ตอนที่ 249 สุนัขรับใช้ตู้กวงฮุย
ตู้กวงฮุยไม่อยากให้วันนี้จบแค่ไปส่งหล่อนที่บ้าน เขาต้องการใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาความสัมพันธ์กับหล่อน
จึงวางแผนจะพาหวังหรงไปเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่และชวนหล่อนไปดูภาพยนตร์
หวังหรงตอบรับคำชวนของเขาอย่างเขินอาย
หล่อนเองก็ไม่อยากกลับไปเจอสีหน้าไม่สบอารมณ์ของพ่อแม่ที่บ้านตอนนี้เหมือนกัน
ในตอนนี้หล่อนถูกพ่อแม่ดุด่าทุกครั้งที่เห็นหน้า ราวกับว่าถ้าไม่ได้ด่าแล้วจะหลับไม่ลง
หญิงสาวบอกให้เขาพาไปซื้อกระเป๋าก่อนที่จะไปกินข้าว โดยบอกว่ากระเป๋าหนังราคาแพงของหล่อนถูกคนร้ายกรีดระหว่างทางมาทำงาน
เพราะอายเกินกว่าจะบอกความจริงที่ถูกเพื่อนร่วมงานกรีดกระเป๋า
การถูกเพื่อนร่วมงานบีบให้ลาออกไม่ใช่เรื่องดี และหล่อนยังต้องการรักษาภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบของตัวเองต่อหน้าเจ้าสุนัขรับใช้ตัวนี้
ตู้กวงฮุยเองก็รู้เรื่องฉาวของหล่อนไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
เขาไม่ได้พูดอะไรแล้วพาหล่อนไปที่ห้างเจียงเฉิงด้วยจักรยาน
เมื่อผ่านหน้าร้านป้าหู จักรยานที่ปั่นเร็วเกินไปก็ชนเข้ากับใครบางคน
คนถูกชนเป็นผู้ชายร่างใหญ่สามคน พวกเขาไม่ยอมจบง่าย ๆ ถ้าไม่ได้ค่ารักษาพยาบาลจากตู้กวงฮุย
สองฝ่ายเริ่มโต้เถียงกัน หวังหรงลงจากจักรยานแล้วมองไปที่ร้านของหลินม่ายด้วยความแค้นใจ
เห็นร้านอาหารของยัยนั่นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด
ช่วงนี้หล่อนตกทุกข์ได้ยาก แต่ยัยนั่นกลับสุขสบาย
ระหว่างที่กัดฟันด้วยความเกลียดชังก็หันไปเห็นประกาศให้เช่าติดอยู่ที่ประตูร้านป้าหู ก็เกิดความคิดขึ้นมาในหัว
ถ้าหล่อนมาเช่าร้านขายของตัดหน้าหลินม่าย จะช่วยระบายความโกรธแค้นนี้ออกไปได้หรือเปล่า
ถ้าธุรกิจไปได้สวย ก็จะหาเงิน 10,000 หยวนที่ติดค้างฟางถิงมาคืนได้ พ่อแม่ก็จะไม่คอยเกลียดชังหล่อนอีกต่อไป
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เข้าท่ามากทีเดียว
แม้ตู้กวงฮุยจะเป็นอันธพาล แต่ชายพวกนั้นมีอาวุธ ไม่สามารถหาเรื่องได้ง่าย ๆ
และถ้าต้องต่อสู้กันจริง ๆ เมื่อดูขนาดตัวแล้ว พวกเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากมันเลยก็ได้
วันนี้เป็นเดทแรกของตนกับสาวที่แอบชอบมานาน ตู้กวงฮุยไม่อยากจะเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าหล่อน
เลยจ่ายเงินให้คนพวกนั้นไป 5 หยวน แล้วบอกให้ไปให้พ้นทาง จากนั้นก็พาหวังหรงไปที่ห้าง
หวังหรงเคยชินกับชีวิตอู้ฟู้ ถึงจะมีเงินไม่พอใช้ก็ยังจะเลือกซื้อกระเป๋าราคาแพง และยังต้องการทดสอบว่าสุนัขตัวนี้เชื่องกับหล่อนแค่ไหน
ตู้กวงฮุยเองก็รู้เรื่องนี้ เขาเลือกกระเป๋าที่แพงที่สุดมาแล้วซื้อมันให้หล่อน
หวังหรงแสร้งทำเป็นเกรงใจ ปฏิเสธในคราวแรก จากนั้นก็ยอมรับมันมาแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวานให้ชายหนุ่ม
แต่รอยยิ้มนั้นอยู่บนหน้าหล่อนได้ไม่นานก็จางไป
ตู้กวงฮุยรู้สึกกระวนกระวายในใจ เขากลัวว่าร้านที่พาหล่อนมากินข้าวจะเล็กเกินไปจนทำให้หล่อนไม่พอใจ
เขาสัญญากับหล่อนว่าจะพามาซื้อกระเป๋าและเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่
ชายหนุ่มเริ่มถามอย่างระมัดระวัง “หรงหรง ทำไมถึงไม่กินล่ะ อาหารไม่ถูกปากเหรอ”
หวังหรงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้เขา “เปล่าหรอก เป็นเพราะฉันไม่มีอารมณ์จะกินน่ะค่ะ”
ตู้กวงฮุยถามต่อ “คุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกผมได้นะ ผมจะช่วยเอง”
หวังหรงร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เริ่มเล่าว่าพี่ชายต้องติดคุกเพราะหล่อน ทำให้หล่อนถูกพ่อแม่เกลียด จากนั้นก็ถามเขาว่า “กวงฮุย คุณชอบฉันจริง ๆ เหรอคะ?”
