บทที่ 260 ผู้แข็งแกร่งที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 260 ผู้แข็งแกร่งที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ

บทที่ 260 ผู้แข็งแกร่งที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ

เหม่ยหลานตัวสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหันมามองถงหู่และถังเสี่ยวรุ่ย เธอก็ยกแขนขึ้นและชี้ไปที่คนสองคนในสนาม “พวกเขา… คืออะไร?”

“ผู้ฝึกยุทธ์” ถงหู่ตอบอย่างใจเย็น

“ผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร?”

“ผู้ฝึกยุทธ์คือคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณ มันก็คล้าย ๆ กับพวกปรมาจารย์บู๊ลิ้มในหนังหรือละคร” ถงหู่อธิบาย

เหม่ยหลานสับสน

เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ปรากฏเฉพาะในละครโทรทัศน์หรือนวนิยายจะมีอยู่จริง เธอมองดูโจวอี้และแม่เฒ่าเทียนจี้ในสนาม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีพลังมากกว่าพวกปรมาจารย์บู๊ลิ้มในละครทีวีซะอีก!

ทันใดนั้นเธอก็นึกสงสัย…

โจวอี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ แม่เฒ่าเทียนจี้ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นถงหู่ที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็คงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ใช่ไหม? แล้วถังหว่านล่ะ… เป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกันรึเปล่า?

“พี่เหม่ย สิ่งที่คุณเห็นและได้ยินในบ้านหลังนี้ไม่ควรถูกเปิดเผยกับภายนอก” ถงหู่พูดเสียงต่ำ

“อืม!” เหม่ยหลานพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

เธอไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้อยู่แล้ว

มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ในโลกนี้ แต่กว่าจะรู้เธอก็อายุผ่านมาหลายปีแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์นั้นพิเศษมาก เป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าประเทศกำลังปิดกั้นข้อมูลนี้เหมือนกัน นอกจากนี้ เธอไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับโจวอี้และถังหว่าน เพราะคนทั้งคู่ดีกับเธอมาก

ในสนาม

โจวอี้รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นในขณะที่เขาโจมตี

เขารู้ว่าแม่เฒ่าเทียนจี้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่คาดคิดว่าเธอจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ เขาทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับสามารถรับมือการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย

“รับมือนะ!” แม่เฒ่าเทียนจี้ลงมือบ้าง เธอปรากฏตัวข้างหลังโจวอี้ในชั่วพริบตา และซัดฝ่ามือใส่หลังโจวอี้เบา ๆ

ทว่าหลังจากจากนั้น เธอก็มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด

โจวอี้หยุดโจมตี เขามองไปที่แม่เฒ่าเทียนจี้ด้วยสายตาที่ซับซ้อนและถามว่า “คุณย่าอยู่ระดับเซียนแล้วใช่ไหม?”

“อืม!” แม่เฒ่าเทียนจี้พยักหน้า แต่สายตาของเธอยังคงจ้องมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

โจวอี้กำลังจะพูดต่อ แต่จู่ ๆ เขาก็พบว่าท่าทางของแม่เฒ่าเทียนจี้ดูแปลก ๆ เขาจึงหันมองไปตามทิศทางที่หญิงชรากำลังจับจ้อง

ทันใดนั้น ร่างที่ว่องไวเหมือนสายฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้น

ผู้มาเยือนเป็นชายชราในชุดสีดำที่มีผมสีเงินทั้งศีรษะ

สีหน้าดูดุดันและมีขวานสั้นผูกไว้ที่แผ่นหลังของเขา ชายชรามองโจวอี้และแม่เฒ่าเทียนจี้ แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความสงสัย

“พวกท่านคือใคร?” ชายชราถาม

“เจ้าเป็นคนมาหาเรา แต่กลับถามว่าเราเป็นใครเนี่ยนะ” แม่เฒ่าเทียนจี้กล่าวอย่างเฉยเมย

