บทที่ 226 สงสัยนวิยา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ตัววารุณีกำลังสั่น

นัทธีเห็นแบบนี้ จึงลุกขึ้นเดินมา กอดเธอไว้ในอ้อมแขน เอาหัวของเธอกดลงไปที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ“อย่าบุ่มบ่าม ผมจะสืบหาคนนั้นแน่นอน”

วารุณีเงยหน้ามองเขา ริมฝีปากซีดขาวขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไร จู่ๆประตูห้องคนไข้ก็ถูกคนเคาะดังขึ้นมา

“ใครน่ะ?”วารุณีรีบผลักนัทธีออก ออกมาจากอ้อมกอดของเขา มองประตูห้องคนไข้แล้วถาม

นัทธีมองอ้อมกอดตัวเองที่ว่างเปล่า สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะหม่นลงไป

เสียงดังเอี๊ยดขึ้นมา

ประตูห้องคนไข้ถูกคนผลักออก ชายหนุ่มที่สวมชุดตำรวจคนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก“คุณวารุณีหรือเปล่า?”

“ฉันเองค่ะ”วารุณีพยักหน้าแล้วปรับอารมณ์ให้ดี

“ผมเป็นตำรวจของสถานี หน่วยSWATส่งต่อสอบสวนติดตามผลของเรื่องลักพาตัว มาให้พวกเราแล้ว ดังนั้นผมจึงมาพูดสถานการณ์กับคุณวารุณีสักหน่อย”ตำรวจหยิบสมุดบันทึกมาที่ข้างเตียง

นัทธีเงยมองเขา“สถานการณ์อะไรครับ?”

“คือแบบนี้ครับ ผมเพิ่งมาจากICU ผู้ร้ายลักพาตัวที่ยังรอดอยู่นั้นถูกช่วยไว้สำเร็จแล้ว และก็ฟื้นแล้วครับ จากการสอบถามเขาแล้ว พวกเขามีคนว่าจ้างทั้งหมดสองคน คนหนึ่งเป็นคุณสุภัทร พ่อของคุณวารุณี ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่ใช้รหัสลับว่าN”ตำรวจเปิดสมุดบันทึกในมือแล้วตอบกลับไป

“ผู้หญิงที่เรียกว่าN?”วารุณีขมวดคิ้ว

“ครับ”ตำรวจพยักหน้า

วารุณีมองไปที่นัทธี“ดูเหมือนนางสาวNคนนี้ จะเป็นคนนั้นที่พวกเราเดา”

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย ถามตำรวจ:“รหัสลับนี้ เป็นตัวย่อของคำหรือชื่ออะไรหรือเปล่า?”

ตำรวจส่ายหน้า“ตรงนี้พวกเรายังไม่แน่ใจนัก แต่พวกเราจะสืบ”

นัทธีขมวดคิ้ว ไม่พูด

กลับเป็นวารุณีที่ก้มหน้า เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

Nตัวอักษรนี้ ทำให้ในหัวของเธอปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาทันที นั้นก็คือนวิยา ชื่อของนวิยาก็ขึ้นต้นด้วยN สอดคล้องกันอย่างมาก

ก็แค่จะเป็นไปได้เหรอว่าเป็นนวิยา?นวิยาแค่คุณหนูที่ตกอับ จะมีอำนาจใหญ่โตขนาดไหนเชียว ที่จะปกปิดเรื่องพวกนี้กับนัทธีได้?

คิดไป วารุณีก็มองไปที่นัทธีอย่างครุ่นคิด

นัทธีสังเกตสายตาของเธอได้ ริมฝีปากบางๆขยับเบาๆ“เป็นอะไรไป?”

วารุณีอ้าปาก หลังจากอ้ำๆอึ้งๆจะพูดก็ไม่พูดนั้น สุดท้ายก็ส่ายหน้า สื่อว่าไม่มีอะไร

ช่างเถอะ ไม่พูดละกัน

ยังไงนวิยาก็เป็นเขาที่เขารัก เธอสงสัยคนรักของเขา จะทำให้เขาไม่พอใจได้

เห็นวารุณีจะพูดแต่ก็ไม่พูด ถึงแม้นัทธีจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ไม่บังคับเธอ ยืนขึ้นมาถามว่า:“ผมอยากรู้ว่า ผู้ร้ายที่ลักพาตัวได้สารภาพหรือไหม จุดประสงค์ที่พวกเขาลักพาตัววารุณี?”

