บทที่ 275 ของแทนใจลึกลับ
บทที่ 275 ของแทนใจลึกลับ

เมื่อคำเหล่านั้นเปล่งออกมา บรรยากาศก็เงียบงันไปชั่วขณะ

เสียงชิงหลานเฟยที่กำลังคุยกับโหลวจวินเหยาก็ค่อยเบาลงตามไปด้วย

นางสัมผัสได้ว่าบรรยากาศไปถูกต้องเท่าไรนัก คำถามนั่นออกจะ….. ดูอึดอัดไปสักหน่อย

นางชอบจวินเอ๋อร์มาตลอด ถึงชายหนุ่มจะมีแต่เรื่องร้าย ๆ ยากลำบากมาตั้งแต่เกิด ทำให้นิสัยแปรเปลี่ยนไปมาก แต่เขายังนับถือนางเป็นผู้อาวุโสแม้จะผ่านมาหลายปี เท่านี้ก็เห็นได้ว่าจิตใจเขาคงไม่ได้เลวร้ายมากมายนัก

ทว่าจิ่งอวี้ไม่ได้รู้จักเขาดีนัก คงต้องชังเด็กคนนี้เป็นแน่ เพราะอย่างไรชื่อเสียงเขาก็ไม่ดีมากอยู่แล้ว

ใบหน้าชิงหลานเฟยดูขัดแย้งกันนัก นางดูลังเลพลางส่งสายตามองประเมินให้ชายทั้งสองโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจึงขยับปากเล็กน้อยราวกับอยากเอ่ยคำคลายบรรยากาศหนักหน่วง

หากแต่พริบตาต่อมาก็ได้ยินโหลวจวินเหยาเอ่ยคำ “ใช่แล้ว พวกเราคบหากันมานานแล้ว”

ม่อจิ่งอวี้สีหน้าทะมึนลงเล็กน้อย “เจ้าใช้เสน่ห์ล่อลวงนางงั้นหรือ!?”

ถึงเขาจะไม่น่าคบหานัก แต่ใบหน้าหล่อเหลาเช่นนั้น….. ไม่มีตรงไหนให้ติเลยจริง ๆ

ตัวเขาเคยถูกมองว่าเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดบนแดนเมฆาสวรรค์ในอดีต ใบหน้ามีเสน่ห์เสียจนทำเอาสตรีรู้สึกด้อยกว่ายามยืนเทียบ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในใบหน้าตนเองมาก แต่เมื่อมีชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ก็อดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหน้าตาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา

ดังนั้นม่อจิ่งอวี้จึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงใช้ความหล่อเหลาล่อลวงชิงอวี่มาเป็นแน่

ทว่าคำตอบของโหลวจวินเหยากลับยิ่งทำให้ไฟโกรธในใจม่อจิ่งอวี้ลุกโชนขึ้นไปอีกระดับ

โหลวจวินเหยาเลิกคิ้ว จากนั้นยกมือขึ้นกุมหน้าผากจนใจพลางหัวเราะเสียงเบา “ท่านประเมินข้าสูงไปแล้วกระมัง? หากข้าใช้เสน่ห์ล่อลวงนางมาได้จริง ๆ ข้าก็คงพานางกลับแคว้นมาร ให้นางอยู่ในสายตาทุกวันแล้ว ทำไมต้องปล่อยให้นางยังทำให้ข้าต้องเจ็บปวดใจอยู่เช่นนี้?”

น้ำเสียงไร้หนทางของเขาทั้งเอ็นดูทั้งผ่อนปรนตามใจ ชิงหลานเฟยจึงอดเม้มปากคลี่ยิ้มไม่ได้ ทว่าสีหน้าม่อจิ่งอวี้ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นกว่าเก่า

“หึ! เจ้าหมายความว่าเป็นลูกสาวข้าที่เข้าหาเจ้าก่อนงั้นหรือ?” ม่อจิ่งอวี้น้ำเสียงเริ่มเจือแววสังหารที่ไม่อาจระงับไว้ได้แล้ว

มุมปากโหลวจวินเหยายกขึ้นเล็กน้อย หรี่นัยน์ตาลง นิ้วเรียวยาวเริ่มจับแหวนทรงประหลาดบนนิ้วนางตนเล่น เผยสีหน้าอ่อนโยนรักใคร่ขึ้นมาราวกับกำลังนึกคนที่ตนรักสุดหัวใจ

นิ้วเขาทั้งยาวทั้งเนียน เมื่อสวมแหวนสีแดงก็เห็นเด่นตัดกับผิวนัก เป็นภาพงดงามน่าตะลึง