อยู่ ๆ ก็ถูกถามอย่างกะทันหัน ทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้าตอบทันที “แน่นอนสิ ผมชอบคุณจริง ๆ มีอะไรจะต้องสงสัยอีก”
ถ้าไม่ใช่เพราะความชอบต่อหล่อน จะยอมซื้อกระเป๋าแพง ๆ นี่ให้ได้อย่างไร?
หวังหรงมองเขาอย่างมีความหวัง “ตอนนี้ฉันต้องการเงิน เป็นเงินจำนวนมากเลย คุณช่วยฉันได้หรือเปล่าคะ?”
ตู้กวงฮุยลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น “คุณจะให้ผมช่วยอะไร?”
“ง่ายมาก” หวังหรงตอบอย่างรวดเร็ว “ฉันอยากให้คุณลงทุนเปิดร้านอาหารกับฉัน กำไรที่ได้มาก็เอามาแบ่งกัน”
ตู้กวงฮุยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังอาจจะทำเงินได้ก็เลยเอ่ยตอบตกลงออกไป “ผมช่วยคุณได้อยู่แล้ว”
จากนั้นหวังหรงก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “แต่ฉัน ยังไม่มีเงินจ่ายตอนนี้….”
แม้หล่อนจะยังพูดไม่ทันจบ เขาก็รู้ทันทีว่าหล่อนหมายถึงเรื่องอะไร
เขาต้องลงทุนทำร้านคนเดียว แต่กำไรกลับต้องแบ่งกับหล่อนคนละครึ่ง
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกหลอก ทำให้เริ่มไม่พอใจขึ้นมา
แต่เขาก็กลัวว่าถ้าตนไม่ยอมช่วย หวังหรงจะไม่พอใจ และคงหมดโอกาสสานต่อความสัมพันธ์กับหล่อน
ถ้าเป็นแบบนั้นที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อกระเป๋าแพง ๆ ให้ก็คงจะเสียเปล่าพอดี
ตู้กวงฮุยกลอกตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคุณยังไม่มีเงิน ผมจ่ายก่อนได้ ไม่ต้องกังวลไปนะ คุณก็น่าจะเคยได้ยินว่าลุงของผมเป็นข้าราชการระดับสูง แค่ผมเอ่ยขอลุงก็ให้เงินมาเปิดร้านแน่ ๆ เขารักผมมาก แค่รอเฉย ๆ ก็พอ”
หวังหรงแจกยิ้มหวานอีกครั้ง เมื่อทั้งสองออกจากร้านอาหารหล่อนจึงเริ่มควงแขนของเขา
ถึงอย่างนั้นหลังผ่านไปสองวันเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องร้านอาหารกับหล่อนอีก
หวังหรงไม่อยากรออีกต่อไป
ตู้กวงฮุยมาส่งหล่อนที่บ้านหลังเลิกงานเหมือนทุกวัน จึงใช้โอกาสนี้เลียบเคียงถามเขา “คุณลุงได้ให้เงินคุณสำหรับเปิดร้านไหมคะ?”