“มีครับ คนที่ลักพาตัวบอกว่านางสาวNให้พวกเราจับคุณวารุณี……ไปที่ภูเขารกร้างและขายไปซะ ไม่ต้องกลับมาตลอดชีวิต”พูดถึงตรงนี้ ตำรวจจึงมองวารุณีอย่างเห็นใจ

วารุณีกำผ้าห่มที่ตัวแน่น หน้าเล็กๆนั้นหม่นลง

จับไปที่ภูเขาแล้วขายทิ้ง เป็นวิธีการที่อำมหิตมาก!

เธอรู้ว่าคนที่หาภรรยาแต่งงานไม่ได้ในหลายๆที่ของภูเขานั้น ภรรยาล้วนแต่ซื้อมาจากข้างนอกทั้งนั้น ซื้อมาแล้วก็ขังไว้แต่ในบ้านมาเป็นเครื่องผลิตลูก ใช้ชีวิตอนาถายิ่งกว่า Nนั่น อยากจะทำลายเธออย่างสิ้นเชิง!

ที่หน้าหม่นลงไปเหมือนกันก็มีนัทธี

นัทธีกำฝ่ามือไว้แน่น“N……”

เขาท่องตัวอักษรนี้อย่างเย็นชาไปรอบหนึ่ง ในดวงตามีความอาฆาตอย่างรุนแรง

วารุณีรู้สึกได้ มองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย

ไม่เข้าใจว่าทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องของเธอ ทำไมเขาต้องโกรธขนาดนี้

เวลาถัดมา หลังจากตำรวจพูดเรื่องบางอย่างอีก ก็บอกลาออกไป

วารุณีดูเวลา ฟ้ามืดลงแล้ว ตกใจจนเธอนั่งขึ้นมาจากเตียงทันที“แย่แล้ว ยังไม่ไปรับลูกเลย!”

“วางใจเถอะ ผมให้คนไปรับนานแล้ว”นัทธีเห็นเธอรีบร้อนแบบนี้ ก็หัวเราะเบาๆ

“รับแล้วเหรอคะ?”วารุณีมองเขาอย่างใจเย็นลง

นัทธีตอบอือ

วารุณีโล่งอก“งั้นก็ดีค่ะ แต่ฉันก็ควรกลับไปได้แล้ว”

เธอไม่ได้บาดเจ็บอยู่แล้ว แค่ตกใจมากไปหน่อย ตอนนี้ดีขึ้นเยอะมาก ไม่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปแล้ว

นัทธีเอาเสื้อคลุมของเธอยื่นให้เธอ“ผมส่งคุณกลับเอง”

วารุณีรับเสื้อคลุมกำลังจะปฏิเสธ เขาก็พูดอีกว่า:“ผมก็ควรจะกลับไปเหมือนกัน ไปด้วยกันพอดีเลย”

เขาพูดแบบนี้ วารุณีปฏิเสธอีกแค่ไหน ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ดี ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบไป

ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินไปที่ลิฟต์

เพิ่งเดินไปที่หน้าประตูลิฟต์ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก

วารุณีเห็นคนด้านใน ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง

“นวิยา คุณอยู่นี่ได้ไง?”นัทธียื่นมือออกไป ประคองนวิยา

นวิยาจึงดึงแขนของเขาออกมาจากด้านใน“ฉันเพิ่งได้ยินพิชิตพูดว่า คุณวารุณีป่วย ก็เลยมาเยี่ยมเธอ คิดไม่ถึงว่าจะเจอพวกคุณที่นี่ คุณวารุณีจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว?”

