ตอนที่ 76-2 ทหารองครักษ์

หลังจากตรวจสอบสถานการณ์อย่างรอบคอบ หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหลิวหยูแล้วหลี่เว่ยหยางก็คงจะหลงเชื่อเช่นเดียวกัน

เพราะอารมณ์และคํากล่าวของนางนั้น มีความหมายที่สมบูรณ์แบบและแสดงออกได้อย่างสมจริงที่สุด!

ทั่วเปาเจิ้น อ๊ะ, ทั่วเปาเจิ้น ท่านมีเล่ห์เหลี่ยมและมีไหวพริบอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

หลี่เว่ยหยางส่ายหัวด้วยความชื่นชมแกมประชดประชัน

ในปีนั้นข่าวส่วนใหญ่ของทั่วเปาเจิ้นมาจากหลิวหยูสาวงามผู้นี้

ผู้ใดจะคาดคิดว่า หลิวหยูตัวจริงนั้นได้ถูกฆ่าตายไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และถูกแทนที่ด้วยสายลับของทัวเปาเจิ้นผู้นี้นี่เอง! เขาเป็นคนชั่วร้ายอย่างแท้จริง

หลี่เว่ยหยางเก็บงําความแค้นไว้ในหัวใจ แต่ไม่มีร่องรอยปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของนางเลยแม้แต่นิดเดียว

เธอยังคงยิ้มแย้มเหมือนเคย แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่นางรู้อย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถกล่าวต่อหน้าผู้อื่นได้

หากนางบอกตัวเปาหยูว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นสายลับที่ผู้ใดบางคนส่งตัวมา หากทั่วเปาหยุไม่เชื่อนางก็แล้วไป

และแม้ว่าเขาเชื่อนางก็จะทําให้ตนเองมีปัญหามากมาย อย่างไรก็ตามหลี่เว่ยหยางไม่สามารถ นิ่งดูดายเพื่อดูตัวเปาเจิ้นได้ในสิ่งที่เขาต้องการ

หลิวหยูขยับเข้ามาใกล้อย่างไม่สบายใจ ตอนแรกลูกปัดอธิษฐานเหล่านี้นางตั้งใจจะนําออกมาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ตอนนี้หากเซียนจูแห่งอันผิงไม่เข้ามายุ่งและค้นพบบางสิ่งบางอย่าง มันก็จะยังไม่ล้มเหลว

ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับออกไป

ทั่วเปาหยุครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ขณะที่ถือลูกปัดอธิษฐานเอาไว้ในมือพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ข้าชอบลูกปัดอธิษฐานเหล่านี้และเห็นใจลูกกตัญญอย่างเจ้า ส่วนท่านปู่ของเจ้านั้น ข้าจะดูแลเรื่องนี้ก่อนอื่น”

หลิวหยูมองไปที่เขาอย่างลึกซึ้ง และเมื่อรู้สึกได้ว่า ไม่มีอะไรผิดปกติในการแสดงออกของเขานางจึงรู้สึกพึงพอใจ

การแสดงออกทางสีหน้าของนางบ่งบอกถึงความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากะ

“ขอบพระทัยองค์ชาย เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อน”

หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปที่นาง ขณะที่หญิงสาวเดินจากไปพร้อมกับยิ้มออกมา

ทั่วเปาหยูหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน ขณะที่เขาจ้องมองหญิงสาวผู้ชาญฉลาด:

“ช่วยบอกข้าที่สิว่า เจ้าเห็นสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับนางเมื่อใด?”

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางที่มืดมิดราวกับน้ําหมึกเปล่งประกายอย่างแผ่วเบาะ

“องค์ชายเพคะ, เว่ยหยางมิเคยกล่าวว่านางมีอันใดที่ผิดปกติ”

ขนตาของทั่วเปาหมูสั่นไหว ขณะที่ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องมาที่นาง ซึ่งทําให้ดูหล่อเหลามากเป็นพิเศษ:

“หยุดเสแสร้งได้แล้ว สิ่งที่เจ้าแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ ข้ารู้หมดแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เว่ยหยางรู้สึกหนาวสั่นราวกับความเยือกแข็งกําลังคืบคลานขึ้นมาจากปลายเท้าของตนเองและโอบล้อมร่างของนางทั้งหมด

ในพริบตา นางคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าล่วงรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับตนเอง ไม่

เป็นไปไม่ได้! ผู้ใดจะคิดว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงบนโลกใบนี้?

