ตอนที่ 76-1 ลูกประคําทิเบต

หยูเอ๋อมองไปที่ทัวเปาหยูและเห็นว่าเขาจ้องมาที่ลูกปัดอธิษฐานของตนเองด้วยดวงตาที่เหม่อลอยเหมือนน้ำเย็น

หัวใจของหญิงสาวจุกแน่นขึ้น แต่รอยยิ้มที่สดใสยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง

“หากเซียนจูต้องการดู แน่นอนว่าบ่าวมิกล้ามีเป็นปัญหา… ลูกปัดอธิษฐานเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจเป็นอย่างมากสําหรับหยูเอ๋อ”

การจ้องมองของนางนั้นชัดเจนและเป็นประกายมากยิ่งขึ้นขณะที่หลี่เว่ยหยางเอ่ยถามว่า

“ก็เห็นว่าเป็นเพียงสร้อยข้อมือสําหรับอธิษฐานของชาวพุทธเท่านั้น มีเหตุผลอันใดที่เป็นพิเศษเช่นนั้นหรือ?”

หยูเอ๋อกัดริมฝีปากขณะที่เกิดความลังเลใจปรากฏบนใบหน้าของนาง

เดิมทีนางตั้งใจว่าจะรออีกสองสามวันจนกว่าองค์ชายเจ็ดจะเชื่อใจนางอย่างสมบูรณ์ก่อนจึงจะมอบลูกปัดอธิษฐานเหล่านี้ให้กับเขา

ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรอช่วงเวลานั้นอีกต่อไป นางจึงยิ้มและถอดประคําอธิษฐานแต่มอบให้กับตัวเปาหยูแทนที่จะมอบให้หลี่เว่ยหยาง

“ลูกปัดอธิษฐานเหล่านี้มีคําจารึกซ่อนอยู่ และท่านปู่ได้ทิ้งมันไว้ให้บ่าว มันจึงเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวเรา

ท่านปู่สั่งว่า มิสามารถเปิดเผยให้คนนอกล่วงรู้ได้ ท่านปูจะส่งต่อให้ท่านพ่อของข้า แต่น่าเสียดายที่ท่านปูคิดว่า ท่านพ่อของข้ามคู่ควรเพราะท่านบันทึกความลับทุกอย่างไว้ที่ประคําอธิษฐานเหล่านี้

ทัวเปาหยูตกตะลึงและเอ่ยถามทันทีว่า

“ลูกประคําจากทิเบตใช่หรือไม่?”

หยูเอ๋อยิ้มเล็กน้อย

“ใช่”

หลี่เว่ยหยางกล่าวเบา ๆ ว่า:

“มันฟังดูคล้ายกับว่าองค์ชายเจ็ดชื่นชอบสิ่งนี้มาก ข้าคิดว่าลูกประคําจากทิเบตนี้คงต้องเป็นของล้ำค่า

ทัวเปาหยูพยักหน้าและกล่าวว่า

“ลูกประคําจากทิเบตนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิเศษ ซึ่งได้ยินมาว่ายี่สิบปีก่อนหลิวเสี่ยวเหว่ยใช้มันในการสร้างความสําเร็จให้กับเขาครั้งหนึ่งในครั้งที่เขามีชัยเหนือพระราชวังทั้งเก้า

พระราชวังทั้งเก้าแห่งนี้ พระราชวังหลังแรกทางทิศเหนือพระราชวังที่สองทางตะวันตกเฉียงใต้

พระราชวังที่สามทางทิศตะวันออกทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่นี่ที่ห้าอยู่ตรงกลาง พระราชวังที่หกทิศตะวันตกเฉียงเหนือทิศตะวันตก ที่เจ็ดทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่แปดและพระราชวังที่เก้าทางทิศใต้

ท่านปูมิได้กล่าวถึงรายละเอียด แต่หลังจากที่หลิวเสี่ยวเหว่ยเสียชีวิตก็มิมีผู้ใดทราบว่าลูกประคําทิเบตนี้อยู่ที่ใด”

การจ้องมองของเขาเปล่งออกมาเหมือนเปลวไฟที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง ทําให้รู้สึกถึงกับลูกประคําทิเบตอย่างชัดเจน ซึ่งทัวเปาหยูเคยได้ยินเหลาหลัวกั่วกงกล่าวถึง

เมื่อหลายสิบปีก่อนพ่อค้าต่างชาติได้นํามาให้เมืองหลวงโดยผ่านมาหลายมือ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นมันหายไปไหน