เมื่อมองดูดี ๆ สีของหินบนแหวนนั้นเป็นของระดับสูงมาก มันคือหยกแดงที่ใสและไร้มลทินเป็นพิเศษ ได้รับการแกะสลักมาอย่างระมัดระวังและประณีต

หยกแดงนั้นเป็นสมบัติล่ำค่าในหมู่หินหยก และหาหินหยกขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือหนึ่งเช่นนี้ก็ยากเย็นนัก ปกติแล้วหินเช่นนี้มักนำไปทำเป็นเครื่องประดับชิ้นใหญ่อย่างเครื่องประดับศีรษะ

หากนำไปทำแหวนก็จะเสียของจนเกินไป ช่างจึงมักไม่ทำมันเป็นแหวน ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นของชิ้นเล็กนิดหนึ่ง แต่ยังเป็นงานละเอียดซับซ้อนน่าเบื่อหน่าย นอกจากจะเสียแรงและเวลาแล้ว หยกแดงที่ถูกแกะจนเหลือขนาดเท่าเล็บนิ้วมือเช่นนี้ก็เสียเงินทองมากอีกด้วย!

สาเหตุที่โหลวจวินเหยาจ้องแหวนด้วยสายตาแปลกพิลึกนั้นก็เพราะมันเป็นของแทนใจที่เขาได้รับจากชิงอวี่นั่นเอง

แม้แต่ก่อนนางก็เคยให้ของแก่เขามาก่อนเช่นกัน แต่ก็เป็นเพียงขวดยาและยาเม็ดเท่านั้น แหวนวงนี้นางมอบให้เขาไม่นานมานี้ และนอกจากมันจะเป็นสิ่งประดิษฐ์วิญญาณน่าอัศจรรย์ใจแล้วก็ยังเป็นของแทนใจของนางด้วย

ตอนนั้นเขาดีใจมากจนไม่ยอมหลับตา เอาแต่จ้องสมบัติที่ล้ำค่าที่สวมบนนิ้วตนเองอยู่ตลอดเวลา ราวกับกลัวว่าจะมีใครชิงเอามันไป

พอชิงอวี่รู้เข้าก็มาดุเขา แล้วบอกว่าตัวแหวนมีจิตนึกคิดเอง เมื่อสวมแหวน ตัวแหวนจะรู้ว่านายตนเป็นใคร หากไม่ใช่เจ้านายของมันก็ไม่อาจถอดมันออกได้

หลังจากนั้นเขาจึงวางใจ แต่ก็ยังไม่กล้าถอดมัน ไปไหนก็ใส่อวดมันไปทุกที่ ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่เห็น

แหวนวงนี้มีคู่ อีกวงหนึ่งอยู่ที่ชิงอวี่ แต่นางใช้มันห้อยไว้กับด้ายที่ทำจากวัสดุพิเศษอยู่ตลอด ไม่เคยเผยให้ใครเห็น

นางพกแหวนคู่นี้ติดตัวไว้ตั้งแต่ชาติก่อน และหลังจากตายและมายังโลกนี้ นางก็บังเอิญพบว่าพวกมันยังคงอยู่ในมิติส่วนตัวของนางอย่างปลอดภัยดี

นางจึงนำมันออกมาพกติดตัวไปนับแต่นั้น ด้วยนางทำจนกลายเป็นนิสัยจึงพกมันมาหลายปี ราวกับว่ามันได้กลายเป็นเครื่องรางนำโชคที่ทำให้นางไม่สบายใจหากไม่พกติดตัวไว้ไปแล้ว

แต่นางไม่เคยรู้ว่าแหวนรูปประหลาดพวกนี้ทำอะไรได้บ้าง อีกตั้งตอนชาติก่อนนางก็ไม่คิดสงสัย

แต่เมื่อมอบวงหนึ่งให้โหลวจวินเหยาถึงได้บังเอิญพบว่ามันทำหน้าที่คล้ายกับเป็นตัวกลางสื่อสารเหมือนกับโลกที่นางจากมา

มันมีปุ่มจับลายนิ้วมือล่องหนอยู่ เพียงแค่แตะก็สามารถสื่อสารกับคนอีกฝั่งหนึ่งได้ อีกทั้งยังฉายภาพขนาดเล็กให้เห็นหน้าอีกฝ่ายได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์นัก

นอกจากความสามารถนั้นแล้ว อย่างอื่นนางก็ยังไม่รู้

แต่เท่านั้นนางก็ประหลาดใจมากพอแล้ว นางตกใจอยู่นานกว่าจะก่อนจะสำรวมจิตใจได้

และนางยังพบประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของมัน นั่นคือความสามารถของแหวนจะไม่ได้รับผลกระทบจากเกราะหรือโล่ใด ๆ เป็นคนละระดับกับลูกแก้วสื่อสารที่โหลวจวินเหยามอบให้ นับเป็นของที่มีความสามารถสะทกท้านฟ้ามากจริง ๆ