“ขออภัย ข้าบังเอิญผ่านมา แล้วจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายการต่อสู้ที่นี่ ข้าเลยมาดู” ชายชราอธิบายและแนะนำตัวเองว่า “ข้ามาจากโม่เป่ย เหล่าสหายของข้าในโลกผู้ฝึกยุทธ์ล้วนเรียกข้าว่า เฒ่าหลี่ขวานปีศาจ”

“เฒ่าหลี่ขวานปีศาจแห่งเผ่าเพลิงคลั่ง? ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าจะมีพรสวรรค์ในด้านการฝึกยุทธ์ขนาดนี้ สามารถก้าวเข้าสู่ระดับเซียนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย” แม่เฒ่าเทียนจี้เอ่ยขึ้น

“ท่านคือ?” เฒ่าหลี่ขวานปีศาจขมวดคิ้ว เขาอายุเกือบร้อยปีแล้ว ดังนั้นการถูกเรียกว่าเด็กน้อยจึงทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย

“สำนักโอสถ เทียนจี้”

“แม่เฒ่าเทียนจี้?” เฒ่าหลี่ขวานปีศาจเปลี่ยนสีหน้าและถามกลับอย่างเหลือเชื่อ

“ใช่”

“หลี่จือซิ่วคารวะแม่เฒ่าเทียนจี้ ผู้เยาว์ได้ยิเรื่องท่านมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้พบตัวจริงสักครั้ง ใครจะคิดว่าวันนี้จะได้พบท่านที่นี่ในเมืองจินหลิงโดยบังเอิญ” เฒ่าหลี่ขวานปีศาจประสานมือและคารวะด้วยท่าทีนอบน้อม

“ไม่ต้องสุภาพขนาดนี้หรอก” แม่เฒ่าเทียนจี้กล่าว

“แล้วชายหนุ่มผู้นี้คือใคร?” เฒ่าหลี่ขวานปีศาจมองมาที่โจวอี้ เขาสัมผัสได้ว่าโจวอี้ยังไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของตัวเอง เขาจึงมองออกว่าโจวอี้อยู่ในระดับปรมาจารย์

เขารู้สึกประหลาดใจ

เพราะเขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้เด็กมาก แต่กลับสามารถทะลวงระดับปรมาจารย์ได้แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ของโจวอี้นั้นยอดเยี่ยมมาก

“สำนักโอสถ โจวอี้ ยินดีที่ได้พบกับปรมาจารย์หลี่แล้ว” โจวอี้พูดพร้อมกับประสานมือคารวะ

“ไม่เลว ทะลวงระดับปรมาจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อย เจ้าน่าจะได้สร้างสถิติใหม่สำหรับการบรรลุเป็นปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกผู้ฝึกยุทธ์ อันที่จริงหากจะพูดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ข้าเกรงว่าก็คงไม่ผิดนัก” เฒ่าหลี่ขวานปีศาจพยักหน้าอย่างชื่นชม

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง ใบหน้าของเขาก็ขยับเล็กน้อยและหันไปมองที่ประตูห้องโถงวิลล่า

เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขน ทว่ากลิ่นอายของอีกฝ่าย…

ปรมาจารย์?

มีปรมาจารย์อีกคน?

เแถมคนนี้ดูเหมือนจะเด็กกว่าโจวอี้อีกใช่ไหม?

สีหน้าของเฒ่าหลี่ขวานปีศาจเปลี่ยนไปเป็นกระอักกระอ่วน เขารู้สึกอับอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปเมื่อครู่

“ปรมาจารย์หลี่ นี่คือน้องชายของผมเอง ถงหู่ เขาเป็นศิษย์สำนักโอสถของเราด้วย” โจวอี้แนะนำ

“แค่ก ๆ สำนักโอสถช่างเต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ น่าตกตะลึงเหลือเกินที่ศิษย์รุ่นเยาว์สองคนสำเร็จระดับปรมาจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้” เฒ่าหลี่ขวานปีศาจกระแอมไอสองครั้งและพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง

“ปรมาจารย์หลี่ยกย่องเราเกินไปแล้ว” โจวอี้ส่ายหัวช้า ๆ

หลี่จือซิ่วเหลือบมองไปที่แม่เฒ่าเทียนจี้ โจวอี้ และถงหู่อีกครั้ง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าหวังว่าทุกท่านจะไม่ตำหนิข้าที่มาที่นี่ ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นข้าขอตัวไปก่อน หวังว่าจะได้พบกันอีกในอนาคต!”

