ตอนที่ 405 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (5) ตอนที่ 406 กลับตาลปัตร (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 405 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (5) / ตอนที่ 406 กลับตาลปัตร (1)
ตอนที่ 405 ผู้เยียวยาจิตวิญญาณ (5)

กู้หลีเซิงยิ้มกว้างทันที ครั้งแรกที่เขาเห็นเด็กน้อยคนนี้ เขาก็พบว่าอีกฝ่ายน่าสนใจมาก แม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่ก็สามารถทะลวงระดับพลังวิญญาณขึ้นมาอยู่ในขั้นสีส้มได้แล้ว แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือวงแหวนภูติวิญญาณของเด็กคนนี้นั้นอ่อนแอยิ่งนัก มันเป็นความอ่อนแอที่ไม่ได้เกิดจากโรคร้าย แต่เกิดจากการต่อสู้และโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

ต้องรู้ก่อนว่าการจะทำให้วงแหวนภูติวิญญาณของคนคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เขาอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัวเล็กคนนี้ เลยส่งคำเชิญให้นางมาเข้าสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ แต่คิดไม่ถึง ผลลัพธ์ที่เขาได้รับกลับทำให้เขาตกใจมากจริงๆ

“อย่าเพิ่งรีบตอบตกลงรวดเร็วนัก ข้ายังพูดไม่จบ ข้าไม่ให้เจ้าอยู่ที่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณต่อ แต่ขณะเดียวกันข้าเองก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเจ้ากำลังปรับปรุงทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณอยู่เช่นกัน เจ้าคงเข้าใจดีกระมังถึงความล่อลวงของทักษะนี้ หากมีใครรู้ว่าเจ้ากำลังค้นคว้าและพัฒนามันอย่างลับๆ ไม่เพียงแต่มันจะนำปัญหามากมายมาให้เจ้า อาจถึงขั้นทำให้ชีวิตเจ้าตกอยู่ในอันตรายด้วย แต่ถ้าหากข้าขับเจ้าออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณทั้งเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะไปคุยกับท่านอาจารย์ใหญ่เพื่อให้เจ้าสามารถอยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวต่อได้ แต่การปฏิบัติที่เจ้าจะได้รับจากทุกคนและอาจารย์ทุกท่าน ไม่ว่าเจ้าจะถูกส่งไปที่สาขาไหนต่อก็ตามมันไม่ใช่เรื่องดีเลย” กู้หลีเซิงหรี่ตาลง เพราะก่อนหน้านี้เขาประกาศออกไปว่าสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณจะรับจวินอู๋เสียเป็นศิษย์เพียงแค่คนเดียว นางจึงกลายเป็น ‘คนดัง’ ของสำนักศึกษาเฟิงหัวเพียงชั่วข้ามคืน แต่หากนางถูกไล่ออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณตั้งแต่วันแรก และถูกจับยัดเข้าสาขาอื่น เขาเกรงว่าคนหนุ่มสาวที่อิจฉาในตัวจวินอู๋เสียจะไม่ยอมแพ้และคอยสร้างปัญหาให้นางไม่เลิก

“สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณหรือไม่” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะและมองกู้หลีเซิงอย่างใจเย็น

กู้หลีเซิงชะงักกึก

“ข้าเพียงต้องการรู้ว่าข้าต้องทำอย่างไรเท่านั้น” จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา นางไม่เคยแยแสความเห็นของคนอื่นอยู่แล้ว จะพูดอะไร จะทำอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางเล่า ขอเพียงแค่นางสามารถบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้ก็พอ

กู้หลีเซิงระเบิดหัวเราะออกมาในทันที เขามองไปที่จวินอู่เสียและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าช่างเป็นเด็กที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาเลย”

สติปัญญาแบบนี้ อารมณ์และบุคลิกแบบนี้…เกรงว่าจะไม่มีคนที่สองอีกแล้วบนโลกใบนี้

ขอถามหน่อย ผู้ใดบ้างเล่าเพิ่งเข้าร่วมกับสำนักศึกษาในวันแรกก็สามารถพูดคุยกับอาจารย์ของพวกเขาเกี่ยวกับความรู้ทางด้านวิชาการได้อย่างอิสระ แถมไม่เพียงแต่จะสามารถชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของทักษะวิชาในสาขานั้นๆ แต่ยังสามารถรักษาการแสดงออกที่สงบนิ่งไม่แยแสเช่นนั้นไว้ได้อีกด้วย

จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไร

“ในเมื่อเจ้าคิดว่าไม่มีปัญหา เช่นนั้นข้าก็จะจัดการเรื่องนี้เอง แต่หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือใดๆ เจ้าก็สามารถมาหาข้าได้ที่นี่ทุกเมื่อ” กู้หลีเซิงถอนหายใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบและทำไม่ดีกับเด็กหนุ่มเล็กน้อย สายตาที่มองไปทางร่างเล็กจึงค่อนข้างซับซ้อนอย่างมาก

จวินอู๋เสียไม่ได้ปฏิเสธความปรารถนาดีของกู้หลีเซิง อันที่จริงหลังจากที่อ่านตำราไม่กี่เล่มเหล่านั้นจบ…กู้หลีเซิงก็ไม่มีประโยชน์สำหรับจวินอู๋เสียอีกต่อไป…

“แค่กๆ…เช่นนั้นข้าจะไปพูดคุยกับท่านอาจารย์ใหญ่เดี๋ยวนี้ เจ้าอยากอยู่ที่นี่เพื่อเดินดูรอบๆ ต่อหรือว่า…” กู้หลีเซิงแทบไม่อาจรักษาภาพพจน์ของอาจารย์ต่อหน้าจวินอู๋เสียได้อีกต่อไปแล้ว เจ้าหนูนี่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาอีก

“ข้าขออ่านตำราพวกนี้ทั้งหมดได้หรือไม่” จวินอู๋เสียชี้ไปที่ชั้นวางตำราที่มีตำราเรียงอยู่มากมายของกู้หลีเซิง

มุมปากของกู้หลีเซิงกระตุกเล็กน้อย “เชิญตามสบาย”

หลังจากนั้นจวินอู๋เสียก็หมกมุ่นอยู่แต่กับเนื้อหาในตำราไม่สนใจสิ่งรอบตัวอีก กู้หลีเซิงวิ่งไปขอพบท่านอาจารย์ใหญ่เพื่อพูดคุยในเรื่องนี้ เขาอธิบายกับท่านอาจารย์ใหญ่ว่า เขาต้องการ ‘ขับไล่’ จวินอู๋เสียออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณของเขา

มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ตอนที่เขาพูดคำว่า ‘ขับไล่’ ศิษย์ที่เป็นเหมือนกับปีศาจผู้นี้ออกไป หัวใจของกู้หลีเซิงแทบจะแหลกสลาย อย่างไรก็ตามสำหรับจวินอู๋เสียแล้วนี่ก็เป็นการปกป้องเขาอย่างหนึ่งเช่นกัน

หากเด็กหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่ง สามารถเชี่ยวชาญทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณที่แม้แต่ปรมาจารย์ผู้เยียวยาจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงก้องโลกอย่างกู้หลีเซิงยังไม่อาจแม้แต่จะทำความเข้าใจได้ ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่ามันจะนำหายนะมาให้นางมากมายขนาดไหน

ตอนที่ 406 กลับตาลปัตร (1)

อิ่นเหยียนเดินไปเดินมาอยู่ระหว่างชั้นของตึกอย่างไม่สบายใจ หลังจากที่ขึ้นจวินอู๋เสียไปที่ห้องทำงานของ นี่ก็ผ่านมานานกว่าครึ่งก้านธูปแล้ว เห็นทั้งสองคนยังไม่ปรากฏตัวเสียที ความกังวลใจของอิ่นเหยียนก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ความจริงที่ว่าจวินอู๋เสียสามารถทำให้กู้หลีเซิงยอมทำลายกฎของตัวเองแล้วรับเขาเข้ามาเป็นศิษย์สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาเพียงคนเดียวในปีนี้ได้ ประเด็นนี้ทำให้อิ่นเหยียนร้อนใจมากจริงๆ

ในขณะที่อิ่นเหยียนยังคงกังวลอยู่ ประตูที่ปิดสนิทของห้องทำงานก็ถูกผลักให้เปิดออกในที่สุด อิ่นเหยียนรีบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในมุมอาคาร

เขาเห็นกู้หลีเซิงเดินออกมาจากห้องทำงานเพียงลำพังและวิ่งออกจากตึกสาขาไปอย่างเร่งรีบ ก่อนไปยังกระแทกประตูปิดด้วยเสียงที่ดังมาก

อิ่นเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของกู้หลีเซิงเมื่อเขาจากไป เขาก็รู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่าสถานการณ์อาจไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เขาคิด