ตู้กวงฮุยถอนหายใจ “เฮ้อ ลืมเรื่องนั้นไปซะเถอะ ลุงของผมเป็นคนแก่หัวโบราณ พอไปถามเรื่องเปิดร้านก็โกรธมากไม่ยอมให้เงินมาน่ะ บอกว่ามันน่าอายที่ต้องทำงานค้าขาย แล้วก็ไม่ให้เงินมาสักเหมา แถมด่าผมจนหูชาเลย”
เขาเริ่มคุยกับหล่อนด้วยน้ำเสียงประนีประนอม “ทำไมต้องอยากทำร้านอาหารด้วยล่ะ? ลุงผมท่านไม่อยากเสียหน้า”
หวังหรงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามต่อว่า “ทำไมจะต้องกลัวเสียหน้าล่ะ คุณบอกท่านสิว่าเราเปิดร้านอาหารแบบไม่ต้องออกหน้า แค่จ้างพนักงานไม่กี่คนมาทำงานแล้วก็ดูร้านอยู่เบื้องหลังไง”
ตู้กวงฮุยเงียบไป
สุดท้ายแผนการบ่ายเบี่ยงที่เขาอุตส่าห์คิดมาก็ถูกหล่อนแก้เกมได้อย่างรวดเร็วด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
เขาหัวเราะขึ้นมาสองสามครั้ง “ถ้าเราไม่ออกหน้า คนก็ไม่รู้น่ะสิว่าเรากำลังจะเปิดร้าน”
หวังหรงถามอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่คุณไม่อยากเปิดร้านกับฉันแล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มเริ่มพยายามอธิบาย “ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่มันก็น่าอายเกินไป”
หวังหรงกระโดดลงจากท้ายจักรยานโดยไม่พูดอะไรกับเขาอีก เดินกลับบ้านไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ตู้กวงฮุยตกใจที่หล่อนทำแบบนั้น “หรงหรง คุณจะไปไหน? ผมยังไม่ได้พาคุณไปห้างเลย”
แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น”
หลังจากวันนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามเอาอกเอาใจเท่าไรก็ไม่เป็นผล หล่อนไม่ยอมสนใจเขาอีก
ไม่เพียงแค่เมินเฉยใส่เขา หล่อนยังจงใจพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขาอีกด้วย
ตู้กวงฮุยทนอยู่ได้ไม่ทันพ้นวันก็ต้องยอมแพ้ ควักเงินออกมาจ่ายเงินเช่าร้านของป้าหู
ตอนแรกเขาตั้งใจจะเช่ามันแค่เดือนสองเดือนเท่านั้นเพื่อเอาใจหวังหรง คิดว่าพอหล่อนเล่นสนุกเต็มที่แล้วจะเลิกสนใจมันไป แต่หญิงสาวกลับยืนกรานจะเช่าทั้งปี ทำให้เขาหมดค่าเช่าไปจำนวนไม่น้อย
หลังจากเซ็นสัญญากับป้าหู ตู้กวงฮุยก็พูดกับหล่อนด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายในว่า “ผมทำเพื่อคุณขนาดนี้แล้วจะไม่ให้รางวัลกันสักหน่อยเหรอ?”
หวังหรงรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
หล่อนยังต้องการใช้เขาเพื่อจะได้จัดการกับร้านอาหารของหลินม่าย และหากำไรได้มาแบ่งกันอย่างสะดวก เพราะฉะนั้นเลยไม่สามารถมีปัญหากับเขาได้ในตอนนี้
หล่อนเพียงยิ้มหวานแล้วตอบกลับไป “แล้ว อยากได้รางวัลแบบไหนคะ?”
ตู้กวงฮุยยิ้มร้าย “ยังไงก็ได้ จูบผมสักครั้งได้หรือเปล่า?”
หวังหรงลอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง สุนัขรับใช้อย่างเขายังจะกล้ามาขออะไรเกินตัวขนาดนี้จากหล่อนอีก
แต่เพราะกลัวว่าเขาจะขุ่นเคืองแล้วไม่ยอมร่วมมือด้วย หล่อนเลยต้องกลืนก้อนขมลงคอ จิกต้นขาตัวเอง ขยับตัวเข้าไปแตะปากเขานิดหน่อย
แต่อีกฝ่ายกลับดึงร่างของหล่อนเข้าไปในอ้อมแขน ประกบริมฝีปากจูบหล่อนอย่างดุเดือด มือทั้งสองรุกล้ำไปทั่วทั้งร่างบาง
หวังหรงต้องการจะขัดขืนแต่ไม่สามารถทำได้
ใช้เวลาสักพักตู้กวงฮุยก็ปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ
หญิงสาวร้องไห้อย่างเสียใจ เขารีบประคองหน้าหล่อนไว้แล้วเอ่ยขอโทษ “ผมขอโทษ ที่รัก…ผมคุมตัวเองไม่ไหว ผมรักคุณมาก คุณไม่ชอบที่ผมจูบเหรอ”
หล่อนถูกจูบไปแล้ว เขาเป็นฝ่ายได้กับได้ ต่อให้ตอบไปว่าไม่ได้รักในตอนนี้แล้วแยกทางกันไป อย่างไรเขาก็ได้กำไรจากหล่อนไปแล้วเต็ม ๆ ใครจะไปยอมให้เสียเปล่า
หวังหรงแสร้งพูดขึ้นทั้งน้ำตา “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบ แต่…แต่มันเร็วเกินไป”
หลังทั้งคู่แยกกัน หวังหรงกลับถึงบ้านก็ตรงเข้าห้องน้ำแปรงฟันอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเลือดออกก็ยังคงแปรงต่อไปไม่หยุด
หล่อนไม่คิดว่าจูบแรกจะต้องถูกมอบให้กับสุนัขรับใช้อย่างตู้กวงฮุย คิดย้อนไปแล้วก็รู้สึกขยะแขยงราวกับเผลอกลืนฝูงแมลงวันเข้าไป
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนังหลินม่าย และหล่อนจะต้องได้แก้แค้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รักที่มีผลประโยชน์แอบแฝงครั้งนี้จะมีปลายทางอยู่ที่ไหนกันนะ
ว่าแต่จะขายได้เหรอ แค่ฝีมือทำกับข้าวกินเองยังไม่เอาอ่าวเลยนังหรง
ไหหม่า(海馬)