ใบหน้าของนางงดงามราวกับภาพวาด โดยที่ดวงตาของหญิงสาวสว่างไสวราวกับเปลวไฟที่สามารถแผดเผาสิ่งที่นางกําลังจ้องมองอยู่

“โอ้! ข้าลืมไปหมดแล้วว่าตนเองกล่าวอันใดออกไปบ้าง!”

“ก่อนหน้านี้เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้เป็นองค์หญิงมิใช่องค์ชายแปด”

ที่หลี่เว่ยหยางทราบ เพราะก่อนหน้านี้นางเคยเห็นทั้งสองพระองค์มาก่อน

“องค์ชายแปด”

ก่อนที่หลิวหยูจะมอบของขวัญให้แก่เขา สาวใช้กล่าวว่าองค์หญิงเก้าช่วยชีวิตนางเอาไว้และหลี่เว่ยหยางก็มิได้แปลกใจ และมีท่าทีเป็นปกติทุกอย่าง

เขาสามารถคิดถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว: นางรู้จักองค์หญิงเก้าแล้ว

“ในพระราชวังหลวง แม้แต่สาวใช้ในวังก็ยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของน้องเก้าและน้องแปดได้ข้าสงสัยว่า เซียงจูแห่งอันยิ่งรู้ได้อย่างไร?”

ข้อมูลเชิงลึกของทั่วเปาหยุเกินความคาดหมายของหลี่เว่ยหยาง

ดูเหมือนว่า หากทั่วเปาเจิ้นไม่รู้จุดอ่อนขององค์ชายเจ็ดว่าเป็นเรื่องของท่านปู่ของเขา ทั่วเปาหยูก็อาจจะไม่ตกหลุมพรางนี้

ยิ่งไปกว่านั้น หลิวหยูเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีซึ่งสามารถทําให้ตนเองได้ รับความไว้วางใจ และสามารถสร้างสถานการณ์อันตรายมากมายให้กับองค์ชายเจ็ดได้

หลี่เว่ยหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยังคงยิ้ม

“ข้าเคยไปที่พระราชวังมาแล้วครั้งหนึ่งโดยตระหนักว่า องค์ชายแปดนั้นไม่มีอะไรที่แปลกยิ่งไปกว่านั้น…”

รอยยิ้มที่สดใสของนางกว้างขึ้น

“วันนี้ข้าสังเกตเห็นอย่างหนึ่งว่าหากเป็นองค์ชายแปด พระองค์จะจ้องมองน้องสาวของข้าด้วยสายตาชื่นชมได้อย่างไร?”

ทั่วเปาหมูผงะ ในพริบตาเขาเกือบจะปรบมือให้กับหลี่เว่ยหยางสําหรับความสามารถของนางที่สามารถสังเกตุเห็นจุดนี้ได้

และตอนนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า สาวใช้เมื่อครู่นี้กําลังโกหกเขา แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานก็ตาม

แต่นางก็ยังหลอกลวงคนจํานวนมากได้ซึ่งดูเหมือนว่านางเป็นคนที่มีความซับซ้อน หัวเป่าหยูจึงตัดสินใจเอ่ยถามให้แน่ใจว่า

“ถึงอย่างนั้นเจ้าสามารถค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับหลิวหยู่ได้อย่างไร?”

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างอ่อนโยน:

“องค์ชายเจ็ดค้นหาสิ่งนี้มานานแต่ไม่พบ ทันใดนั้นมันก็ปรากฏขึ้นอย่างง่ายดาย องค์ชายมิสงสัยบ้างหรือ?

อย่างที่กล่าว หากข้าตกอยู่ในอันตรายคงจะร้องขอความต้องการจากผู้คนรอบข้าง โดยมิได้เจาะจงว่าจะร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดเหมือนเช่นนาง ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงเก้า”

“แล้วจะเป็นไปได้หรือ ที่น้องเก้าจะคิดร้ายกับข้า?”