เธอมองวารุณีที่อยู่ตรงข้าม ไม่ใช่แค่ไม่ปล่อยแขนของนัทธี กลับยังคล้องแน่นขึ้น

ถึงแม้นัทธีจะขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ผลักเธอออก

วารุณีมองออกว่านวิยาทำตัวเป็นเจ้าของกับนัทธีออกมา ลึกๆในใจรู้สึกปั่นป่วน แต่ใบหน้ากลับนิ่ง ตอบด้วยรอยยิ้ม:“ใช่ค่ะ เตรียมออกจากโรงพยาบาล”

“เร็วขนาดนี้เชียว คุณวารุณีอาการดีขึ้นยังคะ ป่วยเป็นอะไร?”นวิยามองสำรวจวารุณีหัวจรดเท้า สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ

วารุณีกะพริบตา กำลังจะตอบ โทรศัพท์นัทธีก็ดัง

เขาเอาแขนออกมา หยิบโทรศัพท์ออกมาดู ริมฝีปากบางๆเม้มลงเล็กน้อย“ผมไปรับสายก่อน”

พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าหันกลับเดินออกไป

วารุณีมองแผ่นหลังของเขา จู่ๆนวิยาก็ขวางอยู่ตรงหน้าเธอ กั้นสายตาที่เธอมองนัทธี พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา:“คุณวารุณี คุณยังไม่ตอบฉันเมื่อกี๊เลยค่ะ”

วารุณีละสายตาลงพูดไปเบาๆว่า:“ดีแล้วค่ะ ไม่ได้ป่วยหนักอะไร คุณหมอพิชิตไม่ได้บอกคุณนวิยา เกี่ยวกับสถานการณ์ของฉันเหรอคะ?”

“เปล่าค่ะ”นวิยาส่ายหน้า“พิชิตแค่บอกว่าคุณป่วย อย่างอื่นไม่ได้พูด”

“แบบนี้เอง……”วารุณีพยักหน้า ไม่พูด

เธอรู้สึกว่านวิยาแปลกๆ ระหว่างพวกเธอไม่ได้มีมิตรภาพอะไรต่อกัน แต่นวิยาได้ยินว่าเธอป่วย ก็จะมาเยี่ยมเธอ เหมือนว่าพวกเธอสนิทกันมากอย่างนั้น

และยังพยายามไถ่ถามอาการป่วยของเธออีก ดูผิดปกติอย่างมาก ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงการคาดเดาไม่นานก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกครั้ง

คิดแบบนี้ วารุณีก็หรี่ตามองนวิยาอย่างละเอียด

นวิยาถูกเธอมองจนอึดอัด หัวเราะ“คุณวารุณี หน้าฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ?ทำไมคุณต้องมองฉันแบบนี้?”

วารุณีเม้มริมฝีปากแดงๆ“เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดถึงเรื่องหนึ่ง คุณนวิยาเคยได้ยินผู้หญิงที่มีรหัสชื่อว่าNไหมคะ?”

“N?”นวิยากะพริบตาอย่างสงสัย“ฟังดูแล้วทำไมเหมือนเป็นสายลับขนาดนี้ คุณวารุณีรู้จักคนประเภทนี้ด้วยเหรอคะ?”

เธออ้าปากกว้างอย่างตกใจ

วารุณีมองไม่ออกว่าเธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าจงใจเล่นละครกันแน่ จึงส่ายหน้าออกไป“ฉันก็ไม่รู้จักค่ะ แต่คนนี้เหมือนว่าจะแค้นฉันมาก ช่วงนี้เอาแต่จ้องเล่นงานฉัน”

“งั้นคุณวารุณีก็โชคร้ายมากๆ”นวิยาตบไหล่ของวารุณีอย่างเห็นใจ

วารุณีหันหน้าไปมองมือของเธอที่ผอมเหลือแต่กระดูก ยิ้มออกไปอย่างขมขื่นแล้วพูด“ใช่ค่ะ โชคร้ายสุดๆ”

“ต่อไปคุณวารุณีต้องระวังตัวเองนะคะ”นวิยาชักมือกลับ

วารุณีฝืนยิ้มที่มุมปากออกไป“ฉันทราบค่ะ ขอบคุณคุณนวิยาที่เตือนนะคะ”

“เตือนอะไรเหรอ?”นัทธีโทรศัพท์เสร็จกลับมา ได้ยินประโยคนี้พอดี จึงอดไม่ได้ที่จะถาม