บทที่ 271 ถงหู่หนี!

บทที่ 271 ถงหู่หนี!

เซี่ยงไฮ้ ท่าเรือโกลเด้นเกท

ตู้คอนเทนเนอร์หลายพันตู้วางอยู่ทั่วทุกที่ ฝนที่ตกปรอย ๆ ทำให้คนงานจำนวนมากเปียกโชกจนหนาวเหน็บ

บนพื้นที่โล่งกว้างบริเวณหนึ่ง ท่ามกลางตู้คอนเทนเนอร์ที่วางเรียงรายกันมากมาย ชายสามคนกำลังแผ่กลิ่นอายอันแข็งแกร่งขณะต่อสู้กันท่ามกลางสายฝน

เวลานี้ถงหู่มีสีหน้าย่ำแย่ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะถูกจับได้แถมยังยังถูกปรมาจารย์สองคนล้อมไว้

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือปรมาจารย์สองคนที่โจมตีเขาไม่ใช่สองคนที่เขาตรวจพบก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่าอย่างไร?

ย่อมหมายความว่าที่นี่มีปรมาจารย์อย่างน้อยสี่คน!

เขาต้องการที่จะหนี!

คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถสู้กลับได้ แต่เขารู้ดีว่าถ้าเขายังมัวอยู่ที่นี่ หัวหน้ากลุ่มของฝ่ายตรงข้ามคงจะมาถึง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะหลบหนี

“พยัคฆ์จู่โจม!”

ในที่สุดพลังของถงหู่ก็ปะทุออกจนถึงขีดสุด พลังที่พวยพุ่งออกมานั้นส่งผลให้ลมและฝนรวมตัวกันทันที เผยให้เห็นร่างเสือที่สูงราว ๆ สามฟุต เขี้ยวและกรงเล็บของมันแหลมคมอันตรายและไม่ใช่ภาพมายา

ทันใดนั้น เสือดุร้ายก็กระโจนเข้าใส่ชายวัยกลางคนตรงหน้าถงหู่ มันเป็นการโจมตีอย่างบ้าระห่ำราวกับต้องการแลกชีวิตให้ตายไปพร้อมกัน

สีหน้าของปรมาจารย์วัยกลางคนถึงกับเปลี่ยนไป เขาอยู่ในระดับปรมาจารย์จึงเห็นได้ชัดว่าการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งมาก และถูกเกื้อหนุนด้วยมวลพลังของฟ้าดิน หากถูกโจมตีเข้าก็อาจถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัส

“แกเป็นใครกันแน่!?”

ปรมาจารย์วัยกลางคนฟันดาบยาวลงมา แต่เขาไม่สามารถทำลายเสือมายาตัวนี้ได้ เขาจึงต้องหลบไปอยู่อีกด้านหนึ่ง

“แกเป็นคนเริ่มโจมตีฉันก่อน แต่ตอนนี้แกกลับมาถามว่าฉันเป็นใครเนี่ยนะ?” เมื่อได้โอกาสที่ปรมาจารย์วัยกลางคนถอยหลบ ถงหู่จึงพุ่งตัวออกไปพยายามที่จะหนีออกจากวงล้อมของชายทั้งสองทันที เขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ยืดเยื้ออีกต่อไป

“แกหนีไม่พ้นหรอก!”

ด้านหน้ามีอีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้น กลิ่นอายของอีกฝ่ายบ่งบอกให้ทราบว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์เช่นกัน

“พยัคฆ์จู่โจม!”

