บทที่ 261 อ่านใจ

บทที่ 261 อ่านใจ

โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง

เหลียนซานนั่งอยู่ในคลินิกให้คำปรึกษา สายตาจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

ใกล้จะสิบโมงแล้ว

แต่หมอโจวยังไม่มา และคนไข้ที่มารอข้างนอกก็เข้าแถวรอแล้ว

เธอโทรหาโจวอี้หลายครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย สถานการณ์นี้ทำให้เธอสงสัยว่าควรปล่อยให้คนไข้รอไปหรือบอกให้พวกเขากลับไปก่อน

ก๊อก ก๊อก….

เสียงประตูที่ถูกเคาะดึงดูดความสนใจของเหลียนซาน

“ผู้อำนวยการเฉิน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?” เหลียนซานรีบลุกขึ้นถาม

ใช่แล้ว!

เฉินเจี้ยนหรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงเมื่อไม่กี่วันก่อน และผู้อำนวยการคนเดิมก็ถูกย้ายไป

“ผมมาเยี่ยมน่ะ โจวอี้ยังไม่มาเหรอ?” เฉินเจี้ยนหรงถาม

“หมอโจวน่าจะมาช้าเพราะติดธุระบางอย่าง เขาไม่ได้แจ้งลา แต่เขาน่าจะมาถึงตรงเวลา”เหลียนซานขอโทษแทนโจวอี้

“ไม่เป็นไร ผมแค่ถามเฉย ๆ” เฉินเจี้ยนหรงยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปสองสามก้าว แล้วหยุดกะทันหัน “ถ้าโจวอี้มา ขอให้เขามาที่ออฟฟิศของผมเพื่อทานมื้อเที่ยงด้วยนะ ผมมีอะไรจะถามเขาหน่อย”

“ตกลง เอาไว้ฉันจะบอกเขาให้ค่ะ”

10 โมงเช้า

โจวอี้เพิ่งมาถึงโรงพยาบาล เมื่อเห็นผู้ป่วยมากมายหลายคนกำลังเข้าคิวรอ เขาก็กล่าวขอโทษกับทุกคน “ผมขอโทษทุกคนด้วย เพราะเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยทำให้ผมมาทำงานล่าช้า”

“คุณคือหมอโจว?” ชายวัยกลางคนถาม

“ใช่ ผมชื่อโจวอี้”

“หมอโจว แค่คุณมา พวกเราก็พอใจแล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าผมที่อยู่ท้ายแถวแบบนี้จะได้รับคำปรึกษาเรื่องโรคของแม่ผมทันตอนเช้าไหม?”

“ถ้าหากคุณรอได้ ผมจะยังไม่เลิกงานถ้ายังไม่ได้ให้คำปรึกษากับคุณ” โจวอี้พยักหน้าให้คำมั่นและพูดกับเหลียนซานซึ่งออกมาจากห้องว่า “ไปเอาเก้าอี้มาให้คนไข้นั่งพักระหว่างรอ”

“ค่ะ!” เหลียนซานพยักหน้าและรีบวิ่งออกไปทันที

มีคนไข้ต่อคิวเยอะมาก รวม ๆ แล้วก็ยี่สิบกว่าคน

อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยและการรักษาของโจวอี้ก็รวดเร็วมากเช่นกัน

ก่อนเวลา 12.00 น. เหลือผู้ป่วยเพียง 3 รายที่ยังไม่ได้รับการรักษา

ภายในห้องให้คำปรึกษา

โจวอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ป่วยคนล่าสุดเดินเข้ามา

คนไข้ล่าสุดเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปี แต่ที่น่าประหลาดใจคือเด็กหญิงคนนี้เดินเข้ามาคนเดียว

“ผู้ปกครองของหนูอยู่ที่ไหนเอ่ย?” โจวอี้ถาม

“ไม่มีผู้ปกครอง หนูมาเอง” เด็กน้อยตอบ

“มาด้วยตัวเองเลยเหรอ? อืม มีอิสระมากตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งก็ดีแล้ว” โจวอี้ยิ้มและถามว่า “บอกอาการเจ็บป่วยของหนูมาซิ หนูเจ็บป่วยแบบไหน?”

“นี่…” เด็กน้อยชี้ไปที่หัวใจของเธอ

เมื่อโจวอี้ได้ยินเช่นนี้ เขาก็เอื้อมมือไปจับข้อมือของเด็กหญิงมาตรวจสอบชีพจรของเธอ ก่อนจะถามคำถามต่อไปว่า “หนูชื่อจ้านฉี? เป็นชื่อที่น่าสนใจ! พ่อแม่ของหนูตั้งชื่อให้เพราะมาก”

“หนูไม่มีพ่อแม่” เด็กหญิงพูดพร้อมก้มศีรษะลง

“ไม่มีพ่อแม่? แล้วมีใครในครอบครัวของหนูบ้าง?”

“มีแค่หนู”

เด็กกำพร้า?

โจวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขามองไปที่จ้านฉีและรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนเด็กกำพร้า แม้ว่าอีกฝ่ายจะขี้อายและดูน่าสงสาร แต่เธอก็แต่งตัวดี ที่บ้านน่าจะมีฐานะระดับหนึ่งทีเดียว

“แค่หนูตัวคนเดียว? แล้วหนูใช้ชีวิตยังไง”

“ลูกพี่ลูกน้องจะให้เงินหนูไว้และมาเยี่ยมหนูบ่อย ๆ แต่หนูอยู่บ้านคนเดียว หนู… หนูไม่ชอบเจอคนแปลกหน้า” จ้านฉีลดศีรษะลง

โจวอี้พยักหน้า

สีหน้าของเขาดูแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขารู้สึกถึงชีพจรของอีกฝ่าย สภาพของชีพจรคงที่มาก และร่างกายของอีกฝ่ายก็แข็งแรงดี ไม่มีสัญญาณของการเป็นโรคหัวใจเลย

“จ้าน… จ้านฉีใช่ไหม หนูมาหาฉันเพราะหนูมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจงั้นเหรอ?”

