บทที่ 213 ตามหาลุงจาง

บทที่ 213 ตามหาลุงจาง

ครั้งก่อนที่เข้าไปในเมืองหลิวเจีย กู้เสี่ยวหวานเห็นว่ามีคนขายเครื่องจักรสานเหล่านี้ ส่วนมากเป็นตะกร้าที่สานง่าย ๆ ซึ่งทำจากไม้ไผ่ ทั้งหมดเป็นตะกร้าใบใหญ่และมีน้ำหนัก การจักรสานไม่ได้ละเอียดลออ เหมือนงานชิ้นเล็ก ๆ มากนัก แม้ว่าจะสามารถขายได้ แต่ลูกค้าส่วนมากเป็นลูกค้ากลุ่มชาวนา เพราะว่ากลุ่มชาวนามักจะใช้ตะกร้าสานใบใหญ่ ๆ ที่มีความแข็งแรงและสามารถใช้งานได้นาน

แต่ลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ จะต้องชอบใช้ของที่ประณีต สวยงาม และมีขนาดเล็ก กู้เสี่ยวหวานจึงวาดรูปตะกร้าเล็ก ๆ สองสามรูปที่ใช้ใส่ของว่าง เดินจับจ่ายซื้อกับข้าว และยังสามารถวางบนโต๊ะเครื่องประทินโฉมของสตรีเพื่อใส่พวกของบำรุงผิวหรือแป้งต่าง ๆ ทั้งใช้งานได้ ทั้งดูดี มีน้ำหนักเบาและขนาดพกพาง่าย ต่างจากตะกร้าสานใบใหญ่ที่ดูงุ่มง่ามพวกนั้น

กู้เสี่ยวหวานหอบรูปทั้งหมดเอาไว้ในอ้อมแขน คิดจะวิ่งไปบ้านของป้าจางสักหน่อย นางอยากถามลุงจางว่าของเหล่านี้สามารถรังสรรค์มันขึ้นมาได้หรือไม่ ถ้าสามารถทำออกมาได้ พรุ่งนี้นางกำลังจะเข้าไปในเมืองพอดี จะได้นำติดไปด้วยสองสามใบเพื่อดูว่าจะสามารถหาตลาดไปขายได้หรือไม่

จนกู้หนิงผิงล้างจานเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็ลงกลอนประตูแล้วพาน้องสองคนไปบ้านของท่านป้าจาง

เมื่อมาถึงบ้านของป้าจางก็เห็นคนทั้งสามนั่งอยู่ในลานหน้าบ้าน มือของท่านลุงจางไม่หยุดสานกล่องใส่ของ ข้าง ๆ มีตะกร้าหาบใบใหญ่วางอยู่ข้าง ๆ ฉือโถวกำลังใช้มีดตัดไม้ไผ่เปลี่ยนเป็นเส้น ๆ ส่วนป้าจางเอาไม้ไผ่ไปแช่น้ำ ไม่นานก็เอาขึ้นมา ตากไว้ในแห้งแล้วจึงส่งให้ลุงจาง ทั้งสามต่างแบ่งงานกันทำ พูดคุยกับเป็นพัก ๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ด้านนอก ไม่ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศมีความสุขขนาดไหน

ฉือโถวเป็นคนแรกที่มองเห็นกู้เสี่ยวหวาน เขารีบเรียกพ่อกับแม่ของตน เขาวางมีดในมือแล้วลุกขึ้นไปต้อนรับกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาพูดคุยยิ้มแย้มเดินเข้าในลานหน้าบ้าน ป้าจางก็ไปหยิบเก้าอี้เล็ก ๆ สองสามตัวออกมา “เสี่ยวหวานมาหรือ มา ๆ รีบนั่งเร็ว”

พวกกู้เสี่ยวหวานเรียกป้าจางและลุงจางเสียงหวาน นั่งลงบนเก้าอี้

“ท่านลุงจาง งานฝีมือของท่านดียิ่งนัก!” กู้เสี่ยวหวานมองตะกร้าไม้ไผ่ของลุงจาง มือของลุงจางยังคงขยับอย่างว่องไว เส้นแล้วเส้นเหล่าซ้อนทับกัน กลายเป็นตะกร้าใส่ของอันหนึ่ง ความหนาของไม้ไผ่เรียงกันอย่างพอดี ทั้งขนาดก็ยังพอเหมาะพอเจาะ ดูดีมาก ๆ

ลุงจางหัวเราะ “สานมาตั้งหลายสิบปี ข้าทำจนชินแล้ว!”

