บทที่ 223 แนะนำกล่องไม้ไผ่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 223 แนะนำกล่องไม้ไผ่

บทที่ 223 แนะนำกล่องไม้ไผ่

ครั้นลูกจ้างภายในร้านเห็นกู้เสี่ยวหวาน เด็กหญิงผู้นี้อายุยังน้อย หากแต่ไม่ได้มีท่าทีอ่อนแอแต่อย่างใด และเมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายผู้นั้นดูสง่างาม เขาจึงรู้ได้ว่าไม่ควรละเลยคนเหล่านี้ เมืองรุ่ยเสียนแห่งนี้เต็มไปเสือหมอบมังกรแอบ*[1] ใครจะรู้ว่านี่เป็นแขกผู้มีเกียรติจากครอบครัวใด

คนที่จะทำการค้าจะมีสายตาเฉียบแหลม และหนึ่งในนั้นบอกให้รอสักครู่ แล้วหายเข้าไปด้านใน

เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง พร้อมกับเชิญกู้เสี่ยวหวานและสวีเฉิงเจ๋อเข้าไปข้างใน

เถ้าแก่ผู้นั้นกำลังดื่มชา เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและสวีเฉิงเจ๋อเดินเข้ามา เขาไม่รู้ว่าทั้งสองมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด แต่พวกเขากล่าวว่าต้องการพูดคุยกับตนเอง เมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม ท่าทางของเขาดูมีความรู้ และเด็กหญิงก็มีรูปลักษณ์งดงาม แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่ท่าทีของนางก็เต็มไปด้วยความสง่างามที่ไม่สามารถประเมินได้

“พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรรึ?” เถ้าแก่อวี๋เอ่ยถาม เถ้าแก่อวี๋อายุประมาณห้าสิบปีและมีใบหน้าที่ผอมเพรียว

กู้เสี่ยวหวานเข้าประเด็น “เถ้าแก่อวี๋ ข้าชื่อกู้เสี่ยวหวาน นี่คือพี่ชายของข้า ขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับเจ้าค่ะ”

ท่าทางที่สุภาพของกู้เสี่ยวหวานทำให้สวีเฉิงเจ๋อประทับใจยิ่งนัก อย่ามองว่านางเป็นสาวน้อยจากชนบท แต่ท่าทีของนางนั้นอ่อนน้อมถ่อมตนและไม่เย่อหยิ่งเป็นสิ่งที่สะดุดตา

“พวกเจ้าสองคนมีอะไรหรือเปล่า?” เถ้าแก่อวี๋เอ่ยถามด้วยท่าทีใคร่สนใจ เด็กหญิงและชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ นางมีท่าทางที่ไม่ธรรมดา ทำให้ผู้คนไม่กล้าดูถูกพวกเขา

“ข้ามาเพื่อเจรจาการค้าเจ้าค่ะ”

“โอ้?” เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่อวี๋สนใจมาก “สาวน้อย มันเป็นการค้าประเภทไหนกัน?”

กู้เสี่ยวหวานเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกตอนนี้ “ข้าสังเกตว่ากิจการร้านค้าของเถ้าแก่ดีมาก และเนื่องจากเป็นกิจการที่ดี จึงมีลูกค้าจำนวนมาก แต่มีลูกจ้างไม่เพียงพอ ลูกค้าที่ใจร้อนบางคนก็ไม่อยากรอและจากไป”

เถ้าแก่อวี๋พยักหน้า แน่นอนว่าเขารู้เรื่องนี้ดี

ร้านขนมอวี๋จี้ในเมืองรุ่ยเสียนแห่งนี้เปิดกิจการมานานหลายสิบปีแล้ว เป็นร้านของหวานหนึ่งในไม่กี่แห่งของเมืองรุ่ยเสียน ร้านแห่งนี้มีลูกค้ามากมายแต่ลูกจ้างกลับมีไม่เพียงพอ ถ้าเพิ่มลูกจ้างก็ต้องเสียเงินเพิ่มถึงสิบสองตำลึงเงิน ไหนจะค่าอาหารอีก เถ้าแก่อวี๋มองเช่นไรก็คิดว่ามันไม่คุ้มค่า

แม้ว่าในแต่ละวันลูกค้าจะหายไปหลายคน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “เมืองรุ่ยเสียนนี้ไม่เหมือนกับที่อื่น ค่าแรงก็สูง ร้านของข้านี้มีลูกจ้างมากพอแล้ว ถ้าไปร้านอื่นจะเห็นว่าเจ้าของร้านก็เป็นคนทำงานเองด้วย”

“เช่นนั้น เถ้าแก่อวี๋กิจการของท่านใหญ่มาก” กู้เสี่ยวหวานยิ้มและกล่าวว่า “เถ้าแก่อวี๋ ข้าสงสัยว่าท่านได้สังเกตเห็นหรือไม่ว่า ถ้าลูกค้ามาซื้ออะไรซักอย่าง ครึ่งหนึ่งของเวลาจะใช้ไปกับสิ่งที่ใช้บรรจุขนม”

“อืม ข้ารู้ดี” แต่บรรจุภัณฑ์ขนมก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย ต้องใช้แรงให้พอดี ถ้าห่อแน่นไปขนมก็จะแตก ถ้าห่ออหลวมไปขนมก็จะหลุดออกมา คนห่อขนมจึงต้องกะเกณฑ์แรงให้พอดี ต้องไม่เบาหรือหนักเกินไป

“เถ้าแก่อวี๋ ท่านเคยคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานโน้มนาว

“หืม?” เถ้าแก่อวี๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ “มีสิ่งอื่นที่สามารถเอามาแทนได้หรือ?” ทุกคนล้วนใช้กระดาษเพื่อห่อนี่นา

