ตอนที่ 81-2 เล่นงิ้ว

ในความเป็นจริงแล้วเว่ยหยางไม่เคยสนใจว่าจะมีชีวิตอยู่หรือจะต้องตาย แต่ฮูหยินใหญ่นั้นแตกต่างออกไปและนั่นคือเหตุผลที่นางจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน

ชิหยินเหนียงเหม่อลอยและทันใดนั้นก็คิดว่าความดื้อรั้นและความมุ่งมั่นของเว่ยหยางนั้นมีมากเกินกว่าที่ตนเองคิด

“เว่ยหยาง…” มารดาตัดสินใจกล่าวอีกว่า

“แม่จะสนับสนุนเจ้าแน่นอน”

เมื่อได้ยินคํากล่าวเช่นนี้หลุดออกมาจากปากของชิหยินเหนียงผู้อ่อนแอ…หลี่เว่ยหยางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและรู้สึกดีใจ ขณะที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการมีครอบครัวอยู่เคียงข้างซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก

จากนั้นข่าวของหลี่เหว่ยหยางเผชิญหน้ากับการโจมตีและได้รับการช่วยเหลือจากองค์ชายเจ็ดก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงทําให้สตรีผู้ซึ่งเป็นชนชั้นสูงต่างก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน

โดยทุกคนต่างก็กล่าวว่าเซียนจูแห่งอันผิงผู้นี้โชคดีมากที่รถม้าที่ถูกโจมตีนั้นได้รับการช่วยเหลือจากองค์ชายอันเป็นที่รักของจักรพรรดิ

แน่นอนว่ามีข่าวลืออื่น ๆ อีกมากมายหลายกระแส จนถึงจุดที่ผู้คนรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่ไม่สามาร

ยิ่งไปกว่านั้นพวกโจรทั้งหมดเสียชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าหลี่เว่ยหยางจงใจวางแผนเรื่องนี้เพื่อให้ได้เข้าใกล้องค์ชายเจ็ด

ข่าวลือเหล่านี้แพร่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง แต่ตระกูลหลี่ก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักเพราะเมื่อเทียบกับข่าวเรื่องผู้หญิงที่เสียพรหมจรรย์แล้วนี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีกว่ามาก

ไม่ว่าพายุจะรุนแรงเพียงใดฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับหัวเป่าหยูและ หลี่เว่ยหยางก็ไม่ให้ความสําคัญกับสิ่งเหล่านั้นเลย

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ในตอนแรกหลี่จางเล่อคิดว่า หลี่เว่ยหยางจะถึงวาระวาระสุดท้ายของชีวิตเสียแล้ว

แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าเว่ยหยางจะสามารถเปลี่ยนความหายนะให้กลายเป็นความน่ายินดีได้พี่ใหญ่คนนี้จึงรู้สึกโกรธมากแต่ก็ทําอะไรไม่ได้และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ทรมานใจ

สาวใช้ตันเซียงสังเกตเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของนายหญิงจึงกล่าวชักชวนนาง

“คุณหนู เนื่องจากดอกไม้ทั้งหมดในสวนบานสะพรั่งแล้ว เหตุใดท่านมออกไปชื่นชมมัน”

หลี่จางเล่อมองสาวใช้อย่างเย็นชาทําให้ตันเซียงสะดุ้งเพราะความตกใจกลัว

“บ่าว…เอ่อ..” นางมีเจตนาดี

หลี่จางเล่อชื่นชอบดอกไม้ที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อไม่นานมานี้อาการปวดหัวของนางเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับรู้เรื่องราวของหลี่เว่ยหยางมันยิ่งทําให้นางโกรธเคืองมากขึ้น

“ไปก็ได้”

หลี่จางเล่อเดินนําต้นเซียงและสาวใช้คนอื่น ๆ ไปที่บริเวณสวนและเห็นสาวงามนั่งอยู่ที่ศาลาแปดเหลี่ยมที่อยู่ห่างไกล คุณหนูใหญ่จึงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“นั่นใคร?”

สาวใช้ต้นเซียงมองดูและตอบอย่างระมัดระวัง

“นั่นคือจิวหยินเหนียงที่เพิ่งแต่งงานใหม่กับนายท่าน”

จิวหยินเหนียง? นี่คือหยุนจีหญิงสาวที่บิดานํามาขายโดยไม่ได้บอกมารดาของนาง?

หลี่จางเล่อมองจากระยะไกลและขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หยุนเป็นชาวเมืองฉางโจวและได้ยินมาว่าหญิงสาวคนนี้อยู่ในคณะงิ้ว

เหตุใดบิดาจึงซื้อตัวหญิงสาวที่ต้อยต่ําเช่นนี้มาเป็นภรรยา? เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า?

