บทที่ 211 จะต้องแต่งเข้าตระกูลเจียงให้ได้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 211 จะต้องแต่งเข้าตระกูลเจียงให้ได้

บทที่ 211 จะต้องแต่งเข้าตระกูลเจียงให้ได้

กู้ซินเถาคิดโน่นคิดนี่จนใบหน้าขาวราวไข่ปอกดูแล้วชวนทำให้คนใจเต้น แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังย้อนแย้งอะไรบางอย่าง

“ท่านแม่ หน้าตาของคุณชายเจียงท่านนี้” เจียงหย่วนทั้งเตี้ยทั้งอ้วน หน้าตาของเขาทำให้คนไม่ได้เยินยอเขาเลย

กู้ซินเถาพูดออกมาตามตรง เดิมทีนางคิดว่าเจียงหย่วนหน้าตาไม่หล่อเหลา แต่รูปร่างดีก็ยังพอรับได้ แบบนี้ลักษณะภายนอกก็พอจะเหมาะสมกับกู้ซินเถาได้ แต่รอจนกระทั่งได้มาเห็น ใจจริงกู้ซินเถาอยากแต่งเข้าตระกูลเจียง แต่ก็รู้สึกลังเลไม่น้อย เจียงหย่วนหน้าตาแบบนี้ดูจะอัปลักษณ์เกินไปจริง ๆ

ซุนซื่อเห็นบุตรสาวพูดเช่นนี้ก็รู้ว่านางหมายความว่าอะไร

ในตอนนั้นตอนที่พบกับเจียงหย่วนครั้งแรก ซุนซื่อยอมรับว่านางมองเจียงหย่วนอย่างไม่เชื่อตาหลายครั้งเช่นนั้น

เขามีรูปร่างเตี้ยตัน และมีใบหน้าธรรมดาเกินไปด้วยซ้ำ

แม้ว่าเจียงหย่วนจะหน้าตาแบบนั้น แต่ตระกูลของคนผู้นี้กลับเฟื่องฟูมากทีเดียว

สมัยนี้แค่หน้าตาดีจะมีประโยชน์อันใดเล่า

“ซินเถา เจ้าจะทิ้งเจียงหย่วนเพราะเขาหน้าตาไม่ดีอย่างนั้นหรือ” ซุนซื่อถามอย่างระมัดระวัง ความจริงซุนซื่อก็เข้าใจสิ่งที่บุตรสาวของตัวเองคิดแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่านางต้องสั่งสอนกู้ซินเถาเสียก่อน ให้กู้ซินเอาความคิดในตอนนี้ทิ้งไปเสียให้หมด

กู้ซินเถาเห็นซุนซื่อพูดตรง ๆ เช่นนั้นก็รู้สึกอายเล็กน้อย มือขวาบีบข้อมือซ้ายอย่างทำอะไรไม่ถูก แค่สัมผัสก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่ปลายนิ้ว

นั่นคือกำไลข้อมือหยกที่เจียงหย่วนเป็นคนให้นางไว้เมื่อตอนที่ไปจิบน้ำชายามบ่าย

แม้ว่ากู้ซินเถาจะไม่รู้เรื่องหยก แต่ตัวหยกที่ละเอียดประณีตดูจากรูปทรงแล้วน่าจะแพงกว่ากำไลหยกบนข้อมือของซุนซื่อเป็นแสนเท่าแล้ว

ซุนซื่อเห็นท่าทางของกู้ซินเถาก็ดึงข้อมือซ้ายของนางออกมา ชุดสีชมพูอ่อนตัวนี้มีแขนกว้าง นางจึงคว้าข้อมือของกู้ซินเถามาดูอย่างละเอียดอีกที

กำไลหยกเขียวมรกตตลอดทั้งอันอุ่นขึ้นเนื่องจากมันใส่อยู่บนข้อมือของกู้ซินเถา พอซุนซื่อเห็นก็รู้ว่าราคาของหยกอันนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นางถามอย่างรีบเร่ง “คุณชายเจียงมอบให้หรือ”

