ตอนที่ 403 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (3) ตอนที่ 404 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 403 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (3) / ตอนที่ 404 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (4)
ตอนที่ 403 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (3)

“ที่ข้าต้องการคือให้เจ้าเอามันกลับไปอ่านช้าๆ” กู้หลีเซิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

“ข้าอ่านจบแล้ว”

“อะไรนะ” กู้หลีเซิงมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ

จวินอู๋เสียกล่าวว่า “ข้าอ่านจบแล้ว”

ความหนาของตำราเล่มนี้บางกว่ากฎของสำนักศึกษาเฟิงหัวซะอีก ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะจดจำ

“…” กู้หลีเซิงจ้องเขม็งไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่ละสายตา สักพักใหญ่ถึงกล่าวขึ้นว่า “อ่านจบแล้วหรือ เช่นนั้นไหนเจ้าลองท่องย่อหน้าที่สองของหน้าที่แปดให้ข้าฟังหน่อยเป็นอย่างไร”

จวินอู๋เสียเหลือบมองไปที่กู้หลีเซิงและเปิดปากพูดอย่างช้าๆ ทุกๆ ประโยคท่องได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่จุดเดียว ทุกๆ คำออกเสียงได้ชัดเจนถูกต้อง…

การแสดงออกของกู้หลีเซิงดูน่าพรั่นพรึงเล็กน้อย

เขายังคงกังขาในความสามารถนี้ของนางอยู่ จึงโยนตำราส่งให้จวินอู๋เสียอีกสองสามเล่มแล้วพูดว่า “ไหนเจ้าลองอ่านพวกนี้ดู”

จวินอู๋เสียเหลือบมองกู้หลีเซิงอีกครั้ง สุดท้ายก็ยอมก้มอ่านตำราพวกนั้นอย่างเหนื่อยใจ

และโดยไม่รอให้กู้หลีเซิงถามก่อน จวินอู๋เสียเลือกสองสามย่อหน้าจากตำราแต่ละเล่มด้วยตัวเองและท่องมันออกมา

จากนั้น…

กู้หลีเซิงเก็บตำราทั้งหมดขึ้นหิ้งอย่างเงียบๆ

เขาสาบานว่าเขาจะไม่เอาตำราเหล่านี้มอบให้ศิษย์คนใดอีกแล้ว!

ช่างน่าอับอายขายหน้าเหลือเกิน!

ในตอนนั้น กว่าเขาจะจดจำตำราไม่กี่เล่มนี้ได้ก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งปีแล้ว ทว่าลูกศิษย์ที่เขาหยิบมาจากข้างทางอย่างไม่ค่อยใส่ใจคนหนึ่ง กลับใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูปในการจดจำตำราทั้งแถว!

จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าว…

“แค่กๆ การท่องจำตำราไม่ใช่เรื่องยาก เจ้ามีความทรงจำที่ดี ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด…ก็คือการทำความเข้าใจกับข้อความเหล่านั้น” กู้หลีเซิงไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนต่อหน้าศิษย์ของเขาเช่นนี้มาก่อนเลย ส่วนใหญ่ภาพลักษณ์ของเขามักจะดูลึกลับและสูงส่งเสมอ แต่ตอนนี้กู้หลีเซิงตระหนักได้ว่าเขาจำเป็นต้องกอบกู้ใบหน้าของตัวเองกลับมาสักหน่อย

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณภายในตัวบุคคลนั้นเอง ซึ่งมันจะแปลงพลังวิญญาณของผู้ที่รักษา ให้เข้าไปเติมเต็มส่วนของจิตวิญญาณที่ขาดหายไป แต่ข้าคิดว่าวิธีการนี้หาใช่เส้นทางที่ถูกต้องนัก เนื่องจากปริมาณของพลังวิญญาณที่สูญเสียไปไม่ได้สอดคล้องกับปริมาณของพลังจิตวิญญาณที่ภูติวิญญาณที่ต้องรับการรักษาได้รับเลย มันมีพลังวิญญาณส่วนเกินที่รั่วไหลออกไปมากเกินไป ดังนั้นจึงอนุมานได้เพียงอย่างเดียวว่าวิธีการที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้มันผิด”

ในตำราเหล่านั้น ได้บันทึกเนื้อหาเกี่ยวกับการรักษาภูติวิญญาณไว้อย่างละเอียด ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะทำความเข้าใจได้ยาก แต่สำหรับจวินอู๋เสียสุดยอดนักวิชาการด้านการแพทย์จากอีกยุคสมัยหนึ่ง ผู้ซึ่งเข้าใจเรื่องของห่วงโซ่พันธุกรรมเป็นอย่างดีนั้น แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงและถ่ายโอนพลังงานนี้ ย่อมไม่ซับซ้อนเกินกว่าที่นางจะทำความเข้าใจได้ ตราบเท่าที่พื้นฐานของนางมั่นคงพอ นางย่อมสามารถต่อยอดไปได้เรื่อยๆ และอนุมานสมมติฐานได้มากมายได้ไม่มีจำกัด

