บทที่ 272 แก้ไขปัญหา

บทที่ 272 แก้ไขปัญหา

เสี่ยวเป่าที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นจุดสนใจมิได้ลนลานแต่อย่างใด มิหนำซ้ำดวงตากลมโตยังมองพวกเขาอย่างไร้เดียงสา

หนานกงสือเยวียน “อะไรคือส่งของ”

หนานกงจ้าน “ส่งของอะไร”

หนานกงฉีซิวทำปากพะงาบ ช่างเถอะ มิใช่เรื่องของตนเสียหน่อย

เสี่ยวเป่ามองท่านอาสี่ด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘ท่านอาสี่ช่างทึ่มเสียจริง’

“เสี่ยวเป่าบอกท่านอาสี่ไปแล้วนี่นา”

หนานกงจ้านที่กลายเป็นจุดสนใจแทน : …เจ้าอย่าพูดซี้ซั้วสิ เจ้าบอกข้าเมื่อใดกัน…เดี๋ยวก่อนนะ

“เจ้าหมายถึงไปรษณีย์อะไรนั่นน่ะหรือ”

จู่ ๆ ความคิดนี้ก็แวบเข้ามาในหัว

เสี่ยวเป่าพยักหน้า “พวกเขาแข็งแกร่ง ไม่กลัวพวกคนเลว!”

คนเลวที่ว่าหมายถึงพวกโจรภูเขา

หนานกงสือเยวียนมองหนานกงจ้านเป็นเชิงให้อธิบายขยายความ

หนานกงจ้าน “…”

เขาเองก็ได้ฟังมาเพียงเท่านี้ จะให้ขยายความอย่างไรเล่า

น้ำเสียงของหนานกงจ้านฟังดูลำบากใจ “เสี่ยวเป่าบอกข้ามาเพียงเท่านี้ มันคล้ายกับสำนักคุ้มภัย แต่มีทำการในทุกเขตเมือง มีไว้เพื่อขนส่งสิ่งของเป็นหลักพ่ะย่ะค่ะ”

หน้าที่หลักของสำนักคุ้มภัยคือ คุ้มกันสินค้าของเหล่าพ่อค้าหรือไม่ก็ได้รับมอบหมายให้พาผู้คนไปส่ง สัมภาระหรือจดหมายขนาดเล็กล้วนแต่เป็นการติดไม้ติดมือไปเท่านั้น อีกทั้งส่วนใหญ่ต้องเป็นคนที่รู้จักมักจี่กันถึงจะนำไปส่งให้ คนส่วนใหญ่จึงไม่มีลู่ทางไว้ขนส่งสิ่งของหรือจดหมายในยามที่พวกเขาต้องการ

เสี่ยวเป่าแค่เอ่ยคำประหลาดอย่างคำว่าไปรษณีย์ให้เขาฟัง ส่วนมันดำเนินการอย่างไร ไหนเลยนักรบอย่างเขาจะรู้มากขนาดนั้นได้

ด้วยเหตุนี้เสี่ยวเป่าจึงต้องเป็นผู้อธิบาย

เจ้าตัวน้อยเองก็เพียงแค่เคยเห็น ไม่รู้เหมือนกันว่าข้างในมีโครงสร้างการทำงานเป็นอย่างไร

ดังนั้นนางจึงพยายามอธิบายในสิ่งที่ตนเองเข้าใจให้ได้มากที่สุด สาธิตโดยการใช้ถ้วยชาทั้ง ๆ ที่ยังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของท่านพ่อ

“ที่นี่คือถ้วยชา ส่วนที่นี่ก็คือถ้วยชา…”

นางวางถ้วยชาแทนสถานที่หลายแห่ง และใช้ใบชาแทนตัวสินค้า จากนั้นก็เคลื่อนย้ายจากถ้วยชาใบหนึ่งไปยังถ้วยชาอีกใบ

ขอเพียงสร้างจุดขนส่งให้ดี ทุกคนก็จะไม่ต้องวิ่งวุ่น เพียงแต่ต้องกำหนดเส้นทางให้ชัดเจนและกำจัดอันตรายให้หมดไป เท่านี้พวกคนส่งของก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การเดินทางไปมาระหว่างจุดขนส่งก็จะเป็นเรื่องง่ายและสบาย

ประสิทธิภาพในการทำงานของแต่ละคนก็จะรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียก็คือต้องใช้คนจำนวนมาก

ทว่าสำหรับหนานกงสือเยวียนแล้วนี่นับเป็นปัญหาด้วยหรือ

ทหารที่บาดเจ็บและพิการมีมากมาย แนวทางที่เสี่ยวเป่ามอบให้มิเพียงช่วยแก้ปัญหาความอยู่รอดของคนเหล่านี้ ที่สำคัญไปกว่านั้นวิธีนี้นอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้อีกด้วย!