กู้ซินเถาหยิบกำไลกลับมาจากมือของซุนซื่อ พลางพยักหน้าอย่างเขินอายตอบว่าอืมเสียงหนึ่ง

พอซุนซื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจอย่างมาก

เจียงหย่วนเริ่มมอบของขวัญให้กู้ซินเถาแล้ว แถมยังให้กำไลหยกเนื้อดีขนาดนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร

ทั้งหมดนี้ก็หมายว่าความเจียงหย่วนชอบกู้ซินเถาเข้าแล้ว พอคิดได้เช่นนี้ ซุนซื่อก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา

“ซินเถา กำไลหยกบนมือของเจ้า ดีเสียยิ่งกว่ากำไลของแม่เสียอีก” โบราณว่าแม้ทองจะมีมูลค่า แต่หยกนั้นประเมินค่าไม่ได้ แม้ว่าซุนซื่อจะไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าของสิ่งนี้มีมูลค่าเท่าไร แต่เพียงแค่ใช้สายตาเปล่า ๆ ดูก็รู้ได้ว่าเป็นกำไลมีมูลค่าอันหนึ่ง กำไลนี้ทั้งมันเลื่อมเป็นประกายและมีสีเขียวกระจ่างเต็มทั้งอัน

ซุนซื่อทำงานอยู่ในร้านอาหารร้านเดียวกับกู้ฉวนโซ่วก็เคยเจอกับพวกฮูหยินมาบ้าง ฮูหยินเหล่านี้ก็เป็นคนมีเงินเช่นกัน บนข้อมือพวกนางต่างก็สวมกำไลหยกเขียว ต่อมาฮูหยินที่สนิทกับซุนซื่อคนหนึ่งก็เคยหยิบเอากำไลอันหนึ่งออกมา กำไลนั้นเป็นสีเขียวมรกตเช่นกัน แต่ก็ยังสู้กำไลของกู้ซินเถาไม่ได้เลย นางได้ยินฮูหยินคนนั้นบอกว่ากำไลอันนั้นต้องจ่ายหลายร้อยตำลึงเชียว

กู้ซินเถาย่อมรู้ว่ากำไลบนข้อมือของนางนั้นมีค่ามากกว่าของซุนซื่อ นางลูบกำไลไปมาก็รู้สึกมีความสุขยิ่งราวกับว่านางชื่นชอบกำไลอันนี้ยิ่งนัก

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ กำไลนี้ราคาสูงมากและเป็นเครื่องประดับชิ้นแรกที่กู้ซินเถามีไว้ครอบครอง

ซุนซื่อเห็นเจียงหย่วนปฏิบัติต่อภรรยาในอนาคตเช่นนี้ นางก็ยิ่งชอบใจรีบสั่งสอนกู้ซินเถาโดยพลัน

“ซินเถา กำไลนี้น่ะ เดาว่าต้องราคาหลายร้อยตำลึงเป็นแน่” ซุนซื่อพูด เมื่อกู้ซินเถาได้ยินมารดาของตนพูดว่ากำไลนี้มีมูลค่าสูง นางก็เผลอลูบกำไลอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางราวกับกลัวว่ามันจะบินหนีไปอย่างไรอย่างนั้น

“เจียงหย่วนคนนี้ช่างปฏิบัติกับเจ้าอย่างหาได้ยากจริง ๆ รู้จักกันเพียงไม่นานก็ให้ของล้ำค่ากับเจ้าถึงขนาดนี้แล้ว ซินเถา แม้ว่าตอนนี้คุณชายเจียงจะหน้าตาธรรมดา แต่ครอบครัวทำกิจการใหญ่โต ต่อไปเจ้าจะกลายเป็นคุณนาย อะไร ๆ เจ้าก็ไม่ต้องทำเอง วัน ๆ แค่จับจ่ายซื้อของ ดูแลคนในบ้านตระกูลเจียงก็พอแล้ว ทุกวันจะมีคนติดตามคอยดูแลเจ้ามากมาย เจ้ายังสามารถดื่มชาแก้วละสิบสองเหรียญเงินได้ด้วย เจ้าลองคิดดูว่า ชีวิตเช่นนี้ในเมืองหลิวเจียของเราจะมีผู้หญิงคนไหนมีชีวิตดีขนาดนี้บ้าง” ซุนซื่อสอนอย่างยาดีต้องขมปาก*[1] ทำให้กู้ซินเถาเริ่มหวั่นไหว เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็ยิ่งเติมน้ำมันในกองไฟ “หน้าตาดีไปแล้วได้อะไร เจ้าดูพ่อของเจ้า ดูกู้ฉวนฟู่ที่ตายไป แล้วดูที่เจ้ากับนังกู้เสี่ยวหวานนั่นสิ”

