ตอนที่ 275 จะไปดูไหม
กินอาหารเย็นเสร็จ นั่งพักชั่วครู่ ครอบครัวปาอินกับหลานเทียนก็พาเฉิงอันนั่วกลับไปด้วย
อวิ๋นไป๋ถามด้วยความไม่เข้าใจ “หลานน้า ทำไมศิษย์หลานของเธอต้องไปพักที่บ้านยายของเสี่ยวอินอินด้วยล่ะ”
พักตำหนักพระจันทร์ก็ได้ ที่เขาก็พักได้ ทำไมต้องไปค้างบ้านของเพื่อนผู้หญิงด้วย
พวกเขาสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าสองคนนี้มีอะไรในกอไผ่
แต่ก็ดูไม่เห็นจะเป็นแบบนั้น!
“เพราะระยะนี้จะให้เสี่ยวอินพาอันนั่วทำความคุ้นเคยกับเผ่าค่ะ พักด้วยกันสะดวกกว่า”
“…อ่อ งั้นพรุ่งนี้พวกหลานจะทำอะไรกันเหรอ”
“พรุ่งนี้อยู่บ้านค่ะ วันมะรืนไปบ้านตระกูลเป่ย” หลังจากวันมะรืนจะไปเดินเล่นในเผ่า จุดประสงค์หลักคือไปบ้านครอบครัวเหมียวค่ะ”
“งั้นน้าอยู่เป็นเพื่อนสองวัน”
“น้าเล็กอวิ๋นไม่ทำงานเหรอคะ”
“เธอกลับมาบ้านครั้งแรก อู๋เปียนมาที่เผ่าครั้งแรก น้าก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนพวกเธอสิ”
“…ค่ะ” ไม่ได้เพื่อเธอกับตี้อู๋เปียนแน่นอน
แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง อย่างไรเสียเธอก็อยากให้น้าเล็กอวิ๋นมาบ่อยๆ จะได้มีเวลาอยู่กับอาของเธอมากๆ
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเอาของขวัญที่เตรียมไว้ทยอยมอบให้แต่ละคน
อวิ๋นไป๋กอดของขวัญแล้วยิ้มพูด “งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ทุกคนจะได้รีบพักผ่อน”
ไม่ถามตี้อู๋เปียนเลยสักนิดว่าจะกลับด้วยกันไหม เพราะเขาก็คิดเหมือนกับมู่เถาเยา
ทิ้งหลานชายไว้ที่นี่ เขาจะได้มีข้ออ้างมาหา
คนตระกูลเย่ว์รู้กันแต่ไม่พูดออกมา จึงไม่ถามว่าตี้อู๋เปียนจะพักที่ไหน
พอเห็นลูกสาวตัวเองไม่ขยับ ย่าเย่ว์จึงยิ้มกว้างพูดกับอวิ๋นไป๋ “เสี่ยวไป๋ พรุ่งนี้เที่ยงมากินข้าวด้วยกันสิ”
“ได้ครับ ผมกลับก่อนนะครับ”
“จ้ะ”
อวิ๋นไป๋ลาทุกคนแล้วออกไปขับรถกลับบ้าน
คนตระกูลเย่ว์ก็คุยกับมู่เถาเยา ลู่จือฉิน ตี้อู๋เปียน อยู่สักพักแล้วพาไปห้องพักของแต่ละคน
ห้องของมู่เถาเยาอยู่ข้างห้องของเย่ว์หลั่งกับเป่ยซี เป็นห้องที่กำหนดไว้แล้วตั้งแต่เธอยังไม่เกิด
ลู่จือฉินถูกเย่ว์เลี่ยงจัดให้พักข้างห้องของเธอเอง
ห้องของตี้อู๋เปียนอยู่ตรงข้ามห้องของลู่จือฉิน
ห้องพ่อบ้านจงอยู่ข้างห้องตี้อู๋เปียน
ปราสาทโบราณแห่งนี้มีพื้นที่เกือบหนึ่งล้านตารางเมตร อาคารหลักสูงสิบหกชั้น มีแปดสิบแปดห้อง
มีเพียงคนสนิท ราชา จักรพรรดิของแคว้นอื่นเท่านั้นถึงจะเข้าพักในอาคารหลักได้
พาพวกมู่เถาเยาส่งเข้าห้องเสร็จแล้วคนตระกูลเย่ว์ก็ออกมา ให้พวกเขาพักผ่อน
มู่เถาเยามองห้องที่พ่อออกแบบให้เธอ เธอพอใจอย่างเหนือความคาดหมาย
ก่อนหน้านี้พอได้ยินว่าพ่อเป็นคนจัดการห้องให้เธอ เธอยังกลัวอยู่ว่าพ่อจะทำเป็นห้องสีชมพูหวานแบบเจ้าหญิง
ยังดีที่ไม่ใช่
คิดว่าพ่อคงไปถามจากอาจารย์ทั้งสองของเธอว่าเธอชอบอะไร การออกแบบในห้องนี้ก็เลยเป็นสไตล์โบราณที่เธอชอบที่สุด