นี่คือพระคัมภีร์ที่บรรดาแม่ทัพใฝ่ฝันถึง ในการค้นหาพระคัมภีร์เหล่านี้ทุก ๆ ปีหลัวก๋วกงได้ส่งผู้คนนับไม่ถ้วนไปค้นหามัน

และต่อมาพบว่า สําเนาพระคัมภีร์ถูกแบ่งออกเป็นสิบเล่ม โดยที่ภายในเป็นกลยุทธ์ทางการทหาร 49 ประเภทที่สูญหายไปในมือของคนจํานวนมาก

ซึ่งสิ่งนั้นอยู่ในลูกประคําธิเบตที่เป็นของหลิวเสี่ยวเหว่ย แม้ว่าในปีนั้น

เหลาหลัวก๋วกงจะเดาได้ว่าทุกอย่างถูกบันทึกเอาไว้ในลูกประคําทิเบต

แต่หลิวเสี่ยวเหว่ยเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ดังนั้นเขาจึงยอมตายโดยมิยอมบอกว่าลูกประคํานี้อยู่ที่ใด ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เหลาหลัวกั่วกงเสียใจในชีวิตของเขา

เราสามารถเห็นได้ว่า ตอนนี้เขามีความสุขแค่ไหนที่ชุดลูกประคํานี้ปรากฏขึ้น

ทัวเปาหยูระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนและยอมรับลูกปัดอธิษฐานอย่างระมัดระวัง หลังจากตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้วเขาก็เห็นคําโบราณที่ไม่คุ้นเคยฝังอยู่บนลูกปัดอธิษฐาน

เขาถอนหายใจเล็กน้อยและอุทานว่า

“ข้อความนี้เป็นภาษาซินเจียงซึ่งข้าเข้าใจเพียงแค่หนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้น มันค่อนข้างน่าเสียดาย!”

หลี่เว่ยหยางยิ้มและมองไปที่หยูเอ๋อ

“ทําไมมันถึงถูกสลักเป็นภาษาซินเจียง?”

ดวงตาที่น่ารักของหยูเอ๋อเบิกกว้างและไร้เดียงสาะ

“เรียนเซียนจู ท่านย่าของบ่าวมาจากทางตอนใต้ของซินเจียง ด้วยเหตุนั้นท่านปูจึงคุ้นเคยกับภาษาซินเจียง

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกประคําทิเบตนี้ล้ำค่า ท่านปูมิต้องการให้คนนอกล่างรู้เรื่องนี้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใช้ตัวอักษรซินเจียง

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางมืดมนราวกับน้ำหมึกและกระพริบราวกับไข่มุกสีนิล แต่ในขณะนั้นประกายแวววาวได้ส่องในดวงตาของนาง

นางไม่เพียงแต่จะรู้ว่าท่านย่าของ

หยูเอ๋อเป็นชาวซินเจียง แต่นางยังรู้ว่า

หยูเอ๋อเองก็มีความเชี่ยวชาญในทักษะการใช้พิษของซินเจียงเช่นเดียวกัน

ในชาติที่แล้วนางเข้าหาตัวเปาหยู และมอบของขวัญซึ่งก็คือลูกประคําทิเบตอันมีค่าที่เขาปรารถนาจะได้ครอบครอง

จากนั้นด้วยวิธีร้อยวิธีและแผนการนับพัน ก็สามารถค้นพบพระคัมภีร์ที่เหลืออยู่สําหรับเขา หลังจากนั้นหลิวหยุผู้นี้ก็กลายเป็นคนสนิทที่เขาไว้วางใจ

อย่างไรก็ตาม หลิวหยุผู้นี้เป็นคนมีพิษสงอยู่พอสมควร

ในขณะนี้หลิวหยู่ไม่รู้ว่านางอยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงของใครบางคน นางแค่พยายามทําให้ทัวเปาหยูพอใจอย่างระมัดระวัง

“องค์ชายเจ็ด, บ่าวรู้จักภาษาซินเจียงและสามารถแปลสิ่งนี้ให้ท่านได้”

ทัวเปาหยูขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังหลิวหยู

รอยยิ้มที่สดใสของนางช่างงดงามเปล่งปลั่งและไม่มีผู้ใดสงสัยแม้แต่น้อยว่ามีบางอย่างที่ผิดปก

แต่เขารู้ว่าหลี่เว่ยหยางจะไม่กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีเหตุผล เพราะนางไม่ใช่ผู้ที่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น

“โอ้? เช่นนั้นเจ้าจะแปลให้ข้าหรือ? ช่างเป็นคนมีน้ำใจ”

รอยยิ้มที่เป็นมิตรของทั่วป่าหยูแฝงไปด้วยความเย็นชา

หลิวหยุรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างในน้ำเสียงของเขาที่ผิดปกติและกลายเป็นดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาก่อตัวเป็นไอเผยให้เห็นความงดงามที่ทําให้หัวใจของผู้อื่นเต้นเร็วขึ้น

“องค์ชายเจ็ด, บ่าวทําอะไรผิดหรือเปล่า?”