เมื่อกล่าวจบทั่วเปาหยูก็ยิ้มออกมา ขณะที่หลี่เว่ยหยางหัวเราะเบา ๆ ทําให้ปิ่นปักผมของนางสั่นไหวเล็กน้อย และดูเหมือนว่าศาลาจะสว่างไสวและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากนั้นนางจึงก ล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“ข้าแค่กลัวว่า จะมิใช่องค์หญิงเก้า!”

ทัวเปาหยูยิ้ม:

“นั่นก็เป็นความจริงเช่นกัน เพราะมีคนมากมายที่ต้องการให้ข้าตาย”

หลี่เว่ยหยางไม่ได้ตั้งใจจะบอกกล่าวเขาว่าผู้ใดคือเจ้านายที่แท้จริงของหลิวหยู

สําหรับเว่ยหยางแล้ว การกระทําเช่นนี้นับว่าดีที่สุดแล้ว เพราะทั่วเปาหยูจะได้ระวังตัว ในทางกลับกันมันเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้เขาสืบสวนเป็นการส่วนตัว แทนที่จะให้นางริเริ่มบอกกล่าวและพยายามโน้มน้าวเขา

สิ่งเดียวคือ เมื่อเห็นว่าลูกปัดอธิษฐานยังคงอยู่ในมือของเขาทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางก็หยิบลูกปัดอธิษฐานออกจากมือของเขาและยิ้มขณะที่นางกล่าวว่า

“สําหรับสิ่งนี้ องค์ชายมิควรสัมผัสมันจะดีที่สุด

ความเยือกเย็นของทั่วเปาหยูจ้องมองไปที่หลี่เว่ยหยาง โดยมีนัยของความสงสัยที่ไม่สามารถระงับได้ในสายตาของเขา

นางไม่สนใจผู้ที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่สายตาของนางจ้องมองไปยังทหารองครักษ์ที่ดูเหมือนว่าจะให้ความสําคัญกับสถานการณ์ตรงนี้:

“องค์ชาย องครักษ์ผู้นั้นคือ…?”

ทั่วเปาหยูหันไปเห็นทหารองครักษ์ที่นางเอ่ยถึงและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า

“องครักษ์ผู้นั้นติดตามข้ามาสิบปีแล้ว”

หลี่เว่ยหยางยิ้มบาง ๆ เพราะองค รักษ์ผู้นี้หน้าตาคุ้นเคย และนางเคยพบเขาในห้องทํางานของทัวเปาเจิ้นในชาติที่แล้ว

จากนั้นนางจึงก้มศีรษะลงและรินชาจากกาน้ําชาลงบนลูกปัดอธิษฐานทันที

หลังจากนั้นนางได้เรียกองครักษ์ผู้นั้น ขณะที่เขาเหลือบมองไปที่หัวเปาหยูอย่างสับสนโดยที่องค์ชายเจ็ดพยักหน้า จากนั้นองครักษ์จึงก้าวขึ้นมาทันที

ทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางก็โยนลูกประคําอธิษฐานไปที่ใบหน้าของเขา ทหารองครักษ์ผู้นั้นมองเห็นทุกอย่างก่อนที่ร่างของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีดํา

มีบางอย่างที่เย็นและชื้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม ขณะที่เขาหวาดกลัวความมืดพร้อมกับเซถอยหลังไปสองสามก้าว

และปากของเขากําลังเปิดออกเพื่อจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ในขณะที่เขากําลังจะทําเช่นนั้นก็มีบางอย่างที่นุ่มและลื่นคลานเข้าไปในปากของเขา

เขาตกใจมากโดยใช้มือทั้งสองข้างยื่นออกมาข้างหน้าและตบที่ใบหน้าของตนเอง

ต่อมาเพียงชั่วอึดใจ สิ่งนั้นได้บินจากไปและส่งเสียงร้องดังลั่น

“นี่คืออันใด?”

ทัวเปาหมูลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนกเป็นที่สุด