ตอนที่ 235 หนังเรื่องต่อไป
เมื่อมีหลายตัวตน การรับมือก็จะยิ่งยุ่งยากขึ้น บางทีการหาผู้จัดการสักคน ก็อาจช่วยหลินเยวียนแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้มาก…
เดี๋ยวจะลองเลือกคนดู
หลินเยวียนเปิดคอมพิวเตอร์ เสิร์ชหารายชื่อนักเขียนในวงการนิยายแฟนตาซีซึ่งได้รับการคัดเลือก
มีเทพสูงสุดสามตำแหน่ง
ได้แก่หนานจี๋ เฉินซิง และเอ้อร์เตาไจ่
สองท่านแรกเป็นนักเขียนนิยายแฟนตาซีชั้นครูของมณฑลฉิน เป็นนักเขียนซึ่งทำยอดขายถล่มทลาย ท่านที่สามเป็นนักเขียนนิยายแฟนตาซีชั้นนำของมณฑลฉี
ส่วนรางวัลมหาเทพนั้นมีสิบตำแหน่ง
ชื่อของฉู่ขวงจัดอยู่ในลำดับที่ห้า แต่รางวัลเจ้าเล่ห์นี้ดันเขียนหมายเหตุเพิ่มมาว่า
รายชื่อไม่เรียงอันดับ
ในรายชื่อมหาเทพนี้ หลินเยวียนยังเห็นชื่อของหมัวถง นักเขียนซึ่งปล่อยหนังสือในช่วงเดียวกับคนขุดสุสานของตน อีกฝ่ายอยู่ในลำดับที่สิบของรายชื่อตำแหน่งมหาเทพพอดิบพอดี…
จากนั้นเขาก็เปิดปู้ลั่ว
เป็นดังคาด หลินเยวียนเห็นว่าบนโลกออนไลน์ หลายคนกำลังพูดคุยกันถึงรายชื่อผู้ได้รับรางวัล
‘คือ? ไม่เรียงลำดับจริงเหรอ’
‘ยอดดีเลิศเด็ดขาด อันดับหนึ่งศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นทางการดิ้นรนเอาชีวิตรอดขนาดนี้’
‘สมาคมวรรณศิลป์: รายชื่อเรียงอันดับหรือไม่ พวกคุณพิจารณาเอาเอง’
‘อย่ากดดันทางการเลย รายชื่อนี้ที่จริงก็นับว่ายุติธรรมอยู่นะ ประเมินจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งยอดขายของนักเขียน อิทธิพลของนิยาย แล้วก็คุณภาพของนิยาย…’
‘ยุติธรรมจริงๆ แหละ’
‘จำนวนนักเขียนจากมณฑลฉินได้เปรียบชัดๆ เลย’
‘เทพสูงสุดรอบหน้าต้องมาจากหนึ่งในสิบมหาเทพสินะ’
‘…’
ล็อกอินเข้าบัญชีปู้ลั่วของฉู่ขวง หลินเยวียนก็พบว่าในพื้นที่แสดงความคิดเห็นเต็มไปด้วยข้อความแสดงความยินดีกับฉู่ขวงซึ่งคว้ารางวัลมหาเทพได้
‘คุณค่าที่คุณคู่ควร!’
‘ผมชอบเรื่องคนขุดสุสานโคตรๆ มหาเทพฉู่ขวงสู้ๆ!’
‘มหาเทพจะไปสู้เจ้าแก่ได้ไง ใช่มั้ย เจ้าแก่ฉู่ขวง’
‘ใช่แล้ว มหาเทพอะไรกัน คนที่เขียนให้ปี้เหยาตายจะต้องโดนเรียกว่าเจ้าแก่!’
‘ฉู่ขวง: ถึงจะแก่ แต่ก็เอาชนะใจผู้อ่านได้นะค้าบ’
‘ตลกอะ รอวันใดวันหนึ่งบ.ก.ยื้อฉู่ขวงไว้ไม่อยู่ แล้วเขาเกิดเขียนให้หยางเสวี่ยลี่ตายขึ้นมา พวกแกจะร้องไห้ไม่ออก!’
‘คงไม่หรอกมั้ง?’