พูดถึงตรงนี้ซุนซื่อก็หัวเราะอย่างเย็นชา นึกถึงตอนที่ตัวเองอยู่ในชนบทก็ดูถูกในใจ

“พ่อของเจ้าหน้าตาเหมือนกับอารองที่ตายไปแล้วคนนั้น แต่ท่านพ่อของเจ้านั้นมีดีกว่า ส่วนเจ้าก็ดีว่ากู้เสี่ยวหวานหลายพันหลายหมื่นเท่า หน้าตาดีแต่ถ้าไม่ทำตัวเองให้ดีก็เท่านั้น แต่ถ้าเรามีเงิน นั่นแหละถึงจะดีที่สุด”

กู้ซินเถาย่อมรู้ว่ากู้ฉวนฟู่หน้าตาดี อารองที่ตายไปน่าจะเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดในลูกชายสามคน แต่เขาก็เป็นคนที่มีอายุสั้นที่สุดเช่นกัน แม้แต่นิ้วชี้นิ้วเดียวยังสู้พ่อของนางไม่ได้เลย กู้ซินเถาเริ่มจะเข้าใจ

ถ้าตัวเองได้แต่งเข้าตระกูลเจียงได้ เช่นนั้นก็จะมีทั้งผ้าแพรงดงามสวมใส่ มีทั้งทองและหยก ได้ใช้ชีวิตกินดีอยู่ดี ต่อให้อัปลักษณ์แล้วอย่างไรเล่า ขอแค่มีเงินอะไรก็ดีกว่าทั้งนั้น

เมื่อจินตนาการเช่นนั้น กู้ซินเถานั้นก็เริ่มคิดอะไรได้แล้วเช่นกัน

กู้ซินเถาที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่ยินยอม ตอนนี้กลับยอมรับแล้วในเวลาสั้น ๆ ซุนซื่อก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดเมื่อครู่นั้นสัมฤทธิผล

“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว!” เมื่อซุนซื่อเห็นกู้ซินเถาพูดเช่นนี้นางก็วางใจ “ซินเถา เจ้าต้องจำไว้ว่าจะมีแต่ความสวยอย่างเดียวไม่ได้ด้วย”

ซุนซื่อพูดว่าจะสวยอย่างด้วยไม่ได้นั้น ไม่ใช่คำพูดที่ผิดเลยจริง ๆ

ในตอนที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น กู้จือเหวินก็เดินเข้ามา

“ท่านแม่”

“พี่ใหญ่”

“เลิกเรียนแล้วหรือ” ซุนซื่อรีบเข้าไปต้อนรับ แล้วรินชาใส่แก้วให้กู้จือเหวิน

เมื่อครู่ตรงหน้ากู้ซินเถาก็มีแก้วชาใบหนึ่ง แต่หลังจากดื่มหนึ่งอึกก็วางแก้วลง

พอได้ดื่มชาสิบสองเหรีญเงินแล้วมาดื่มชาราคาถูกแบบนี้ อย่างไรก็รู้สึกว่ารสชาติต่างกันลิบลับ

ซุนซื่อเห็นสีหน้าของกู้จือเหวินแปลก ๆ ก็รีบถามว่ามีเรื่องอะไร กู้จือเหวินดื่มชาหนึ่งอึกเสร็จแล้วก็หัวเราะเย็น ๆ เสียงหนึ่ง จากนั้นก็วางแก้วชาบนโต๊ะอย่างแรง

*[1] ยาดีต้องขมปาก เป็นสำนวณ หมายถึง ตักเตือนด้วยความหวังดี