ถงหู่ไม่ลังเลที่จะใช้ท่าไม้ตายของตัวเองอีกครั้ง พลังปราณปะทุออกมาจนเห็นเป็นคลื่นหลายชั้น ลมและฝนที่พัดกระหน่ำรวมตัวกันกลายเป็นเงาเสือมายาวิ่งเข้าหาอีกฝ่าย

“ฮ่า!” ชายชราในชุดสีน้ำเงินตั้งท่าอย่างองอาจ เขาชกหมัดออกไปสุดแรงเพื่อโจมตีเสือมายาอย่างไม่เกรงกลัว

เสือมายาแตกสลายไปด้วยหมัดเดียว! แถมปราณหมัดยังพุ่งเข้าหาถงหู่ได้อีกด้วย ทว่าพลังของมันถูกลดทอนลงกว่าตอนแรกมากนัก

“พวกที่ขัดขวางฉัน มันจะต้องตาย!” ถงหู่ขว้างลูกบอลโลหะสีดำในมือของเขา ซึ่งมันระเบิดออกมาทันทีเมื่ออยู่ห่างจากชายชราในชุดสีเขียวเพียงครึ่งเมตร

ภายในชั่วพริบตา พื้นที่ในระยะหลายสิบเมตรก็ถูกปกคลุมไปด้วยไฟ

“ตำหนักหมื่นประดิษฐ์ อัสนีโลหะ?”

ชายชราชุดเขียวเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เขาล้มเลิกความคิดที่จะขวางถงหู่และถอยกลับไปด้านหลัง ทว่าความเร็วของเขายังช้าอยู่ครึ่งก้าว และร่างกายของเขาก็ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดและเปลวไฟไปไม่น้อย

ชายชราชุดเขียวกระอักเลือดออกมา ก่อนจะสามารถหลุดพ้นออกจากกองไฟมาได้

ถงหู่พุ่งผ่านกองไฟมาทันทีและขว้างอัสนีโลหะออกไปอีกครั้ง คราวนี้เขาขว้างมันไปด้านหลัง

ตูม!

ไฟที่ลุกโชนสว่างขึ้นโดยรอบ กระทั่งสามารถสกัดกั้นปรมาจารย์สองคนที่ไล่ตามเขาได้สำเร็จ

ชายชราในชุดสีเขียวเช็ดเลือดออกจากมุมปาก และพยายามควบคุมเลือดลมที่ปั่นป่วนในร่างกายให้สงบนิ่ง

เศษเหล็กชิ้นเล็ก ๆ 5-6 ชิ้นพุ่งเสียบเข้าที่หน้าอก แขน และต้นขาของเขา และร่องรอยของสารพิษก็กระจายไปตามผิวหนังและบาดแผลที่มีเลือด

เมื่อรู้ว่าตนเองถูกพิษ เขาจึงรีบใช้ดาบตัดเนื้อหนังบริเวณบาดแผลออกส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารพิษผ่านทางเนื้อและเลือด

“จับมันให้ได้!”

ปรมาจารย์อีกสองคนต้องการจับถงหู่ แต่พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับอัสนีโลหะ พวกเขาถูกหยุดยั้งด้วยเปลวไฟ

พวกเขาไม่คิดว่าถงหู่จะมีอัสนีโลหะอยู่ถึงสองลูก เพราะของแบบนี้เป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง มีเพียงตัวตนระดับปรมาจารย์ขึ้นไปจากตำหนักหมื่นประดิษฐ์เท่านั้นที่สามารถสร้างมันได้ แม้ว่าพวกเขาจะต้านทานได้ แต่พวกเขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส

ถงหู่หลบหนีไปได้

เขาพุ่งทะยานหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด และหายไปจากบริเวณท่าเรืออย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์ทั้งสามไม่ยอมแพ้ เพราะสิ่งที่พวกเขากำลังทำเป็นความลับอย่างมาก แม้ว่าจะมีกลุ่มคนหลายกลุ่มพยายามติดตามพวกเขาตั้งแต่ในเมือง แต่พวกเขาก็สามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ทั้งหมด

ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ถงหู่หลบหนีไปได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขามากแค่ไหนก็ตาม

ตกดึก

ที่เชิงเขาร้างทางตะวันตกของเมืองเซี่ยงไฮ้ เวลานี้ถงหู่กำลังนั่งลงแอบหลังก้อนหิน

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!