ทัวเปาหยูแตะลูกปัดอธิษฐาน:

“สิ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเจ้า แล้วเหตุใดจึงมอบให้ข้า?”

หลิวหยูตกใจกลัวและกล่าวว่า:

“จริงอยู่ที่มันเป็นสมบัติของท่านปู แม้ว่าสถานการณ์ในครอบครัวของเราจะเลวร้าย แต่ท่านก็ยังทนไม่ได้ที่ขายมัน

แต่หยูเอ๋อเป็นเพียงผู้หญิงจึงมิสามารถใช้ประโยชน์อันใดจากมันได้ ในขณะที่หากมันอยู่กับองค์ชายอาจจะดีกว่า บ่าวขอร้องให้องค์ชายคุ้มครองหยูเอ๋อ ด้วย

บ่าวอาศัยอยู่โดยมิมีสถานที่ให้การสนับสนุนที่เหมาะสมไม่ได้

อย่างไรก็ตามหยูเอ๋อต้องการขอร้ององค์ชายบางอย่าง ท่านปู่ของบ่าวเสียชีวิตในสนามรบ

เป็นที่น่าเสียดายที่ท่านพ่อมิเคยใส่ใจครอบครัว และใช้จ่ายเงินทั้งหมดไปกับการพนัน

ดังนั้นจึงมิสามารถจัดงานศพที่เหมาะสมให้กับท่านปูได้ ถ้าองค์ชายยอมรับบ่าวก็ขอให้องค์ชายจัดหาสถานที่ให้ท่านปูอยู่อย่างสงบด้วยเถิด”

คํากล่าวเหล่านี้ฟังดูมีเหตุผล และเมื่อประกอบกับใบหน้าที่งดงามราวกับดอกไม้ในสายฝน ซึ่งสายตาที่เย้ายวนก็เพียงพอแล้วที่จะกวนใจชายหนุ่ม

ในความคิดของหลี่เว่ยหยาง นางพยักหน้าเห็นด้วยและชมเชยจากภายใน

หาที่เปรียบมิได้! การสวมบทบาทของนางนั้นมิเป็นรองผู้ใดอย่างแท้จริง! การแสดงและอารมณ์เหล่านี้สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร ซึ่งสมควรที่จะได้รับคําชมว่า “ไร้ที่ติ”

หญิงสาวสามารถกล่าวอย่างช่วยมิได้ว่า นางมิสามารถจัดงานศพที่เหมาะสมให้กับท่านปู่ของตนเองได้อย่างชัดเจน

ซึ่งเป็นการวาดภาพความประทับใจของหญิงสาวที่ทุกข์ทรมาน!

ทัวเปาหยุมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเหลาหลัวก๋วกงผู้ซึ่งเป็นทั้งปของเขา โดยหลิวหยูใช้คํากล่าวเพียงสองหรือสามคําเพื่อกระตุ้นอารมณ์เหล่านี้

ยิ่งไปกว่านั้นความมีน้ำใจของคนผู้หนึ่งโดยมิต้องการสิ่งใดตอบแทนอาจทําให้ผู้คนเกิดความสงสัยได้

อย่างไรก็ตามหากนางร้องขอมากเกินไป ทัวเปาหยูก็จะรู้สึกมิพอใจนาง

ด้วยเหตุนี้การร้องขอสิ่งที่เป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงเหมาะสมที่สุด ซึ่งสําหรับองค์ชายเจ็ดแล้วสามารถจัดสถานที่พักผ่อนสุดท้ายได้อย่างสบายมาก

แต่มันก็ทําให้องค์ชายเจ็ดมั่นใจและเชื่อใจหลิวหยูอย่างช้า ๆ และด้วยภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่มีความกตัญญและความอ่อนโยน อีกทั้งยังมีความงดงามและความน่าหลงใหลอยู่เคียงข้างเขา

แม้ว่ามันจะไม่ทําให้หัวใจที่เยือกแข็งของเขาละลาย แต่อย่างน้อยนางก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากเขาซึ่งจะเป็นประโยชน์มากขึ้นในอนาคต