บทที่ 272 อ้างผิดคน

บทที่ 272 อ้างผิดคน

ภายใต้คืนอันมืดมิด ร่างที่รวดเร็วเหมือนสายฟ้าสองเงากำลังพุ่งผ่านป่าไปอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ที่หนาทึบหรือแม่น้ำที่ขวางทางก็ไม่อาจชะลอความเร็วของพวกเขาได้

สองร่างนั้นคือโจวอี้และแม่เฒ่าเทียนจี้

โจวอี้ได้ติดต่อถงหู่และแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ด้วยซอฟต์แวร์บนมือถือ

ในขณะนี้เขาและแม่เฒ่าเทียนจี้อยู่ห่างจากถงหู่เพียงสิบกิโลเมตร ด้วยความเร็วระดับพวกเขา พวกเขาสามารถไปถึงได้ภายในหกหรือเจ็ดนาที

ทว่าเวลานี้… หัวใจของโจวอี้หนักอึ้ง เพราะเขาพบว่าตำแหน่งของถงหู่ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไปแล้ว

กรณีนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองประการ

ประการแรกคือ ถงหู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงได้แต่หาที่ซ่อน

ประการที่สองคือ ถงหู่กำลังเผชิญกับการปิดล้อมของอีกฝ่าย

เขาต้องเร่งความเร็ว!

“คุณย่า คุณช่วยพาผมไปให้เร็วกว่านี้ได้ไหม?” โจวอี้ถามอย่างเร่งรีบ

“ได้!”

แม่เฒ่าเทียนจี้คว้ามือโจวอี้ไว้แน่น ทันใดนั้น ความเร็วของคนทั้งสองก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ที่เชิงเขา

ถงหู่ยืนขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาต้องการที่จะยืนขึ้น แต่ชายสี่คนที่ไล่ตามมาได้ล้อมเขาไว้เรียบร้อยแล้ว

“ไอ้หนู แกหนีได้เก่งมาก ด้วยการบ่มเพาะขั้นต้นของปรมาจารย์ มันยากจริง ๆ ที่จะหลบหนีเราได้เป็นนานและระยะทางไกลขนาดนี้” ชายชราชุดดำมองถงหู่และชมเชยอย่างไม่ปิดบัง

“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ฉันก็ยังหนีการตามล่าของแกไม่พ้น” ถงหู่ส่ายหัวและพูดเยาะเย้ยตัวเอง “ฉันไม่เข้าใจว่าพวกแกเป็นใคร ทำไมถึงไล่ล่าฉันอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้?”

“แกแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือไง ทำไมเราถึงไล่ล่า? นี่แกไม่รู้จริง ๆ เหรอ!?” ชายชราชุดดำเย้ยหยันและพูดว่า “จนป่านนี้แล้วแกไม่ต้องเสแสร้งอีก!”

“ฉันไม่ได้เสแสร้ง แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกแกเป็นใคร!” ถงหู่ตอบกลับ

“อยากรู้งั้นเหรอ?” ชายชราชุดดำขมวดคิ้วเนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าถงหู่ไม่ได้โกหก

“ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ฉันไปที่ตลาดยาเพื่อซื้อวัตถุดิบยา แต่พอรู้ว่าวัตถุดิบยาล้ำค่าทั้งหมดถูกกว้านซื้อไป ฉันก็เลยติดตามขบวนวัตถุดิบยามาอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดก็มาถึงท่าเรือเซี่ยงไฮ้” ถงหู่อธิบาย

“แกตามเราเพราะอยากรู้เกี่ยวกับการซื้อวัตถุดิบยาจำนวนมาก แค่นั้น?” ชายชราชุดดำแสดงสีหน้าแปลกประหลาด แม้แต่อีกสามคนที่เหลือก็มองหน้ากัน

อีกฝ่ายไม่ได้ติดตามสืบสวนเอาผิด แต่ติดตามสืบหาความจริงเพราะความสงสัย?

เด็กชายผู้โชคร้าย

ชายชราชุดดำยิ้มและถามว่า “ถ้าอย่างนั้น แกช่วยบอกตัวตนของแกให้ฉันรู้ได้ไหม ด้วยอายุและระดับยุทธ์ของแก ตลอดจนวิธีการและสมบัติที่ช่วยชีวิตของแก ฉันคิดว่าแกคงจะเป็นศิษย์ของนิกายใหญ่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์สินะ?”

หัวใจของถงหู่เต้นผิดจังหวะทันที

เขารู้เช่นกันว่าเขาจะถูกถามเกี่ยวกับตัวตนและภูมิหลังของเขา

แต่เขาจะตอบอย่างไร?

หรือบอกอีกฝ่ายไปเลยว่าเขาเป็นศิษย์สำนักโอสถ?

ไม่ เขาไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถบอกตัวตนที่แท้จริงกับอีกฝ่ายได้!

แล้วจะทำอย่างไรดีเพื่อถ่วงเวลา?

