยออกไป

ทั่วเป่ารุ่ยรู้สึกทึ่ง

“น้องเก้า, สาวใช้ผู้นั้นมีลักษณะที่ดี เจ้ารู้จักนางได้อย่างไร ข้ามเคยเห็นหน้านางในวังหลวงนี้มาก่อนเลย”

องค์หญิงเก้ามองไปที่กระดานหมากรุกและกล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า

“ครั้งสุดท้ายที่ข้าออกจากวัง บังเอิญพบนางเข้าจึงพานางกลับมาด้วย

ในตอนนั้นนางเป็นแม่ค้าขายขนมอยู่ข้างถนน และมีเด็กที่น่ากลัวบางคนกําลังจะปล้นนาง ดังนั้นข้าจึงช่วยชีวิตนางเอาไว้!”

ทั่วเป่ารุ่ยรู้สึกประหลาดใจขณะที่กล่าวว่า

“ช่วยชีวิตเช่นนั้นหรือ?”

ทั่วเป่าเจิ้นวางหมากรุกลง และเงยหน้าขึ้นขณะที่กล่าวว่า

“ข้าเกรงว่า นางจงใจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาหรือไม่?”

ทั่วเป่ารุ่ยหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า

“พี่สามมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือไม่? เป็นข้าก็คงจะทนมิได้เช่นกันที่ได้เห็นคนอ่อนแอและหมดหนทางต้องถูกรังแกเช่นนั้น

พวกเขามิมีความละอาย!

แต่น้องเก้าทําเช่นนั้นก็อันตรายเกินไป ดังนั้นครั้งนี้ข้านับถือน้ําใจของน้องเก้า”

ต้องกล่าวว่า ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าตนเองก้าวข้ามขอบเขตจึงเงียบไป

พี่ชายทั้งสามเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่นาง ขณะที่ใบหน้าของนางแดงขึ้นทันที

“เหตุใดทุกคนจึงมองมาที่ข้า? ข้าเพียงแค่ทนเห็นความอยุติธรรมมิได้และรู้สึกเห็นใจนาง!

หลังจากที่พระบิดาทราบก็มิได้ตําหนิเช่นกัน และยังตรัสด้วยว่า ครั้งนี้ยกโทษให้ข้า!”

องค์หญิงยื่นมือเข้าไปช่วยผู้ใดบางคนโดยอ้างว่าต้องการช่วยชีวิตคนผู้นั้น ทําให้พี่น้องทั้งสามคนต่างก็ส่ายหัว

“เจ้ากล้ามากเกินไป!”

ทั่วเป่ารุ่ยแตะหน้าผากของเด็กหญิง โดยที่องค์หญิงเก้าหน้ามุ่ย และแก้มของนางแดงระเรื่อราวกับลูกตําลึง

“องค์หญิงเช่นข้าเป็นคนที่มีเหตุผล ดังนั้นคงมิทําอันใดตามอําเภอใจของตนเองอย่างแน่นอน

ข้าได้ยินมาว่า ปูของสาวใช้ผู้นี้เป็นทหารคนสนิทที่ติดตามเหลาหลัวกั่วกง

น่าเสียดาย! หลังจากที่ปู่ของนางเสียชีวิตในสนามรบ บิดาของนางก็เอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขาไปด้วย “

เหลาหลัวทั่วกง?

ทันใดนั้นองค์ชายเจ็ดก็เงยหน้าขึ้นขณะที่ความว่างเปล่าบนใบหน้าของเขาหายไปทั้งหมด

เหลาหลัวกั่วกงคือท่านปู่ของเขาซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเจ็ดปีก่อน

ถ้าเป็นเช่นนั้น สาวใช้ผู้นี้ต้องเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับท่านปู่ของเขา

ตัวหมากรุกในมือขององค์ชายเจ็ดยังคงค้างอยู่ในมือของตนเอง

“เป็นอะไรไปหรือ? พี่ห้าชอบนางหรือ?

เมื่อเทียบกับคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่แล้ว ความงามของนางนั้นอยู่ในระดับปานกลาง เพราะนางเป็นเพียงแค่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา”

องค์หญิงเก้ามิสังเกตเห็นการแสดงออกขององค์ชายเจ็ด โดยที่นางมุ่งเน้นไปที่ทั่วเป่ารุ่ย

“ท่านมิได้ยินในสิ่งที่ข้าเอ่ยถามหรือ?”