เห็นได้ชัดว่าแม้ตอนนี้คนทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังสามารถติดต่อกันผ่านแหวนได้ตลอดเวลา

เป็นจังหวะนั้นเองที่นิ้วโหลวจวินเหยาพลันแตะโดนตัวแหวน มันสั่นน้อย ๆ ตัวหินชั้นนอกดูโปร่งแสงขึ้นเล็กน้อย

ที่อีกฟากหนึ่ง นางเห็นเพียงว่าโหลวจวินเหยายังเงียบงันไม่เอ่ยสักคำ เพียงแต่ก้มหน้าไล้แหวนเล่นเท่านั้น ดูเหมือนไม่ทันสังเกต

ไฟโกรธในใจม่อจิ่งอวี้เดือดพล่าน กำลังจะระเบิดอารมณ์ก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่รู้ว่ามันออกมาจากที่ใด ส่งผลให้ม่อจิ่งอวี้นิ่งอึ้งไป

มันเป็นเสียงเด็กสาวคนหนึ่ง เป็นน้ำเสียงไพเราะเสนาะหู ทั้งยังเจือกลิ่นอายเสน่ห์จาง ๆ ทำให้ฟังแล้วสะกดใจคนได้

“อาเหยา ท่านกลับมาแล้วหรือ?”

ได้ยินเสียงเด็กสาวเอ่ยขึ้นแล้ว รอยยิ้มของโหลวจวินเหยาก็อ่อนโยนขึ้น ตอบกลับเสียงอ่อนไป “อืม ข้าอยู่ที่สำนักเซียนแพทย์”

ทั้งชิงหลานเฟยและม่อจิ่งอวี้เบิกตากว้าง จ้องโหลวจวินเหยาที่เอ่ยคำกับนิ้วตนเองเสียงอ่อนโยน

หรือก็คือ เขากำลังเอ่ยคำกับแหวนอย่างอ่อนโยนนั่นเอง

อีกเสียงหนึ่งก็เหมือนจะออกมาจากแหวนวงนั้นเช่นกัน

เป็นเสียงเด็กสาวเช่นนี้ หรือว่า…..

คนทั้งคู่เหมือนจะมีความคิดเหมือนกันผุดขึ้นมา เผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ

“ท่านไปสำนักเซียนแพทย์? ไปหาเสี่ยวเป่ยหรือ? ท่านพ่อกับท่านแม่สบายดีหรือไม่?”

ได้ยินเด็กสาวสาวไม่หยุดเช่นนั้น ทั้งคู่ก็เกือบจะมั่นใจว่าเสียงนั่นต้องเป็นของลูกสาวพวกเขาเป็นแน่

โหลวจวินเหยาพลันหันมองคนสองคนที่มีใบหน้ากังวลพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนเอ่ยตอบ “อืม พวกเขาสบายดี วันนี้ข้ามาเยี่ยมอาหลานและ…..”

เขาเงยหน้าขึ้นมองม่อจิ่งอวี้ กดรอยยิ้มให้ลึกลงอีกนิดหนึ่ง “พ่อตาในอนาคตของข้า”

คำของเขาทำให้หน้าม่อจิ่งอวี้ทะมึนเป็นสีคล้ายหมึกได้สำเร็จ

ทว่าเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กสาวกลับดังมาจากอีกฝั่ง “ให้ข้าเดา ท่านพ่อเองก็อยู่ข้างท่านกระมัง? พูดเช่นนี้ออกมาโดยง่าย ท่านไม่กลัวถูกเขาฟาดให้หรือ?”

โหลวจวินเหยากะพริบตาใสซื่อ จงใจถอนสายตาออกห่างจากคนหน้าตาน่ากลัวแล้วเอ่ยเสียงติดจะเศร้าโศก “แล้วข้าพูดอะไรผิดไปหรือ? หากพ่อเจ้าไม่ใช่พ่อตาข้า เช่นนั้นหมายความว่าเจ้าจะทิ้งข้าหรืออย่างไร?”