“อย่าคิดที่จะโกหก ฉันรู้ว่าสาวกของนิกายใหญ่อย่างแกคงพกป้ายประจำตัวด้วย” ชายชราชุดดำสังเกตการแสดงออกของถงหู่ หากถงหู่กล้าที่จะโกหก เขาจะไม่ลังเลที่จะฆ่าถงหู่ จากนั้นค่อยสำรวจข้อมูลป้ายของฝ่ายตรงข้าม

“ไม่บอกได้ไหม?” ถงหู่ถาม

“ไม่ได้!” ชายชราชุดดำตวาดกลับ

“ตกลง! แต่ต้องรับปากว่าถ้าบอกแล้วจะต้องปล่อยฉันไปทันที เพราะฉันไม่ใช่ศัตรูของแก และไม่ได้ล่วงรู้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับแก” ถงหู่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“โฮ่ ให้รู้ถึงตัวตนของแกก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจทีหลัง” ชายชราชุดดำคลี่ยิ้ม

“ฉันเป็นศิษย์ของนิกายเร้นลับ” ถงหู่ตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

นิกายเร้นลับ?

ศิษย์?

ชายชราชุดดำและอีกสามคนหันมองหน้ากัน หลังจากเงียบไปสองสามวินาที พวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะและมองถงหู่ด้วยสายตาเย้ยหยัน

แอบอ้างใครไม่แอบอ้าง? แต่แสร้งเป็นสาวกของนิกายเร้นลับ?

ไอ้เด็กคนนี้ช่างโชคร้ายจริง ๆ

ชายชราชุดดำหยุดหัวเราะ สีหน้าของเขามืดลง เขาจ้องมองถงหู่และพูดว่า “ถ้างั้นแกช่วยบอกเรามาทีได้ไหมว่าแกเป็นศิษย์ของยอดบุรุษคนไหนในนิกายเร้นลับ”

ยอดบุรุษ?

หมายความว่ายังไง?

ถงหู่สับสนสุดขีด แต่ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ให้เห็น เขาคิดชื่อของชายที่แข็งแกร่งในโลกผู้ฝึกยุทธ์ โดยเน้นไปยังชายที่แข็งแกร่งซึ่งมีต้นกำเนิดลึกลับแต่ไม่ได้ปรากฏตัวมานานแล้ว

ในที่สุดเขาก็นึกถึงคนคนหนึ่ง

อีกฝ่ายเป็นชายผู้แข็งแกร่งที่หายสาบสูญไปจากโลกผู้ฝึกยุทธ์เป็นเวลาหลายทศวรรษ และเป็นทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม

“ปรมาจารย์กู่เทียนหลาง” ถงหู่ตอบเสียงดังฟังชัด

กู่เทียนหลาง?

สีหน้าของชายชราชุดดำมืดมนยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ปรมาจารย์อีกสามคนจ้องมองกันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

กู่เทียนหลาง เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ตัวตนของเขาเป็นความลับ เป็นไปไม่ได้ที่คนจากโลกภายนอกจะรู้จักเขา

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวกันว่ากู่เทียนหลางได้ปลีกตัวไปฝึกอย่างสันโดษในป่าสุสานนิกายเร้นลับในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยจากไป ดังนั้นเขาจะมีศิษย์อายุน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ฆ่ามัน!” ชายชราชุดดำตะโกน

ทว่าอีกสามคนไม่ขยับ พวกเขามองหน้ากันอย่างลังเล

พวกเขาทุกคนรู้ว่าระหว่างกู่เทียนหลางและชายชราชุดดำมีปัญหาระหว่างกันมาก่อน ถ้าชายชราชุดดำและกู่เทียนหลางไม่ใช่สาวกของนิกายเร้นลับเหมือนกัน ทั้งสองคงฆ่ากันตายไปนานแล้ว

หากชายหนุ่มตรงหน้าเป็นศิษย์ของกู่เทียนหลางจริง ๆ และหากพวกเขาฆ่าชายหนุ่มคนนี้ เมื่อใดที่กู่เทียนหลางรู้เรื่อง พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นหนามยอกทันที

พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินชายชราชุดดำ แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินกู่เทียนหลางด้วย!

“พวกเจ้าทั้งสาม! ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่ศิษย์ของกู่เทียนหลาง และจะไม่มีใครรู้ว่าเราพบเขาที่นี่ถ้าเราฆ่าเขา! วันนี้เฮยอู่หยาคนนี้ ขอเป็นหนี้บุญคุณพวกเจ้าสักครั้งแล้ว!” ชายชราในชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา

ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างรวดเร็วและพยักหน้า

วินาทีต่อมา ชายทั้งสามก็รีบพุ่งเข้าใส่ถงหู่

คนตายย่อมพูดไม่ได้!

พวกเขาคิดว่ามันคุ้มค่ากับการที่จะให้ชายชราเฮยอู่หยาติดค้างบุญคุณพวกเขา

เมื่อถงหู่เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าเขาพูดชื่อได้ถูกต้องแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ยังต้องการที่จะฆ่าเขาอยู่ดี

ดังนั้นเขาจึงตระหนักขึ้นมาได้สองข้อ

ข้อแรก คนเหล่านี้คือสาวกของนิกายเร้นลับ

ข้อสอง กู่เทียนหลางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งจริง ๆ แต่เขามีความแค้นต่อชายชราชุดดำคนนี้ที่เรียกตัวเองว่า เฮยอู่หยา

ถงหู่ไม่สามารถรอคอยได้อีกต่อไป เขาโคจรพลังปราณทั้งหมดในร่างกายของเขา และปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปปะทะกับปรมาจารย์ทั้งสามที่อยู่ข้างหน้า

ทว่าในขณะเดียวกันนั้น จู่ ๆ ก็มีหินก้อนใหญ่ที่หนากว่าสองเมตรและหนักหลายตันหล่นลงมาจากระยะที่ห่างออกไปหลายสิบเมตร

และเป้าหมายของหินยักษ์นี้ก็คือเฮยอู่หยา!