กู้หลีเซิงปกติมักจะเป็นมิตรและพูดคุยกับคนอื่นๆ ได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะกับทั้งศิษย์ของเขาเองหรือศิษย์ของสาขาอื่นๆ เขาก็มักจะยิ้มแย้มและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยดีเสมอ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะรีบร้อนและไม่ระวังภาพลักษณ์อย่างเช่นในตอนนี้

“หรือเจ้าเด็กจวินเสียนั่นมันจะทำให้ท่านอาจารย์ไม่พอใจ” อิ่นเหยียนอดไม่ได้พึมพำกับตัวเองเสียงเบา

อย่างไรก็ตาม การคาดเดาของอิ่นเหยียนก็ได้รับการยืนยันในไม่ช้า

กู้หลีเซิงวิ่งออกไปได้ไม่ถึงช่วยยาม พอเขากลับมา จวินอู๋เสียก็เดินออกจากตึกสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไปเพียงลำพัง อิ่นเหยียนสังเกตเห็นว่าในตอนที่จวินอู๋เสียเดินออกมาจากห้องทำงานของกู้หลีเซิงนั้น ไม่ได้มีป้ายหยกรูปดวงดาวติดอยู่ที่หน้าอกของนาง ป้ายหยกที่เป็นสัญลักษณ์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณถูกถอดออกไปแล้ว!

เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของอิ่นเหยียนก็เต้นแรง

หลังจากที่จวินอู๋เสียออกมาจากห้องทำงานของกู้หลีเซิง นางก็เดินออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไปไม่หันกลับมาอีก

การกระทำทุกอย่างได้แสดงให้อิ่นเหยียนซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเห็นว่าจวินอู๋เสียถูกไล่ออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณแล้ว!

ภายในเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว ข่าวการขับไล่จวินอู๋เสียออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณก็ได้แพร่กระจายไปทั่วสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างรวดเร็ว

ถ้าเป็นคนอื่น เรื่องนี้อาจไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใครมากนัก แต่เพราะมันคือจวินอู๋เสีย และก่อนหน้านี้นางก็เคยสร้างมรสุมใหญ่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวมาก่อน ตอนนี้ศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวถึงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ ‘จวินเสีย’ สองคำนี้

เดิมทีอนาคตของเขาสมควรจะรุ่งโรจน์และไม่มีที่สิ้นสุด แต่เด็กหนุ่มผู้แสนโชคดีคนนี้กลับถูกไล่ออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณเพียงไม่กี่ชั่วยามหลังจากที่เขาก้าวเข้าไป!

ต้องรู้ก่อนว่าแม้สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณจะเคยมีกรณีขับไล่ศิษย์ออกจากสาขามาก่อน แต่มันก็จะถูกตัดสินหนึ่งปีหลังจากสังเกตการณ์มาได้สักระยะ แต่คนอย่างจวินอู๋เสียกลับถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกหลังจากที่ไปรายงานตัว เรื่องนี้ทำให้คนตื่นตระหนกตกใจมากจริงๆ!

ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายและลุกลามไปทั่วราวกับไฟป่า กลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่แอบอิจฉาในโชควาสนาของจวินอู๋เสีย ก็พากันหัวเราะเยาะและซ้ำเติมให้กับความตกต่ำของอีกฝ่ายทันที

เด็กหนุ่มผู้โชคดีที่ทำให้ผู้คนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อวันวาน วันนี้กลับกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่!

ร่วงหล่นจากก้อนเมฆลงมาสู่โคลนตมในชั่วพริบตา!

เพียงวันเดียวจวินอู๋เสียก็เปลี่ยนจากเป้าหมายที่เป็นที่น่าอิจฉา กลายมาเป็นที่น่าหัวเราะเยาะ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้จวินอู๋เสียไม่ได้รับรู้เลยสักนิด หลังจากที่นางก้าวออกจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณไป นางก็ตรงกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง เนื่องจากเวลานี้ทุกคนกำลังออกไปเรียนอยู่ ภายในหอพักจึงว่างเปล่าและเงียบเหงา ไร้ซึ่งเงาคนให้เห็นโดยสิ้นเชิง

หลังจากนั่งพิงไปกับหัวเตียง จวินอู๋เสียก็หยิบป้ายหยกที่สลักตราของสาขาผู้ใช้สัตว์วิญญาณออกมาจากแขนเสื้อ

นี่คือสิ่งที่กู้หลีเซิงมอบให้กับนางด้วยตนเองในห้องทำงานของเขาก่อนที่นางจะจากมา