บทที่ 270 คืนความเป็นธรรมให้ข้า

กองทัพทหารเกราะเหล็กโยนเป่ยป้าเทียนลงบนพื้น และยังมีกลุ่มโจรภูเขาที่ถูกทรมานจนเกือบตายด้วย

แต่ละคนนอนกองอยู่บนพื้น ทว่าพวกเขากลับรู้สึกเหมือนรอดจากหายนะมาได้ พวกเขายอมถูกเนรเทศ ถูกตัดหัว ให้พวกเขาตายเดี๋ยวนี้เลยยังจะดีเสียกว่า เพราะด้านหนึ่งก็ป้อนยาพิษให้พวกเขา อีกด้านหนึ่งก็ยัดหนอนใส่พวกเขา!

ความตายก็แค่หัวตกลงพื้น แต่การถูกทรมานเช่นนี้พวกเขาขอยอมตาย

ฮวาเซียงเซียงเอ่ยเสียงเย็นออกมา “อย่าคิดจะใส่ร้ายเพียงเพราะเห็นว่าแม่ทัพเผยเป็นคนไม่ชอบพูดนะ หากพวกเจ้าอยากรู้ว่าพวกมันทำอะไรมากันแน่ ก็ดูสภาพผู้หญิงเหล่านี้เอาก็แล้วกัน!”

ฮวาเซียงเซียงเองก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน รสชาติของการถูกปิดตาและไม่อาจต่อสู้ได้นั้น ไม่มีใครเข้าใจได้ดีไปกว่านางแล้ว

หากไม่ใช่เพราะมีคนมาช่วยทัน นางจะยังอยู่ต่อไปได้อีกอย่างนั้นหรือ!?

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนก็หันไปมองกลุ่มสตรีที่กองทัพทหารเกราะเหล็กปกป้องเอาไว้ทางด้านหลัง

พวกนางบางคนมีผ้าพันแผลที่หัว บางคนมีร่องรอยจากการถูกทุบตีบนใบหน้า แม้แต่คนที่ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นอะไร แต่ดูจากท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรงของพวกนางแล้ว ก็รู้ได้ว่าที่ผ่านมาพวกนางคงได้รับความลำบากมาไม่น้อย

บางคนเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว บางคนยังเป็นแค่เด็กสาวอยู่

“คนเหล่านี้คือใครกัน?”

“ไม่รู้สิ”

สตรีผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา

“พวกเราเป็นใครอย่างนั้นหรือ? พวกเราก็แทบจะลืมไปอยู่แล้ว ว่าแท้จริงแล้วพวกเรายังเป็นคนอยู่!”

“เมื่อครู่พวกเจ้าเพิ่งตะโกนบอกว่าตัวเองถูกใส่ร้ายไม่ใช่หรือ? ตะโกนบอกว่าตัวเองจงรักภักดีไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าดูสิ เจ้าลืมตาดูนี่! ว่าพวกเราถูกคนที่บอกว่าตัวเองจงรักภักดีทำร้ายมากมายเพียงใด!”

เมื่อมีคนเปิดประเด็น คนที่อยู่ด้านหลังก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วเช่นกัน

กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่ได้ทำร้ายสตรีเหล่านี้เท่าใดนัก แต่พวกนางไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน

“เจ้าดูสิ นี่เป็นสิ่งที่พ่อ พี่น้อง สามีของเจ้า รวมหัวกันทำร้ายพวกเรา!”

“สวรรค์ บนโลกนี้มีคนที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้ด้วยหรือ ยังกล้าเรียกร้องว่าตัวเองถูกใส่ร้าย เช่นนั้นความอยุติธรรมที่พวกเราได้รับ ใครจะคืนความเป็นธรรมให้พวกเรากัน!”

“โอ๊ย! อย่าตี หยุดตีได้แล้ว!”

เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินมาถึงทุกอย่างก็ดูวุ่นวายไปหมด ครอบครัวทหารล้วนตีพวกนางอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความโมโห

“หยุด!!” ฮ่องเต้เซี่ยเจินตะโกนขึ้นมา

“ฮ่องเต้เสด็จ!” เจียงเต๋อเห็นว่าคงห้ามพวกเขาไม่ได้ จึงตะโกนเสียงดังขึ้นมา

ครอบครัวทหารเหล่านั้นหยุดมือชั่วขณะ พลางหันไปจ้องฮ่องเต้เซี่ยเจินที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน จากนั้นก็จับจ้องไปที่ทหารเกราะเหล็กที่ออกมาจากหมู่บ้านตระกูลเฉิน

“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ใช่ท่านหรือไม่?!”

“เจ้าห้า เจ้าห้า!”

“ชิวหลิง!”

“น้องเล็ก เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร! ท่านพ่อท่านแม่สบายดีหรือไม่?”

พวกเขาในเวลานี้ไหนเลยยังจะจำได้อีกว่าต้องแก้แค้น ตั้งแต่ต้นจนจบสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือครอบครัว คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเท่านั้น

ความยุติธรรมอะไรกัน ความเป็นธรรมอะไรกัน อะไรจะสำคัญไปกว่าการได้เห็นพวกเขายังมีชีวิตอยู่และมีสุขภาพแข็งแรงอีกเล่า?

“พี่ใหญ่! ท่านไม่รู้อะไร ข้าเกือบจะไม่ได้พบท่านแล้ว!”

“ความทุกข์ที่เจอระหว่างทาง พวกเราก็ไม่รู้จะบอกเช่นไร!”

เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดยังมีไข้สูงซุกตัวเข้าไปคลอเคลียอยู่ข้างกายพ่อของนาง ก่อนจะหยิบตั๊กแตนตัวเล็ก ๆ สีค่อนข้างเหลือง ที่ถูกเหยียบจนแบนออกจากอกเสื้อ แล้วพูดขึ้นมาเบา ๆ “ท่านพ่อ ข้ายังเก็บตั๊กแตนน้อยเอาไว้อยู่เลยเจ้าค่ะ”

ในสนามรบ ชายที่เลือดหลั่งรินแต่ไม่ยอมหลั่งน้ำตา เวลานี้กลับอดไม่ได้ที่จะขอบตาแดงก่ำขึ้นมา

“ได้ พ่อจะทำให้เจ้าใหม่ จะทำผีเสื้อทำแมลงปอให้เจ้าด้วยดีหรือไม่?”

“ดีเจ้าค่ะ”

เผยยวนจับสายบังเหียนแน่น ก่อนจะรับหลักฐานเป็นปึก ๆ จากมือของซูอิ่งมา “ฝ่าบาททรงต้องการถามว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากที่ใด ถึงกล้าทำความผิดใหญ่หลวงสังหารขุนนางของราชสำนัก ตัดหัวของพวกเขาใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ วันนี้เผยยวนจะมาตอบพระองค์เอง

ขุนศึกใหญ่ทั้งสี่ติดต่อกับศัตรูทั้งภายในและภายนอก ขนส่งแร่เหล็กไปยังทิเบต รวมกลุ่มกับโจรก่อคดีอาญา สังหารเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก ผู้ที่เชื่อฟังพวกเขาสี่ขุนศึกก็จะเจริญรุ่งเรือง หากใครไม่เชื่อฟังก็จะต้องตาย ลอบทำร้ายทหารกล้าของกองทัพทหารเกราะเหล็กสามพันนาย เพื่อควบคุมกองทัพทหารเกราะเหล็ก เอาตัวสมาชิกครอบครัวของทหารที่อยู่ซีเป่ยมา โดยใช้วิธีล่อลวงและวางยาพาพวกนางมาส่งยังเมืองหลวง เจียงหนาน และที่ต่าง ๆ

ตระกูลเช่นนี้หากไม่ฆ่าล้างตระกูล จะทำให้คนชั่วทั่วทั้งใต้หล้าเกรงกลัวได้อย่างไร! ภายภาคหน้าจะมีผู้ชายชาวต้าจิ้นกล้าลุกขึ้นมาปกป้องชายแดนได้อย่าง!?”