‘ถ้าฉู่ขวงเขียนให้หยางเสวี่ยลี่ตาย ฉันจะตามไปทุบหลังเขา’
‘…’
หยางเสวี่ยลี่ก็คือเชอร์ลี่ หยาง
เป็นเพราะปรับเปลี่ยนภูมิหลังของยุคสมัย ตัวละครนี้จึงไม่ใช่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนอีกต่อไป และไม่ได้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ
ดังนั้นในเรื่องคนขุดสุสาน ตัวละครนี้จึงใช้ชื่อว่าหยางเสวี่ยลี่
กล้าหาญใจกว้าง ละเอียดอ่อนเอาใจใส่ ตัวละครนี้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้อ่าน และนับว่าได้รับการยอมรับให้เป็นตัวละครหญิงอันดับหนึ่งในเรื่องคนขุดสุสาน
อันที่จริง
หลายวันที่ผ่านมา เรื่องคนขุดสุสานเล่มที่สองตอนอุโมงค์ปริศนาแห่งเขามังกรวางขายไป เสียงตอบรับไม่ดีเท่าเล่มแรก
ทว่าช่วงนี้หลินเยวียนมัวแต่จดจ่ออยู่ที่ภาพยนตร์ จึงไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแต่ส่งต้นฉบับตามปกติ
บางทีอาจเป็นเพราะความรวดเร็วในการอัปเดตเล่มใหม่ของฉู่ขวงเกินกว่าคำว่าน่าสะพรึงกลัวด้วยซ้ำ ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นจึงมีผู้อ่านที่เข้ามาเร่งให้เขาอัปเดตเล่มใหม่อยู่บางตาเหลือเกิน
สิ่งเดียวที่หลินเยวียนนึกไม่ถึงก็คือ…
อิ่งจือถึงกับเมนชันตน เพื่อแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลมหาเทพ
มหัศจรรย์ไหมล่ะ อิ่งจือมีชีวิตขึ้นมา? หลินเยวียนอึ้งไปสักพัก ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าหลัวเวยเป็นผู้ดูแลบัญชีผู้ใช้ของอิ่งจือ
หลัวเวยไม่รู้ว่าทั้งอิ่งจือ ฉู่ขวง และเซี่ยนอวี๋ล้วนเป็นนามแฝงของตน เพราะฉะนั้นเธอจึงใช้บัญชีผู้ใช้ของอิ่งจือเข้าไปแสดงความยินดีกับฉู่ขวง อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ที่มีปัญหาก็คือแฟนคลับ
‘ทางเซี่ยนอวี๋ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ทางอิ่งจือแสดงความยินดีแล้ว?’
‘เรื่องใหญ่อย่างรางวัลมหาเทพ อาจารย์เซี่ยนอวี๋ถึงกับเงียบกริบ ทะเลาะอะไรกับเจ้าแก่ฉู่ขวงหรือเปล่า’
‘อิ่งจือจะใช้โอกาสนี้ทำแต้มแล้ว!’
‘อิ่งจือคะแนนนำแล้วพี่ชาย!’
‘พวกเธอจุดประเด็นอีกแล้วเหรอ แต่ฉันชอบนะ’
‘อาจเป็นเพราะช่วงนี้ทุกคนเอาแต่พูดถึงฝีมือด้านวรรณกรรมของเซี่ยนอวี๋ มหาเทพฉู่ขวงของพวกเรารู้สึกเสียหน้าหรือเปล่า’
‘…’
หลินเยวียนรู้สึกจนคำพูด
แน่นอนว่าเซี่ยนอวี๋ไม่เข้าไปแสดงความยินดีกับฉู่ขวงอยู่แล้ว
เพราะการกระทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเขาเป็นยายหวังขายแตง ขายเองชมเองน่ะสิ
แต่จะให้หลินเยวียนไปห้ามหลัวเวยก็คงไม่ได้
เพราะหากมองจากมุมมองของหลัวเวย การจัดการเรื่องนี้เช่นนี้นับว่าเหมาะสมแล้ว ทำให้อิ่งจือเหมือนกับปัจเจกบุคคล
……
ขณะที่หลินเยวียนไถปู้ลั่วอ่านข่าวไปเรื่อยๆ เขาก็ได้ยินความเคลื่อนไหวจากข้างนอก ที่แท้ก็เป็นโจวรุ่ยหมิงมาหา
“หัวหน้า”
หลินเยวียนเอ่ยทักทาย
เหล่าโจวหัวเราะเหอะๆ “ยินดีกับนายด้วย เรื่องถังปั๋วหู่ใหญ่ไม่ต้องประกาศดังแล้ว วันนี้ได้ใบชาชั้นดีที่เพิ่งวางขายมา คิดว่านายเองก็น่าจะชอบเหมือนกัน เลยซื้อมาให้น่ะ”
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนแววตาเป็นประกาย
กู้ตงในฐานะผู้ช่วย ย่อมเข้ามาในห้องทำงานด้วย แกะใบชาที่เหล่าโจวให้มา ก่อนจะชงชาให้ทั้งสองคน จากนั้นก็ออกไปพลางปิดประตู เพื่อให้ทั้งสองสนทนากัน