“เชิญ” โจวอี้มองดูอีกฝ่ายหายไปในระยะไกลอย่างรวดเร็ว แล้วจึงหันกลับมาที่สนาม

“พวกเจ้าสองคนอย่าไปพูดคุยกับชายคนนั้นอีกเลย” แม่เฒ่าเทียนจี้เอ่ยขึ้น

“ทำไมเหรอครับคุณย่า?” โจวอี้ถาม

“ชายคนนั้นมีอารมณ์ที่แปลกประหลาด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ส่วนใหญ่มักทำตัวไร้เมตตา ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่ควรที่จะไปสุงสิงกับเขา”

“เขาเคยทำอะไรไว้เหรอ?” โจวอี้ถาม

“โฮ่ โฮ่ วีรกรรมของเขามีมากมาย อย่างเช่นเคยหลอกอาจารย์ของตัวเองให้ไปฆ่าล้างบรรพบุรุษของเขา และพยายามที่จะยึดตำแหน่งผู้นำของเผ่าเพลิงคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้น เขาเคยฆ่าล้างกลุ่มโจรที่โหดเหี้ยมในทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียงลำพัง ทว่าเขาฆ่าล้างถึงขนาดที่ไม่ละเว้นเลย ทั้งทารก คนชรา หญิงท้อง เขาสังหารอย่างไม่มีเว้น เห็นไหมว่าเขาไม่น่าคบหาขนาดไหน?” แม่เฒ่าเทียนจี้ตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ

ฟู่ว!

โจวอี้จดจำเรื่องราวของเฒ่าหลี่ขวานปีศาจไว้ในใจ

“คุณย่า เขาอยู่ในระดับเซียนงั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง”

โจวอี้เงียบไป

เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ตัวเองทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว และแม้ยังไม่ทันจะก้าวขาออกจากบ้าน เขาก็ดึงดูดตัวตนระดับเซียนเข้ามาหาโดยไม่คาดคิด

เดิมทีเมื่อเขาได้เป็นปรมาจารย์ เขาค่อนข้างพึงพอใจกับตัวเองมาก

แต่ตอนนี้ความสุขนั้นหายไปแล้ว

อ่อนแอ!

ฉันยังอ่อนแอเกินไป!

แม้ตอนนี้เขาจะเจอกับปรมาจารย์ เขาก็คงไม่กลัวอีกต่อไป และรู้สึกว่าถ้าตัวเองสู้ไม่ได้ก็สามารถหนีได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่ถ้าพบกับตัวตนระดับเซียนเข้า… เขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่ง

ต้องขยันฝึกฝนและแข็งแกร่งขึ้น!

แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนในเวลาอันสั้น แต่เขาก็ต้องหมั่นฝึกฝนให้มากกว่านี้ และพยายามสะสมไพ่ลับให้มากขึ้นเพื่อป้องปกตัวเอง ภรรยา และลูกสาวทั้งสองคนที่นี่!

ไม่เช่นนั้นในอนาคต หากพวกเขาต้องเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งในระดับเซียน พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายเมื่ออีกฝ่ายมีความคิดที่ชั่วร้าย

ฉันจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ปลอดภัย!

จู่ ๆ โจวอี้ก็ตัดสินใจผลักดันให้ลูกสาวทั้งสองคนของเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่ว่าอย่างน้อย ๆ พวกเธอจะได้ปกป้องตัวเองได้บ้าง