ในความเห็นของนาง ตำราทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณนี้ ถือเป็นการปรับปรุงและสร้างวิธีการใช้พลังงานในรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นเส้นทางที่กล้าหาญมาก มันได้สร้างมิติใหม่ของการปรับใช้พลังวิญญาณขึ้นมาทำให้เกิดความเป็นไปได้ในอนาคตนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามสัดส่วนของพลังวิญญาณที่เสียไปเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้จากการเยียวยารักษาจิตวิญญาณยังคงต้องปรับปรุงอยู่มากโข

ใช่ มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากและสามารถใช้งานได้จริงๆ เพียงแต่ต้องวิจัยและพัฒนาต่อยอด ปรับปรุงเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย

ตำราไม่กี่เล่มนี้ได้ไขข้อสงสัยและสร้างความกระจ่างอย่างมากให้แก่จวินอู่เสีย

ปรากฏว่าร่างวิญญาณยังสามารถแปลงเป็นพลังงานชนิดหนึ่งได้ เฉกเช่นที่สามารถใช้เจ้าสัตว์ร้ายสีดำกลืนกินราชสีห์ทองคำยักษ์ลงท้อง ซึ่งนี่ก็ถือได้ว่าเป็นการกลืนกินพลังงานรูปแบบหนึ่ง เมื่อเจ้าสัตว์ร้ายสีดำแปลงสภาพร่างวิญญาณของราชสีห์ทองคำยักษ์ให้ไปเป็นพลังงานจิตวิญญาณ พลังงานนั้นก็จะกลายเป็นเหมือนสารอาหารชนิดหนึ่งซึ่งจะเสริมให้พลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนสิ่งที่เรียกว่าผู้เยียวยาจิตวิญญาณ ก็คือผู้ที่จะแปลงพลังวิญญาณของผู้ที่รักษาให้กลายเป็นพลังงานจิตวิญญาณ แม้ว่ามันจะไม่ได้บริสุทธิ์เทียบเท่ากับจิตวิญญาณที่แท้จริง แต่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง มันก็ยังสามารถบรรลุผลลัพธ์เช่นเดียวกันได้

ผู้เยียวยาจิตวิญญาณแม้ว่าจะดูลึกลับมาก แต่หลังจากที่จวินอู๋เสียได้อ่านตำราไม่กี่เล่มบนชั้นวางแล้ว นางก็รู้สึกว่า…

ดูเหมือน…ก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร

เป็นนางเองที่คิดมากเกินไปเกี่ยวกับมุมมองของภูติวิญญาณในโลกนี้ จึงกลายเป็นการตีกรอบความคิดของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

จวินอู๋เสียยังคงจมอยู่แต่กับความคิดของตัวเอง จนเผลอพูดข้อสงสัยและแนวคิดของตนออกไปดังๆ นางอธิบายให้กู้หลีเซิงฟังถึงข้อบกพร่องและจุดบอดของทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณออกมาเป็นระยะๆ รวมถึงด้านที่เขาต้องปรับปรุงด้วย

แต่จวินอู๋เสียผู้ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับการคำนวณอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ากู้หลีเซิงซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง อ้าปากเหวอมากจนแทบจะสามารถกลืนไข่ลงไปทั้งฟองได้

…………..

ตอนที่ 404 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (4)

“เดี๋ยวก่อน!” กู้หลีเซิงถูกคำว่า ‘พลังงาน’ ‘สมการ’ ‘การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม’ และอีกมากมายซึ่งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนทำเอาหัวสมองแทบระเบิดแล้ว เขารีบลุกขึ้นยืนและหยุดการพูดอย่างต่อเนื่องของจวินอู๋เสียทันที

หากปล่อยให้เจ้าหนูนี่พูดเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาคงได้เริ่มเกิดข้อกังขาในตัวเองแล้วจริงๆ ว่าทักษะด้านการเยียวยารักษาจิตวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมันผิดจริงหรือไม่

“มีอะไรหรือ”จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองกู้หลีเซิง ปกตินางไม่ใช่คนพูดมาก มีเพียงแค่การบรรยายอย่างอิสระในเรื่องของวิชาการเท่านั้นที่จะทำให้นางกระตือรือร้นขึ้นมา จวินอู๋เสียคล้ายกับจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นไม่น้อยเมื่อต้องสนทนาพาทีในภาษาที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วอย่างเนื้อหาความรู้ทางด้านวิชาการเหล่านี้

“ขออภัย แต่ข้า…ไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด” เมื่อกู้หลีเซิงพูดประโยคนี้ออกไป เขารู้สึกอับอายมากจริงๆ!

สุดท้ายแล้วผู้ใดเป็นอาจารย์ ผู้ใดเป็นศิษย์กันแน่!