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตื่นตระหนกขึ้นมา

ต่อให้ตายไปพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าสตรีเหล่านี้เป็นคนในครอบครัวของกองทัพทหารเกราะเหล็ก!

นี่พวกเขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร? การปกป้องบ้านเมืองเป็นความรับผิดชอบของทุกคน แต่หากการเข้าร่วมกองทัพและต้องเสี่ยงชีวิต ทว่าสมาชิกในครอบครัวกลับไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มิหนำซ้ำยังถูกลักพาตัวมาขายอีก! เช่นนั้นจะปกป้องบ้านเมืองนี้ไปทำไมกัน กษัตริย์เช่นนี้ใครอยากจะจงรักภักดีด้วยอีก

ใบหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจินซีดเผือดลงในทันที เขาสั่งให้ตระกูลเยี่ยนหาทางนำกองทัพทหารเกราะเหล็กกลับมา

แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าเศษสวะนั่นจะใช้วิธีการเช่นนี้!

แล้วเรื่องติดต่อกับศัตรูนั่นมันเรื่องอะไรกันอีก?!

เผยยวนนำหลักฐานและพยานทั้งหมดที่มีมามอบให้ ถังกั๋วกงรับจดหมายและสมุดบัญชีเหล่านั้นมาเป็นคนแรก เมื่ออ่านดูแล้วเขาเองก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน

หลังจากที่ถังกั๋วกงอ่านจบ เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ส่งต่อกันไปมา

กองทัพทหารเกราะเหล็กล้อมพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ ดวงตาของทุกคนวาวโรจน์

สตรีในตระกูลสี่ขุนศึกที่ตะโกนว่าถูกใส่ร้ายเมื่อครู่ ตอนนี้ทำได้เพียงหดตัวลงและร้องไห้อยู่ตรงนั้น

ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยประโยคแรกขึ้นมาก่อน ทว่าหลังจากนั้นก็มีคนเริ่มพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

ฆ่าพวกเขาทั้งตระกูล สังหารเก้าชั่วโคตร มิเช่นนั้นคงไม่เพียงพอที่จะระงับไฟโกรธของเหล่าทหารลงได้!

ฮ่องเต้เซี่ยเจินถูกสถานการณ์บังคับจนต้องถอยหลังไปสองก้าว “เผยยวน เรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินอย่างรีบร้อนได้”

“ฝ่าบาทแค่กังวลว่าจะออกราชโองการหรือไม่ก็พอพ่ะย่ะค่ะ ที่เหลือเผยยวนตัดสินใจเองได้”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินเห็นเจตนาฆ่าในสายตาของเผยยวน สายตานั้นต้องการจะสื่อว่าแค่เขาพูดว่าเรื่องของสี่ขุนศึกมีลับลมคมใน เขาก็สามารถสังหารฮ่องเต้ได้ทันที

กองทัพทหารเกราะเหล็กคือสิ่งสำคัญสำหรับเผยยวน ภรรยาและลูกสาวของพวกเขา ก็เปรียบเสมือนญาติของเขาเช่นกัน

แค่ติดตามเขาหนึ่งวัน เขาก็จะไม่ปล่อยให้ใครต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้

“ประหารเก้าชั่วโคตร! สอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด!” ฮวาเซียงเซียงตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “กองเรือได้สกัดกั้นครอบครัวทหารอีกกลุ่มหนึ่งเอาไว้ได้ พวกนางเดินทางจากซีเป่ยไปยังเจียงหนานได้อย่างราบรื่น ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังอำนวยความสะดวกให้พวกเขา ฝ่าบาท หากวันนี้พระองค์คิดจะปกป้องพวกเขา หรือหากวันหน้าคนเหล่านี้คิดไม่ซื่อต่อพระองค์ และเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจริง ๆ พระองค์จะทรงทราบได้อย่างไร! พระองค์ไม่กลัวหรือเพคะ?”