“ท่านพอเถอะ มาทำตัวน่าสงสารอีกแล้ว หากข้าทิ้งท่านแล้วจะมีสตรีที่ไหนทนอารมณ์ร้าย ๆ ของท่านได้อีก?” ชิงอวี่เอ่ยหยอกมาจากอีกด้านหนึ่ง

เมื่อได้ยินแล้วว่าคนทั้งสองสนิทสนมกันเพียงไหน ม่อจิ่งอวี้ก็ใบหน้าหมองลง

ดูท่าเรื่องจะต่างจากที่เขาคิดไว้หน้านี้อย่างสิ้นเชิง เห็นลูกสาวตนเป็นเช่นนี้ ไม่เหมือนกับคนถูกหลอก ถูกลวงเสน่ห์ หรือถูกข่มขู่แม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่านางชอบเจ้าหนุ่มนี่จริง ๆ

“อาเหยา ทั้งท่านพ่อและท่านแม่อยู่ข้างกายท่านหรือไม่? ข้าอยากเห็นพวกเขา” ชิงอวี่พลันเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา

โหลวจวินเหยาเงยหน้าขึ้นมองชิงหลานเฟยเหมือนขอความเห็น

ชิงหลานเฟยนัยน์ตาเป็นประกายวาบแล้วพยายามกดอารมณ์ในใจไว้ก่อนจะพยักหน้า

เห็นดังนั้นโหลวจวินเหยาจึงกดปุ่มด้านหลังแหวน ภาพแสงสีแดงสลัวพลันปรากฏขึ้น เผยให้เห็นเป็นภาพเด็กสาวหน้าตางดงามจับตาอยู่ภายใน

ชิงหลานเฟยกับม่อจิ่งอวี้ตะลึงไปชั่วขณะ ไม่อยากเชื่อสายตาตนว่าพวกเขาสามารถเห็นชิงอวี่ได้เช่นนี้

ในขณะที่คนทั้งคู่ยังจ้องอย่างไม่อยากเชื่ออยู่นั้น เด็กสาวที่ดูนิ่งไม่ขยับกายก็พลันเอนศีรษะไปข้างหนึ่งแล้วคลี่ยิ้มเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าคือชิงอวี่ ยินดีที่ได้พบพวกท่าน”

การพบเจอกันครั้งแรกเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย

คงไม่มีครอบครัวไหนอีกแล้วที่พ่อแม่ถูกพรากจากลูก ๆ โดยไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันมาก่อนเช่นนี้

และยังมาทักทายกันเฉกเช่นคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรกเช่นนี้อีก

หลาย ๆ คนกล่าวว่าชิงอวี่หน้าตาเหมือนมารดามาก แน่นอนว่านอกจากนัยน์ตาหงส์งดงามน่าหลงใกลแล้ว เครื่องหน้าอื่น ๆ ก็เหมือนกับชิงหลานเฟยเจ็ดถึงแปดส่วน แต่หากนางพยายามก็คงเหนือกว่ามารดาตนได้ไม่ยาก

เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูคล้ายกับนางปรากฏขึ้นในนั้น ทั้งอีกฝ่ายยังเรียกนางว่าท่านแม่ ชิงหลานเฟยก็ปวดใจแสนสาหัส อารมณ์ในอกยิ่งพลุ่งพล่านรุนแรงกว่าครั้งแรกที่พบหน้าชิงเป่ย

“เสี่ยวอวี่…..”

ชิงอวี่สัมผัสได้ถึงความเศร้าและโศกของอีกฝ่าย นางจึงรีบเอ่ย “ท่านแม่อย่าเศร้าไปเลย ข้าสบายดีไม่มีอะไรต้องห่วง อาเหยาคอยปกป้องข้ามาโดยตลอด”

ชิงหลานเฟยพยายามกลั้นน้ำตาและคลี่ยิ้มออกมา “เช่นนั้นดียิ่ง เจ้าสบายดีก็ดี”

ชิงอวี่จึงผละสายตาไปมองอีกคนหนึ่งที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ คือม่อจิ่งอวี้ทำท่าเหมือนอยากพูดบางอย่างแต่กลับไร้คำพูด นางพลันยิ้มหยีตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อหน้าตางดงามสมกับที่ข้าวาดภาพไว้ในหัวจริง ๆ ไม่แปลกเลยที่ทำให้เจ้าอารามจันทร์กระจ่างยึดติดกับท่านอยู่หลายร้อยปี”

บรรยากาศติดจะหดหู่อยู่เล็กน้อยถูกคำของนางทำลายลงในพลัน

สีหน้าม่อจิ่งอวี้เปลี่ยนไป ส่วนชิงหลานเฟยก็ลืมเศร้าไปในทันที สายตานางเฉียบคมขึ้นเล็กน้อย “ทำไมถึง…..”

มันเป็นความลับที่ตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ โหลวจวินเหยาเป็นคนบอกหรือ?