หลังจากผ่านการต่อสู้อันบ้าระห่ำ เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อหนีออกมาให้ได้

ทว่าผู้ที่ไล่ตามเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นจากสามเป็นสี่ หนึ่งในกลุ่มของผู้ไล่ล่ามีความแข็งแกร่งในระดับแค่อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ดังนั้นบาดแผลที่เกิดขึ้นกับเขาจึงร้ายแรงมาก

โชคดีที่เขามียารักษาที่ดีที่สุด

ถงหู่สูดลมหายใจเข้าลึก หยิบขวดหยกออกมาอย่างรวดเร็ว เขาใช้ขี้ผึ้งเทียนเหลียนทาที่แผล จากนั้นก็หยิบขวดหยกอีกขวดออกมาและกลืนเม็ดยาเพื่อเติมพลังปราณในร่างกาย

ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร

ชายทั้งสี่คนหยุดฝีเท้าลงที่บริเวณแห่งหนึ่ง แววตาเย็นชาของพวกเขากวาดมองท่ามกลางความมืด หนึ่งในนั้นสูดจมูกดังฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นบางอย่าง

“เดี๋ยวก่อน… มีบางอย่างผิดปกติ” ปรมาจารย์วัยกลางคนพูดขึ้นมา

“มีอะไรผิดปกติ?” ชายชราในชุดดำถามพลางขมวดคิ้ว

“เราไล่ตามไอ้เด็กนั่นมาสามชั่วโมงแล้ว แม้ว่าวิธีการของมันจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะล่าช้าจนถึงตอนนี้”

“ก็จริง”

ชายชราในชุดดำคือชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม และเขาอยู่ห่างจากปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเพียงครึ่งก้าว

เขาและอีกสองคนรับรู้ถึงปัญหานี้

อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากการปะทะที่ผ่านมา แต่กลับยังสามารถหลบหนีได้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสี่คนใช้พลังปราณไปจำนวนมาก แต่อีกฝ่ายนั้นราวกับว่ามีใช้ได้ไม่จำกัด

นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเพียงยาเม็ดรักษาอาการบาดเจ็บที่ล้ำค่ามากเท่านั้น แต่ยังมียาที่สามารถเติมพลังปราณได้อย่างรวดเร็วด้วย

“อัสนีโลหะของตำหนักหมื่นประดิษฐ์ เสื้อไหมพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของนิกายฉีเซี่ย และวิชาตัวเบาไต่บันไดเมฆาของสำนักบู๊ตึ้ง… ยานั่นก็คงเป็นยารักษาที่หลอมโดยสำนักโอสถ รวมไปถึงยาเติมพลังปราณที่ใช้ด้วย…”

“เขาอายุยังน้อย อย่างมากก็อายุยี่สิบเท่านั้น ในวัยนี้เขาได้ทะลวงผ่านระดับปรมาจารย์แล้ว อาจกล่าวได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะ”

“ภูมิหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”

เมื่อชายชราในชุดดำพูดเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดมากขึ้น ในขณะที่อีกสามคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป แววตาของพวกเขาโหดเหี้ยมมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

พวกเขากำลังเตรียมแผนการใหญ่!

แผนการซื้อวัตถุดิบยาอย่างมหาศาลนั้นเป็นแผนสุดท้ายที่พวกเขาอยากจะทำ เพราะมันเสี่ยงที่จะถูกค้นพบ

หากพวกเขาตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังขนาดใหญ่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ก็คงจะลำบาก

“เฒ่าหยา ท่านต้องการแจ้งให้ท่าเรือทราบเพื่อขนส่งวัตถุดิบยาที่ซื้อกลับไปยังสาขานิกายเร้นลับที่เกาะชางหมิงไหม?” ปรมาจารย์วัยกลางคนถาม

“ไม่ อย่างน้อยต้องไม่ใช่ภายในสามวันนี้ ปริมาณของวัตถุดิบยายังไม่พอ เราต้องรอจนกว่าวัตถุดิบยาทั้งหมดจะถูกส่งมาแล้วถึงจะส่งกลับไปพร้อมกัน” ชายชราในชุดดำส่ายหัว

ทันใดนั้น

ปรมาจารย์ที่กำลังสูดหายใจดมกลิ่นก็ชี้ไปทางที่ซ่อนของถงหู่ และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “นั่น อยู่ตรงนั้น…”