หลี่จางเล่อเดินนําสาวใช้ต้นเซียงในขณะที่เดินไปหาหยุนโดยไม่รู้ตัว

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างต้องการที่จะเตือนนายหญิง แต่ก็กลัวการแสดงออกที่โหดร้ายของหลี่จางเล่อ

หยุนจี้เงยหน้าขึ้นและตระหนักว่า คุณหนูใหญ่เดินมาทางนี้ นางจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที

หลี่จางเลอยิ้มเบา ๆ ขณะที่เหล่ตามองสิ่งที่อยู่ในมือของนางพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนหวาน

ในมือสีขาวราวกับหิมะของ หยุนจี้กําลังถือกระเป๋าผ้าขนาดเล็ก ซึ่งบนนั้นมีรูปดอกบัวคู่หนึ่งปักอยู่แม้ว่างานฝีมือจะประณีต แต่จากการมองเพียงแวบเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าวัสดุนี้มีราคาถูกและแลดูเก่ามากด้วย

“กระเป๋าใบเล็กใบนี้มีความงดงามมาก” หลี่จางเลอยิ้มเล็กน้อยแต่นางก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากเริ่มสงสัยบางอย่าง

หยุนจี้รู้สึกตื่นตระหนกมากเพราะนางแค่ต้องการจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์

ผู้ใดจะรทราบว่าทิวทัศน์นั้นทําให้นึกถึงความทรงจําเก่า ๆ ส่วนที่นางหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมานั้นเพราะมัน มักจะมีติดตัวออกมาโดยไม่รู้ตัว

นางคิดว่าสาวใช้ของตนเองจะเตือนเกี่ยวกับการมาถึงของคุณหนูใหญ่ แต่ไม่มีผู้ใดกล่าวอันใดเลยสักคน!

แต่….กระเป๋าใบเล็กนี้ไม่ได้มีความหมายอันใดเลย! นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้มและแสร้งทําเป็นใจเย็น

“ใช่! ท่านแม่ของข้าเย็บให้ ข้าจึงพกมันติดตัวอยู่เสมอเหมือนเครื่องรางป้องกันภัย”

หลี่จางเล่อเป็นคนที่อ่อนไหวมาก ทําให้นางยังคงรู้สึกว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ผู้ชายคนหนึ่งมอบให้…

สมมติฐานนี้ทําให้หนูใหญ่เกิดความรู้สึกตื่นเต้นในทันใด จากนั้นก็ยับยั้งความตื่นเต้นนี้และยิ้มเบา ๆ

“ท่านได้แต่งงานกับครอบครัวของเราแล้วตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว มิจําเป็นต้องปิดบังหรอก”

เมื่อหยุนจี้เห็นว่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีก นางจึงรีบซ่อนกระเป๋าใบเล็กให้พ้นสายตา

หลี่จางเล่อจงใจแสร้งทําเป็นไม่สังเกตเห็นและยิ้มอย่างเป็นมิตร

“จิวหยินเหนียง ระยะทางจากฉางโจวถึงที่นี่ไกลมาก ท่านคิดถึงบ้านหรือเปล่า?”

ตอนเด็กสิบขวบหยุนจได้ออกจากบ้านและเดินทางไปกับคณะงิ้ว ทําให้ความประทับใจของนางที่มีต่อบิดามารดาของตนเองจึงไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่นางจะคิดถึงบ้าน

ในฐานะนักแสดงนางมักจะถูกคนอื่นดูถูกมาโดยตลอด จากนั้นนางก็ถูกส่งตัวไปที่งานเลี้ยงของขุนนางหลเพื่อทําการแสดงและหลี่เสี่ยวหรันก็รู้สึกชื่นชอบจึงซื้อตัวนางมา

แต่หลังจากมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ก็ไม่มีใครให้เกียรตินาง โดยทุกคนมักจะนินทาลับหลังอยู่เสมอว่านางเป็นเพียงแค่นักแสดงจิ๋วที่ต้อยต่ํา

แต่คุณหนูใหญ่ผู้นี้ดูแตกต่างออกไป โดยนางยิ้มให้ตนเองด้วยความจริงใจ วินาทีนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกประหลาดใจและไม่รู้ว่าจะตอบสนองคุณหนูใหญ่อย่างไรดี

หลี่จางเล่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีว่า

“ท่านมีความงดงามมาก ท่านพ่อคงจะชื่นชอบท่านมากจึงมิต้องการให้ท่านไปแสดงงิ้วอีกต่อไป”