“อื้ม!” จ้านฉีพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหัวอีกครั้งก่อนจะชี้นิ้วไปที่ศีรษะแล้วพูดว่า “มีปัญหาที่นี่ด้วย”

“งั้นหนูบอกได้ไหมว่าอาการเป็นยังไง?”

“หนู…” จ้านฉีลังเล

“ไม่ต้องกลัว ฉันเป็นหมอที่เชี่ยวชาญในการรักษาโรคยาก ๆ ถ้าหนูมีเรื่องไม่สบายใจก็สามารถบอกความจริงกับฉันได้ เฉพาะเมื่อฉันเข้าใจสถานการณ์ของหนูอย่างถ่องแท้แล้ว ฉันก็จะรักษาโรคของหนูได้ ตกลงไหม?” โจวอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“หนู หนูไว้ใจคุณได้ใช่ไหม?” จ้านฉีเงยศีรษะขึ้น ดวงตาที่สดใสของเธอจ้องมองที่โจวอี้

แต่!

จู่ ๆ เธอก็ตื่นตระหนก

เพราะเธอคิดว่าความสามารถพิเศษของเธอดูเหมือนจะไม่ควรใช้ต่อหน้าหมอคนนี้

“หนูไว้ใจฉันได้ ฉันเป็นหมอ หมอมีหน้าที่ช่วยชีวิตและรักษาคน”

“ถ้าหนูบอกคุณ คุณช่วย…” คำพูดของจ้านฉีชะงักไป เธอหันไปมองเหลียนซานและชี้ไปที่อีกฝ่าย “เธอคนนั้นคิดว่าหนูกำลังสร้างปัญหาและสร้างเรื่องวุ่นวายให้คุณ”

“ฮะ?” โจวอี้หันไปมองเหลียนซาน

เขาพบว่าแววตาของเหลียนซานในขณะนี้ดูเหลือเชื่อ

เกิดอะไรขึ้น

เหลียนซานไม่ได้พูดอะไรนี่นา?

นอกจากนี้ เมื่อครู่จ้านฉีมองเขาโดยไม่ได้ละสายตาไปไหน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการแสดงออกของเหลียนซานและคาดเดาความคิดของเหลียนซานได้!

ทางด้านเหลียนซานนั้นรู้สึกหวาดกลัว

เพราะเมื่อครู่เธอกำลังคิดอยู่จริง ๆ ว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าเธอคนนี้กำลังทำตัวสร้างปัญหา

แต่!

นั่นคือสิ่งที่เธอคิดและไม่ได้พูดออกไป

เด็กหญิงที่ชื่อจ้านฉีคนนี้ทำได้อย่างไร?

หรือว่าสามารถอ่านใจได้?

โจวอี้มองไปที่เหลียนซานและจ้านฉี หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามว่า “จ้านฉี ฉันไม่เข้าใจว่าหนูหมายถึงอะไร”

“เธอคนนี้คิดว่าหนูอ่านใจคนได้” จ้านฉีชี้ไปที่เหลียนซานอีกครั้ง

“น…นี่รู้ได้ยังไง?” เหลียนซานถามด้วยความหวาดกลัว

โจวอี้ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เมื่อมองไปที่เหลียนซาน เขาก็ถามว่า “คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?”

“ใช่” เหลียนซานพยักหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

สีหน้าของโจวอี้เปลี่ยนไป

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจ้านฉีถึงชี้ไปที่หัวใจและศีรษะของเธอ

“หมอเหลียนออกไปก่อน ผมจะคุยกับเด็กคนนี้เอง”

“ได้!” เหลียนซานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้อง

โจวอี้ลุกขึ้นปิดประตูห้อง ล็อกจากด้านใน แล้วกลับมานั่งที่เดิม

เขามองจ้านฉีโดยไม่กะพริบตาและถามว่า “หนูลองบอกมาซิว่าตอนนี้ฉันกำลังคิดอะไรอยู่?”

“หนูไม่รู้” จ้านฉีส่ายหัว

“ไม่รู้?”

“ใช่ หนูไม่รู้ หนูไม่ได้ยินเสียงของคุณเลย แปลกมากเลย คุณเป็นคนแรกที่หนูไม่ได้ยินเสียง”

ใช่เลย!

เด็กคนนี้เป็นนักอ่านใจจริง ๆ!

ส่วนสาเหตุที่เด็กคนนี้ไม่สามารถได้ยินความคิดของโจวอี้ได้ อาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์และเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง

โจวอี้สูดหายใจเข้าลึกและถามอย่างจริงจังว่า “เพียงเพราะหนูได้ยินสิ่งที่คนอื่นคิด หนูก็เลยคิดว่าตัวเองป่วยใช่ไหม หนูก็เลยมาที่นี่?”

“อื้ม!”

“แล้วหนูรู้เรื่องของฉันได้ยังไง?”

“หนูฟังจากลูกพี่ลูกน้องของหนู เธอบอกว่าคุณมีพลังมาก”

“แล้วใครคือลูกพี่ลูกน้องของหนู?”

“ซีชิงอิ่ง”