กู้เสี่ยวหวานเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน และถามว่า “ท่านลุงจาง ตะกร้าใส่ของกับตะกร้าหาบของ หนึ่งปีท่านสามารถทำขายได้กี่อันหรือ”

ลุงจางครุ่นคิดคำนวนแล้วตอบว่า “น่าจะประมาณห้าสิบกว่าอันกระมัง ในหนึ่งปีข้าสามารถขายออกไปได้เยอะเท่านี้แหละ”

“เสี่ยวหวาน ตะกร้าสานของลุงจางน่ะทำออกมาได้แข็งแรงมากเลยนะ ใช้ได้หลายปีโดยที่ไม่พังเชียวล่ะ!” ป้าจางที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มแล้วพูดต่อ ตะกร้าสานของครอบครัวนางนั้นสานออกมาได้ทั้งแข็งแรงทั้งใช้ประโยชน์ได้ หลายคนชื่นชอบจนถึงกับมาซื้อที่บ้านของนาง เพียงแต่ว่าของพวกนี้ใช้ได้หลายปีก็ไม่พัง พวกเขาจึงขายได้ไม่ดีนัก ในใจพวกนางก็ทั้งชอบและก็ทั้งเศร้าใจ

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า หนึ่งปีทำได้ห้าสิบอัน เท่านี้ก็พอจะเดารายได้ได้แล้ว คาดว่าน่าจะทำได้ไม่กี่แบบก็เท่านั้น

กู้เสี่ยวหวานคิดก็แสดงความคิดเห็นว่า “ท่านลุงจาง ท่านดูกล่องตะกร้าที่ท่านสานสิเจ้าคะ กล่องตะกร้าใบใหญ่อันนี้ท่านสามารถทำให้มันเล็กลงหน่อยได้หรือไม่”

“เสี่ยวหวาน เพียงแค่เจ้าพูดออกมาว่าต้องการทำแบบใด ไม่มีอันใดที่ลุงจางของเจ้าทำไม่ได้หรอกนะ!” ลุงจางพูดอย่างภูมิใจนิด ๆ เนื่องจากสานตระกร้ามานานหลายปี เขาย่อมรู้ฝีมือตัวเองว่าไม่เลวเลยทีเดียว

กู้เสี่ยวหวานดีใจมาก นางเอากระดาษในอ้อมแขนออกมา ชี้ที่รูปภาพแล้วพูดว่า “ท่านลุงจาง ท่านสามารถสานแบบนี้ได้หรือไม่ เอาให้ขนาดเท่านี้น่ะ” กู้เสี่ยวหวานใช้นิ้ววาด ๆ ให้ดู

พวกป้าจางหยุดงานที่ทำอยู่ในมือแล้วมองภาพที่อยู่ด้านหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ลุงจางจึงรู้สึกสงสัย “เสี่ยวหวาน เจ้าจะเอาตะกร้าสานที่เล็กขนาดนี้ไปทำอะไร”

“ใช่ เสี่ยวหวาน ตะกร้าใบเล็กขนาดนี้เจ้าจะเอาไปใส่สิ่งใดได้!” ป้าจางก็พูดเหมือนกัน นี่สามารถใส่ข้าวสารได้ไม่กี่จินเองนะ ถึงเอาไปซื้อกับข้าวก็ใส่ได้ไม่เท่าไรเอง! ตะกร้าสานที่เล็กขนาดนี้ครอบครัวชาวนาที่ไหนจะใช้กัน!

“ท่านลุงจางเจ้าคะ ท่านป้าจางเจ้าคะ ตะกร้าอันนี้ ไม่ได้เอาไว้ใส่สิ่งของ เพียงแค่เอาไว้ตกแต่งเท่านั้นเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานอธิบาย

“ตกแต่ง? ตกแต่งอันใดกัน”

กู้เสี่ยวหวานเห็นทุกคนจ้องตัวเองอย่างสงสัย นางก็รีบอธิบายว่า “ของตกแต่งคือของที่ไม่ว่าจะวางตรงไหนก็สวย ที่จริงแล้วมันไม่ต้องใช้ขนาดใหญ่อะไรเลย ตะกร้าที่เล็กขนาดนี้ที่จริงแล้วไม่สามารถใส่อะไรได้ แต่สามารถขายให้กับร้านขายขนมได้ เอาไว้ใส่ขนมชั้นสูง หรือขายให้กับร้านขายเครื่องประทินโฉมได้ เอาไว้ให้เหล่าหญิงสาวใช้ใส่พวกเครื่องประทินโฉมต่าง ๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านอย่ามองว่าตะกร้าสานใบเล็กเท่านั้น ขอเพียงแต่มันทำออกมาให้ประณีตก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากมาย”