“คืองี้นะ”
เหล่าโจวกระแอมครั้งหนึ่ง “หนังเรื่องแรกของนาย ทางบริษัทอาจไม่ได้ให้ความสำคัญมากพอ ดังนั้นฉันเลยจะมาบอกกับนายสักหน่อย หลังจากนี้ถ้านายยังอยากสร้างหนังอีก ฉันจะช่วยนายหาทุนเอง”
ภาพยนตร์ที่หลินเยวียนสร้างโด่งดังแล้ว
ตอนนี้โลกภายนอกพูดกันสองความเห็น ความเห็นแรกคือหลินเยวียนโชคดี อีกความเห็นหนึ่งบอกว่าหลินเยวียนมีความสามารถจริงๆ แต่ความเห็นที่เป็นวงกว้างมากที่สุดคือหลินเยวียนมีความสามารถอยู่แล้ว บวกกับความโชคดีอีกส่วนหนึ่ง จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศประสบความสำเร็จ
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ
บริษัทยอมรับในความสำเร็จของหลินเยวียน ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เหล่าโจวจะจัดการได้ไม่ดีจนพลอยให้บริษัทเสียหายอย่างหนักหน่วง ทว่าเบื้องบนยังเห็นความสำคัญของหลินเยวียนมากขึ้น และตัดสินใจว่าจะสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องต่อไปของหลินเยวียนอย่างเต็มที่
“หนังเรื่องต่อไป?”
หลินเยวียนไม่ได้ตอบทันที
เขาได้ลิ้มลองความหอมหวานจากภาพยนตร์เรื่องแรก ดังนั้นหลังจากนี้จะต้องผลิตภาพยนตร์ต่อไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องการเวลาสักพักถึงค่อยขบคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องต่อไป
“ไม่ต้องรีบร้อนตอบก็ได้”
เหล่าโจวยิ้มเอ่ย “นายค่อยๆ คิดบทเรื่องต่อไปก็ได้ รอให้นายเขียนบทเสร็จแล้วอย่าลืมติดต่อฉันมานะ ฉันแค่มาบอกว่าบริษัทยินดีสนับสนุนหนังเรื่องใหม่ของนาย”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
วันนี้เหล่าโจวคล้ายว่าจะมาแสดงความใส่ใจของบริษัทจริงๆ เมื่อดื่มน้ำชาเสร็จ และพูดคุยกันราวสิบนาที เหล่าโจวก็ขอตัวกลับไป
หลังจากเหล่าโจวออกไป
หลินเยวียนก็เริ่มขบคิด
ถึงแม้ในตอนนี้จะยังไม่รีบร้อนเตรียมโปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ แต่ตนจัดการเรื่องบทไว้ล่วงหน้าก่อนได้
ส่วนประเภทของบท…
ตัวเลือกที่ดีที่สุด ก็คือจัดหนังตลกของโจวซิงฉือมาอีกสักเรื่อง
เพราะถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศได้วางรากฐานมั่นคงให้กับภาพยนตร์ชวนหัวไร้แก่นสารเป็นที่เรียบร้อย
แต่ไม่รู้ว่าระบบจะว่าอย่างไร
หลินเยวียนจึงเรียกระบบออกมา “ฉันสั่งผลิตหนังได้ไหม”
ระบบตอบ “ฟังก์ชันนี้ยังไม่เปิดใช้งานในตอนนี้ บทที่ระบบผลิตตอนนี้สุ่มธีมสุ่มหมวด”
หลินเยวียน “…”
เจ้าระบบนี่ไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย
มีที่ไหนกันสุ่มเลือกบท…
นี่มันแนวทางเดียวกับตอนสั่งทำนิยายเลยไม่ใช่หรือไง
จากนิสัยของระบบแล้ว เป็นไปได้มากที่หนังเรื่องต่อไปที่ ‘สุ่มเลือก’ ออกมานั้นจะเป็นคนละประเภทกับเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ถึงขั้นที่อาจเกิดเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
แต่หลินเยวียนสังเกตเห็นคีย์เวิร์ดคำหนึ่งของระบบ
‘ในตอนนี้’
ฟังก์ชันนี้ยังไม่เปิดใช้งานในตอนนี้?
หรือจะกล่าวได้ว่า ในอนาคตตนจะสามารถสั่งผลิตภาพยนตร์ได้?
เอาเถอะ
หลินเยวียนเอ่ยว่า “งั้นสั่งทำบทใหม่เลยก็แล้วกัน”
ระบบ [กำลังผลิตบทภาพยนตร์…]
…………………………………………..