“ลองใช้นี่ดูสิเจ้าคะ!” กู้เสี่ยวหวานยื่นกล่องไม้ไผ้ให้เถ้าแก่อวี๋ดู “การใช้สิ่งนี้ในการห่อขนม ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลาในการบรรจุ แต่ยังดูสวยงามอีกด้วย ข้าเชื่อว่าลูกค้าจะชอบมันมากเจ้าค่ะ”

เถ้าแก่อวี๋กำลังถือกล่องไม้ไผ่อยู่ในมือ กล่องไม้ไผ่นี้มีขนาดเล็กและประณีต ดูเหมือนว่าคนทำจะฝีมือดีมาก

“นี่คือ…” เถ้าแก่อวี๋ทำหน้างุนงงเล็กน้อย จะบรรจุเช่นไรล่ะ?

“อย่างนั้นเราไปที่ร้านและลองบรรจุขนมกันดีหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานแนะนำ

คนทั้งหมดมาที่ด้านหน้าร้าน ประจวบเหมาะกับที่ลูกค้าเข้าร้านพอดี กู้เสี่ยวหวานมอบกล่องไม้ไผ่ให้กับลูกจ้างในร้าน นางอธิบายวิธีใช้สองสามข้อ และคอยยืนดูอยู่ห่าง ๆ

ลูกจ้างในร้านเปิดกล่องไม้ไผ่และวางกระดาษห่อไว้ใต้กล่องตามคำแนะนำของกู้เสี่ยวหวาน มีคนต้องการซื้อขนมหนึ่งชั่งพอดี ลูกจ้างในร้านใส่ขนมเข้าไปตามปกติ เขาบรรจุขนมหนึ่งชั่งและชั่งมันตามปกติ มันน้ำหนักแค่ชั่งกว่า ๆ ซึ่งน่าจะเป็นน้ำหนักของกล่องไม้ไผ่

ลูกค้าที่มาซื้อขนมเห็นกล่องไม้ไผ่ซึ่งมีขนาดเล็กและประณีต ใส่ได้พอดีกับขนมด้านใน นอกจากนี้กล่องนี้ยังมีที่จับซึ่งสะดวกมากในการถือ

เมื่อลูกค้าเห็นว่าบรรจุภัณฑ์ถูกเปลี่ยน การห่อขนมก็รวดเร็วมากขึ้น เขาชมว่า “ไม่เลวเลย ห่อขนมได้เร็วกว่าเดิมมาก” หลังจากมองดูกล่องไม้ไผ่ในมือใกล้ ๆ เขาก็กล่าวคำชมอย่างล้นหลาม “กล่องนี้สวยยิ่งนัก ดูดีกว่าห่อกระดาษเมื่อก่อนเยอะเลย”

บรรดาลูกค้าชื่นชมกล่องไม้ไผ่นี้อย่างไม่ขาดปาก รูปแบบของกล่องไม้ไผ่นี้ทันสมัยมาก และลูกค้าบางคนชื่นชอบมันมาก

ทันทีที่เถ้าแก่อวี๋ได้ยิน เขาก็ยืนมองลูกค้าทุกคนที่มาซื้อของ ลูกค้าไม่ต้องรอนานเพราะการห่อขนมที่เชื่องช้า เมื่อเห็นดังนั้น เถ้าแก่จึงพอใจอย่างมาก

กู้เสี่ยวหวานนำกล่องไม้ไผ่มาทั้งหมดสิบกล่อง และใช้มันหมดในคราวเดียว บางคนที่มาทีหลังเห็นว่าขนมที่ตนเองต้องการซื้อถูกห่อด้วยกระดาษก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “เถ้าแก่ ท่านซื้อกล่องไม้ไผ่มาเพิ่มเถอะ กล่องไม้ไผ่นี้ทั้งดูดีและมีราคา เมื่อนำไปให้คนอื่นก็ดูดีมาก ถ้ามีกล่องเช่นนี้อีก ข้าจะซื้อขนมเพิ่ม”

ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ซื้อของก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว เมื่อซื้อให้คนอื่นก็ดูเป็นของที่มีราคา”

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าคนเหล่านี้ชอบมากและเห็นด้วยกับการบรรจุขนมในกล่องไม้ไผ่ นางดีใจมาก จึงเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองสวีเฉิงเจ๋อที่แอบยกนิ้วโป้งให้นาง

เมื่อกลับมาที่ลานหลังบ้าน เถ้าแก่อวี๋ดีใจมากและกล่าวว่า “ไม่เลว กล่องไม้ไผ่ของเจ้าช่างงดงามเสียจริง ลูกค้าของข้าล้วนชื่นชอบมัน!”

กู้เสี่ยวหวานรีบใช้โอกาสนี้กล่าวว่า “ใช่แล้ว เถ้าแก่อวี๋ กล่องไม้ไผ่นี้เพิ่มยอดขายขนมของท่าน ต้นทุนของกล่องไม้ไผ่นี้ไม่นานก็จะคืนทุนแล้ว”

ถ้ากิจการของร้านที่บ้านดีขึ้น เถ้าแก่อวี๋ก็มีความสุขแน่นอน เพียงต้องเพิ่มเงินไม่กี่ตำลึงเงินเพื่อซื้อกล่องไม้ไผ่ และมันยังทำให้ลูกค้าที่มาซื้อมีความสุขอีกด้วย เถ้าแก่อวี๋จึงเชื่อว่าการค้านี้จะต้องคุ้มค่าเป็นแน่

“สาวน้อย กล่องไม้ไผ่ของเจ้าราคาเท่าไรหรือ?”

*[1] คนที่เก่งแต่ไม่แสดงตัว