“เจ้าเป็นใคร?”

“นั่งไม่เปลี่ยนชื่อ ยืนไม่เปลี่ยนแซ่ ลูกสาวหัวหน้ากองเรือฮวาเส้าจงเพคะ โจรภูเขาเหล่านี้คือลูกสมุนของสี่ขุนศึก พวกเขาแสร้งทำเป็นปราบปรามพวกโจร แต่แท้จริงแล้วกลับเก็บคนเหล่านี้เอาไว้ใช้งาน เพื่อที่จะทำอะไรได้ง่ายขึ้น! เพื่อขนย้ายญาติทหารเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น พวกเขาถึงขนาดจับหม่อมฉันไป เพื่อหวังข่มขู่พ่อของหม่อมฉันด้วย! แม้ว่าหม่อมฉันจะเป็นเพียงราษฎรธรรมดา แต่มีประโยคหนึ่งที่หม่อมฉันได้เรียนรู้มานั่นก็คือ น้ำสามารถทำให้เรือลอยได้ ก็จมเรือก็ได้เช่นกัน*! เชื่อว่าใต้เท้าทุกท่านคงอ่านหนังสือมากกว่าข้า และมีความรู้มากกว่าข้า ดังนั้นคงจะเข้าใจข้อนี้ดี”

* น้ำสามารถทำให้เรือลอยได้ ก็จมเรือได้เช่นกัน (水能载舟亦能覆舟) ผู้นำอยู่ได้ก็เพราะประชาชนสนับสนุน และผู้นำก็ถูกดึงลงจากตำแหน่งได้เพราะประชาชนเช่นเดียวกัน

ใครจะกล้าไม่ไว้หน้ากลุ่มกองเรือบ้าง นอกเสียจากไม่อยากให้ใต้หล้าสงบสุข

แม้แต่ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ยังเคยได้ยินชื่อของฮวาเส้าจงเช่นกัน คนที่ตอนนั้นแต่งตั้งเป็นโหวก็ยังไม่อยากได้

เวลานี้กองทัพทหารเกราะเหล็กเริ่มหมดความอดทน จึงกดดันขึ้นเรื่อย ๆ โดยบีบวงล้อมให้เล็กลงเรื่อย ๆ

ถังกั๋วกงคุกเข่าลงโดยไม่ลังเล “ฝ่าบาท บัดนี้หลักฐานแน่นหนา ได้โปรดทำตามความเห็นส่วนใหญ่ของราษฎรด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เสิ่นฉางซานโมโหจนหนวดกระดิกตั้งนานแล้ว “ได้โปรดตรวจสอบคดีของครอบครัวทหารกองทัพทหารเกราะเหล็กด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ได้โปรดคืนความยุติธรรมให้กองทัพทหารเกราะเหล็กด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

เจ้าหน้าที่ที่เหลือจะทำอะไรได้ ย่อมต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเกลี้ยกล่อม หากฮ่องเต้เซี่ยเจินยังคงสติเลอะเลือนเช่นนี้ต่อไป ทุกคนคงถูกฝังอยู่ที่นี่พร้อมกับเขาด้วยเป็นแน่ คิดว่าเผยยวนไม่กล้าหรืออย่างไร ทหารองครักษ์เหล่านี้มีประโยชน์อันใดกัน? หากเขาต้องการสังหารฮ่องเต้เซี่ยเจินจริง ๆ หลังจากสังหารแล้ว ลูกชายของเขาก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ เพราะเขาเองก็เป็นสายเลือดของตระกูลเซี่ยเช่นกัน!

.

.

.