กู้เสี่ยวหวานมั่นใจมาก เพราะว่านางรู้วิธีใช้ประโยชน์จากกล่องใส่ของเหล่านี้ ในยุคสมัยนี้ไม่มีกระดาษ ถ้าต้องการแพ็กของตกแต่งดี ๆ แล้วล่ะก็ มีเพียงต้องใช้ไม้ไผ่มาสานขึ้นมา ถ้าสานออกมาดีแล้วล่ะก็ ตะกร้าสานเหล่านี้จะต้องขายดีอย่างแน่นอน

“สามารถใช้ประโยชน์ได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ” ลุงจางตื่นเต้นราวกับได้ยินเรื่องที่เป็นไปได้ เขาคิดมาตลอดว่ายิ่งกล่องสานได้ใบใหญ่เท่าไรยิ่งดี เพราะสามารถใช้ใส่พืชพันธุ์อาหารได้เยอะ ตะกร้าไม้ไผ่ยิ่งใหญ่เท่าไรก็ยิ่งดีเช่นกัน เพราะสามารถใส่กับข้าวหรือผักได้เยอะ

แต่วันนี้กลับได้ยินที่กู้เสี่ยวหวานบอกว่าตะกร้าสานยังมีประโยชน์ใช้สอยแบบนี้อยู่ด้วย!

“เป็นไปได้แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านลุงจาง ท่านลองคิดดูนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านสามารถสานตะกร้าใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าจะครอบครัวร่ำรวยหรือว่าครอบครัวชาวนาธรรมดา ก็สามารถใช้ตะกร้าสานของท่านได้นานหลายปี ดังนั้นหนึ่งปีท่านสามารถสานได้ห้าสิบใบเท่านั้น แต่ถ้าสามารถทำให้ตะกร้าสานเล็ก ๆ นี้เป็นที่นิยมได้ ท่านลองคิดดูว่าเหล่าหญิงสาวเข้าไปในร้านเครื่องประทินโฉมซื้อของหนึ่งชิ้นก็ใช้ตะกร้าหนึ่งอัน คนอื่น ๆ ซื้อขนมที่ใช้ตะกร้าเล็ก ๆ เหล่านี้เป็นภาชนะก็ขายออกแล้วอีกหนึ่งชิ้น ท่านลองคิดดู ไม่ต้องคิดว่าปีหนึ่งจะขายได้เท่าไร แค่ในทุก ๆ วัน ตระกร้าเล็ก ๆ เหล่านี้จะเป็นที่ต้องการขนาดไหน!”

กู้เสี่ยวหวานดีดลูกคิดให้ดู “ก่อนหน้านี้ตะกร้าใบใหญ่พวกเราจะขายได้เงิน ห้าสิบเหรียญต่อหนึ่งอัน แต่ถ้าตะกร้าเล็ก ๆ นี้หนึ่งอันขายได้ห้าเหรียญ ทั้งเล็กทั้งสานง่าย ในหนึ่งวันสามารถทำเงินได้ห้าสิบหกสิบเหรียญได้โดยไม่น่าจะมีปัญหา เช่นนี้ ในหนึ่งวันท่านอาจจะทำเงินได้ ถึงสามร้อยเหรียญเลยด้วยซ้ำ ไม้ไผ่ก็ไม่ต้องลงทุน พวกท่านแค่เหนื่อยหน่อยที่ต้องเข้าป่าไปตัดมา ทว่าในหนึ่งวันสามารถหาเงินได้สามร้อยเหรียญก็คุ้มค่าแล้ว!”

ได้ยินกู้เสี่ยวหวานคำนวณให้ดูเช่นนี้ ลุงจางกับป้าจางก็อ้าปากตะลึงตาค้าง หนึ่งวันสามารถทำเงินได้สามร้อยเหรียญหรือ พวกเขาเคยไม่คิดมาก่อนเลย นี่มันเหมือนกับพวกเขากำลังฝันอยู่อย่างนั้นแหละ!