แน่นอนว่าการลงทุนในช่วงเริ่มต้นจำต้องใช้เงินจำนวนที่มากพอดู

แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะให้โครงสร้างเพียงคร่าว ๆ แต่หนานกงสือเยวียนและหนานกงฉีซิวก็ช่วยเติมเต็มส่วนที่ยังขาดหายไป กระทั่งออกมาเป็นแผนอันสมบูรณ์แบบที่สามารถใช้งานได้จริง

หนานกงสือเยวียนยังมองเห็นประโยชน์ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือกิจการที่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหงในดินแดน สิ่งนี้ทำให้ง่ายต่อการเก็บรวบรวมข้อมูล หากมีกองกำลังนี้อยู่ในมือก็เท่ากับว่าเขามีสายลับอยู่ทุกหนแห่ง

ดังนั้นหากไปรษณีย์ที่เสี่ยวเป่าพูดถึงสามารถทำได้จริง เช่นนั้นการคุมอำนาจก็จะอยู่ในกำมือฮ่องเต้ อีกทั้งสมาชิกหลักของหน่วยสอดแนมจะต้องภักดีต่อราชวงศ์ เหล่าทหารที่ปลดประจำการจึงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

พวกเขาถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซ้ำยังผ่านศึกสงครามและร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ถึงแม้ความจงรักภักดีจะไม่เท่ากับองครักษ์เงาที่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

แน่นอนว่าหนานกงฉีซิวก็นึกถึงจุดนี้เช่นกัน สองพ่อลูกสบตากันในทันที

หนานกงสือเยวียนพอใจกับเรื่องนี้มาก ที่บุตรชายของตนนั้นฉลาดหลักแหลมไม่เหมือนกับคนข้าง ๆ

หนานกงจ้านในตอนนี้กำลังจมอยู่กับความปลาบปลื้มยินดี ที่สามารถจัดหาที่ทางให้แก่เหล่าทหารที่บาดเจ็บของตนโดยมิได้คำนึงถึงปัญหาอื่นใดสักนิดเดียว

“เสด็จพี่ เราดำเนินการเรื่องนี้กันเถอะ!”

เมื่อได้ฟังคำของพวกเขา หนานกงจ้านยิ่งคิดก็ยิ่งมองเห็นข้อดี อยากให้ไปรษณีย์สร้างเสร็จจนแทบรอไม่ไหว

“เสด็จพี่ ไปรษณีย์ที่ว่าจะเริ่มสร้างเมื่อใด คนของข้ายังเหลืออีกไม่น้อยเลย” เขาทำตาปริบ ๆ มองเสด็จพี่ของตนอย่างมีความหวัง

หนานกงสือเยวียนเคาะนิ้วมือบนโต๊ะเบา ๆ “ไปรษณีย์สามารถทำได้ก็จริง แต่ว่าในช่วงเริ่มต้นต้องใช้เงินมหาศาล”

“ข้ายินดีมอบเงินของข้าให้ท่าน”

หนานกงจ้านพูดอย่างรวดเร็ว

หนานกงสือเยวียนปรายตามองเขา “เงินพวกนี้ใช่ว่าข้าจะจ่ายไม่ไหว”

หนานกงจ้านเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน

มีหรือที่หนานกงสือเยวียนจะมิอยากแก้ไขปัญหาของทหารที่ถูกปลดประจำการ มิใช่เพียงเพราะเป็นหน้าที่ในฐานะจักรพรรดิ แต่มีสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือทหารที่เคยเห็นการนองเลือดในสงครามบางครั้งก็เป็นอันตรายต่อผู้คนเช่นกัน

บางคนจมอยู่กับความเงียบเพราะความทุกข์ทรมานในชีวิต ในขณะที่บางคนคลุ้มคลั่งด้วยเหตุผลเดียวกัน

เมื่อชีวิตเรียบง่ายธรรมดาไม่เหมาะกับพวกเขาอีกต่อไป คนบางส่วนก็เลือกที่จะเป็นโจรและกลายเป็นผู้ร้ายคอยจ้องจะทำอันตรายผู้อื่นเสียเอง

นี่คือโศกนาฏกรรม วีรบุรุษผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกป้องบ้านเมือง กลับถูกบีบให้ต้องเป็นคนเลวในที่สุด ผู้คนก็จะจดจำแต่เพียงความชั่วร้าย ลืมเลือนผู้ที่เคยจับอาวุธเพื่อปกป้องพวกเขา และไม่คิดจะสืบหาว่าเหตุใดคนเหล่านั้นถึงต้องลงเอยเช่นนี้

หากคิดให้ลึกซึ้งลงไปอีก ไปรษณีย์ที่เสี่ยวเป่ากล่าวถึงมิเพียงช่วยแก้ไขปัญหามากมาย ทั้งยังสามารถทำประโยชน์ให้เขาไม่น้อย

ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรไปรษณีย์ก็ต้องถูกจัดตั้งขึ้น แต่อาจจะต้องใช้เวลาสองถึงสามปีกว่าจะเห็นผลลัพธ์และกำไร

ทว่าหนานกงสือเยวียนรอได้

เขาอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มนุ่มนิ่มของบุตรสาวในอ้อมแขน นัยน์ตาสีดำสนิทเผยให้เห็นรอยยิ้มเลือนราง

“เจ้าไปเอาความคิดแปลกประหลาดมากมายมาจากที่ใดกัน หืม?”

เสี่ยวเป่าจิ้มปลายนิ้วเข้าหากันอย่างร้อนตัว “เสี่ยวเป่าแค่อยากส่งของให้พี่รองกับท่านอาสี่เฉย ๆ”

หนานกงสือเยวียนเห็นท่าทางร้อนรนของนางก็ไม่คิดซักไซ้ให้ได้ความต่อ

หนานกงจ้านกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกทึ่งในตัวหลานสาว ถึงขั้นคิดอยากจะขโมยนางไปเป็นลูกสาวของตนเข้าสักวัน

ทว่าน่าเสียดายที่เป็นได้เพียงความคิดเท่านั้น