มีศิษย์คนไหนบ้างพูดแต่ประโยคยากๆ ที่อยู่เหนือความเข้าใจของผู้เป็นอาจารย์โดยสิ้นเชิง!

การแสดงออกของจวินอู๋เสียดูฉุนเฉียวเล็กน้อย

“ที่ข้าพูด ก็คือทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณของท่าน”

กู้หลีเซิงเหงื่อตกเมื่อได้สบกับแววตาเช่นนั้นของจวินอู๋เสียที่ต้องการจะบอกว่า ‘เรื่องของท่านเองแท้ๆ ท่านจะไม่เข้าใจมันได้อย่างไร’

จิตใจซึ่งเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและเกียรติของอาจารย์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

ขออภัยด้วย เขาฟังมันไม่เข้าใจจริงๆ

จวินอู๋เสียจ้องไปที่กู้หลีเซิงพักใหญ่ ใบหน้าของกู้หลีเซิงก็ซีดแล้วซีดอีก สุดท้ายก็เป็นเจ้าแมวดำตัวน้อยที่อยู่บนไหล่ของนางไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป!

เหมียววว

เจ้านาย โปรดอย่าใช้ทฤษฎีของชาติที่แล้วมาอธิบายประเด็นที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานให้กับผู้คนในโลกนี้ฟังสิ

จวินอู๋เสียตอนนี้ถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่นางพูดออกไปนั้น ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้ที่ถูกค้นพบในชาติก่อนของนาง

“ข้าหมายความว่า ยังมีช่องว่างสำหรับการปรับปรุงทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณอีกมากมาย” จวินอู๋เสียสรุปคำพูดของนางให้เขาฟังด้วยคำพูดที่สั้นที่สุด

แต่บทสรุปแบบสั้นๆ นี้ กลับไม่ได้ทำให้สีหน้าของกู้หลีเซิงดีขึ้นเลย ตรงกันข้ามมันยิ่งซีดขาวมากขึ้นไปอีก

“เจ้า…เจ้ารู้ว่าควรจะพัฒนามันต่ออย่างไรหรือ!” มุมปากของกู้หลีเซิงกระตุก

ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณมีข้อบกพร่องเรื่องนี้เขารู้ดี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาจึงพยายามค้นคว้าและหาวิธีการปรับปรุงมันนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ล้มเหลวอยู่ตลอด ศิษย์คนอื่นๆ ของเขา ทำเพียงแค่ฝึกฝนและทำตามที่เขาสอนเท่านั้น ไม่เคยมีใครตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับทักษะของเขาเลยสักคนเดียว

เขาไม่ได้คาดหวังว่าจวินอู๋เสียเด็กชายตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามาสัมผัสกับศาสตร์ด้านการผู้เยียวยาจิตวิญญาณนี้ จะมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณได้ในเวลาเพียงแค่น้อยกว่าหนึ่งก้านธูปซะอีก

จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สามารถลองทำดูได้”

“จริงหรือ!” กู้หลีเซิงมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างสงสัย

“อืม”

กู้หลีเซิงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที เขาเดินวนรอบๆ ร่างเล็กและสอบถามนางคร่าวๆ สองสามประโยค จากนั้นก็มองนางขึ้นลงหลายทีอย่างพิจารณา

“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าอยากจะเดิมพันสักครั้งหรือไม่”

“พูดมา” จวินอู๋เสียกล่าว

“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้แล้วว่าทักษะด้านการเยียวยารักษาจิตวิญญาณในปัจจุบันนี้นั้น ยังมีข้อบกพร่องและจำเป็นต้องปรับปรุงอีกมาก การที่เจ้าอยู่ในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณต่อไป คงไม่ได้เรียนรู้อะไรจากสถานที่แห่งนี้และจะเป็นการเสียเวลาเจ้าเปล่าๆ ไม่สู้เจ้าลองไปเข้าชั้นเรียนอื่นของสำนักศึกษาเฟิงหัวดูเป็นอย่างไร อย่างเช่นสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณ ลองไปศึกษาทักษะของศาสตร์นั้นเพิ่มเติมดู?” กู้หลีเซิงจู่ๆ ก็เกิดความคิดนี้เข้ามาในหัว เขารู้ว่าตัวเองไม่ควรฝากความหวังทั้งหมดของเขาไว้ที่จวินอู๋เสีย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทางตันที่ไม่อาจก้าวข้ามมันไปได้ เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ

เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียสามารถมองเห็นจุดบกพร่องของทักษะวิชานี้ได้อย่างรวดเร็ว บางที…

บางทีนางอาจจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ!

จวินอู๋เสียมองไปที่กู้หลีเซิง เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มและความสนุกสนานในดวงตาของกู้หลีเซิงได้หายไปจนหมดแล้วและถูกแทนที่ด้วยความจริงจัง นางก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ

………….