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะไปคาดคิดว่าอาคารโบราณแสนโอ่อ่าที่เต็มไปด้วยแนวคิดวีรบุรุษและความแข็งแกร่ง มีการป้องกันทางการทหารและใช้ประโยชน์ทางด้านการเมือง จะมีห้องแบบนี้ที่ไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกแม้แต่น้อย
มู่เถาเยาเดินรอบห้องขนาดร้อยกว่าตารางเมตรห้องนี้ รอยยิ้มในดวงตาเอ่อล้นแทบจะทะลักออกมา
ดูจากความตั้งใจในการตกแต่งแล้ว คนตระกูลเย่ว์ดีต่อเธอที่เป็นลูกสาวมากถึงขั้นที่พูดไม่ออก
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม
แต่ไม่เป็นไร พวกเขาดีต่อเธอ เธอก็ย่อมตอบแทนให้มากกว่า
ไม่ใช่เพียงเพราะอาของเธออยู่ที่นี่ ยังเป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ตอบแทนซึ่งกันและกัน
เดินชมรอบห้องเสร็จ มู่เถาเยาก็เปิดกระเป๋าสัมภาระที่เอามาด้วย หยิบเสื้อผ้าออกมาใส่ตู้
อันที่จริงเธอก็เตรียมมาแค่เสื้อผ้าสำหรับขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรสองชุดกับรองเท้า
กระเป๋าขนาดยี่สิบสองนิ้ว คอมพิวเตอร์กับของบำรุงผิวพื้นฐานก็อยู่ในนี้ ยกเว้นกล่องยาใบน้อย
หลังจากเอาข้าวของออกมาจัดเก็บเข้าที่แล้ว มู่เถาเยาก็หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวกับหมวกคลุมอาบน้ำที่อาเตรียมไว้ให้ออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
จัดการทำความสะอาดตัวเองเสร็จเรียบร้อย ทาครีมบำรุงผิวหน้ากับโลชั่นทาตัวสักหน่อย ถอดหมวกไปแขวนเข้าที่ ใช้มือสางผมยาวดำขลับแทนหวีตั้งแต่บนลงล่างไม่กี่นาทีผมก็แห้งแล้ว
ใส่ชุดนอนแล้วขึ้นเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือมาคุยกับอาและอาจารย์
ตำหนักพระจันทร์มีกล้องวงจรปิดเยอะมากทั้งนอกและใน เธอจะเหาะไปไหนก็ไม่สะดวก จึงใช้ห้องสนทนาที่มีพวกเธอแค่สามคนคุยกัน
เพื่อความปลอดภัย ทั้งสามคนจึงไม่คุยเรื่องเมื่อชาติที่แล้วในกลุ่ม
[เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้ก็ตื่นตีสี่กว่าเหรอ]
[ค่ะอา วิชาพลังฝ่ามือที่พ่อบ้านจงเรียนเหมาะที่จะเริ่มฝึกตอนตีห้า…]
มู่เถาเยาอธิบายจุดเด่นของวิชาพลังฝ่ามือให้อาฟัง
เดิมทีลู่จือฉินก็รู้จักกับคนคิดค้นวิชาพลังฝ่ามือ จึงไม่ได้คุยแทรก
[ที่แท้ก็แบบนี้ งั้นยังต้องสอนพ่อบ้านจงอีกนานเท่าไร]
[หมดปิดเทอมหน้าร้อนก็ปล่อยได้แล้วค่ะ เรียนครบหมดแล้วทีนี้เขาก็ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจเอง จะฝึกได้ถึงระดับไหนขึ้นอยู่กับเขาแล้วค่ะ]
[นั่นสิ อาจารย์พาเข้าสำนัก เรื่องฝึกฝนขึ้นอยู่กับบุคคล]
[ค่ะ]
[พรุ่งนี้จือฉินก็ตื่นตีสี่กว่าด้วยเหรอ]
[ใช่ พร้อมเสี่ยวเยาเยา]
[ได้ งั้นฉันด้วย]
[เย่ว์เลี่ยง เธองานยุ่งขนาดนั้น นอนเยอะๆ เถอะ]
[ไม่เป็นไร ฉันนอนกลางวันเอาก็ได้]
[อืม เสี่ยวเยาเยา ได้ยินว่าหลานจะเข้าร่วมงานแข่งกีฬาระดับโลกครั้งต่อไป งั้นครั้งนี้อีกครึ่งเดือนก็จะเปิดฉากแล้ว พอถึงตอนนั้นจะไปดูด้วยไหม]
[ไม่รู้ว่าจะหาหญ้าร้อยรสกับดอกพันวันเจอไหม…ขอดูก่อนว่าจะใช้เวลาที่เผ่านานแค่ไหนค่อยว่ากันค่ะ]
[ก็ได้จ้ะ]
ตามหาสมุนไพรถอนพิษเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้
ผู้หญิงทั้งสามคนคุยกันอีกไม่กี่นาทีก็บอกราตรีสวัสดิ์เข้านอน