บทที่ 278 เจ้าตัวเล็กวอนหาเรื่อง
บทที่ 278 เจ้าตัวเล็กวอนหาเรื่อง

แต่ก่อนนางไม่ได้สนใจมันมาก

เมล็ดนั่น….. หายไปไหนแล้ว?

ชิงอวี่ยังรู้สึกสับสนตอนที่สายตาหันไปมองเจ้าตัวเตาะแตะสีแดง จากนั้นก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้แล้วตกใจไป กะพริบตามองอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้า…..”

นัยน์ตากลมโตของเจ้าตัวเล็กมองตอบแล้วพยักหน้า เอ่ยเสียงยินดีออกมา “ใช่แล้ว ๆ ข้าเป็นเมล็ดเล็ก ๆ นั่นเอง นายหญิงจำข้าได้แล้ว!”

ชิงอวี่พลันเข้าใจ

ดูท่านางจะรู้แล้วว่าเมล็ดนั่นหายไปไหน และเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาต้องโกรธที่นางจำเขาไม่ได้

ก็เพราะว่าเขามีชีวิตอยู่ทั้งที่ไร้ร่างมาตลอด ไม่มีปากพูด แต่ก็มีจิตใจ เข้าใจคำกล่าว และสามารถตอบสนองนางได้

แต่ก่อน ทุกครั้งที่นางสนทนากับไหมไหม เจ้าตัวเล็กนี่ก็มักมาอยู่ด้วยตลอด เหมือนพยายามดึงความสนใจ นางก็รู้สึกขบขันนัก ได้แต่ปลอบเจ้าตัวเล็กไป

เมื่อตอนนั้นชิงอวี่คิดว่าเขาเป็นเพียงภูตตัวน้อยบางอย่างที่ดูลึกลับแปลกประหลาดเท่านั้น

แต่หลังจากที่นางพบภัยพิบัติแล้วตายไป เจ้าตัวเล็กก็หายไป

คิดแล้วชิงอวี่ก็มองเจ้าตัวเล็กด้วยความประหลาดใจ “แล้ว….. เจ้ามีร่างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ข้าก็เติบโตขึ้น โตแล้วก็ย่อมต้องมีร่าง ก่อนหน้าข้ามีเพียงจิตใจ พลังวิญญาณที่ดูดซับมาได้ก็ทั้งบางทั้งอ่อนแอ ดังนั้นพลังบำเพ็ญข้าจึงรุดหน้าช้า ตอนนี้ข้าถึงได้ดูประหลาดนักอย่างไรเล่า!” เจ้าตัวเล็กเหมือนจะอับอายเพราะเขาพูดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่

ชิงอวี่พยักหน้าพลางยิ้ม “เข้าใจแล้ว ๆ แต่….. เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่? เป็นดอกไม้? หรือเป็นหญ้า?”

นางจำได้ว่าก่อนหน้าเขาเป็นเมล็ดพันธุ์หนึ่ง แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นเมล็ดอะไร

“ข้าย่อมไม่ใช่พืชชั้นต่ำพวกนั้นแน่นอน!” ตัวเล็กบุ้ยปากด้วยความไม่พอใจ

“เช่นนั้นเจ้าเป็นอะไร? ชิงอวี่ถามพลางเลิกคิ้ว

เจ้าตัวเล็กจึงกะพริบตาแล้วยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ “ข้าคือเถาวัลย์ปีศาจเพลิงดิน”

เถาวัลย์ปีศาจเพลิงดิน?

ว่ากันว่าเป็นพืชประหลาดมีเอกลักษณ์ที่เติบโตในลาวาที่แก่นโลก มีพลังชีวิตเนืองแน่นฟื้นคืนได้ ไม่ตายง่าย ๆ

พวกมันกินลาวา ดังนั้นจึงมีร่างแข็งแกร่งแข็งแรง หากเถาวัลย์ยาวของมันหวดโดนร่างใครก็จะเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะเอ่ยเป็นยิ่งนัก

ที่เรียกเถาวัลย์ปีศาจก็เพราะแม้เถาวัลย์ปีศาจเพลิงดินจะเป็นพืชที่ค่อนข้างเชื่อง แต่เมื่อได้เลือดมนุษย์ไปเมื่อไรมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปมาก ได้รับพลังทำลายล้างอันน่าเกรงขาม

และเพราะเป็นพืชปีศาจถึงเพียงนี้ เมื่อถูกพบว่ามันมีนิสัยดุร้ายไม่มั่นคงเช่นนั้น มันจึงถูกผู้คนกำจัดจนหายไปสิ้น ไม่เช่นนั้นด้วยความดุร้ายของมัน มันคงได้แพร่พันธุ์ไปหลากหลาย อีกทั้งนิสัยชอบโจมตีทำร้ายมนุษย์หากได้ดื่มเลือดของมันอีก คงมีแต่ฟ้าที่รู้ว่ามันจะนำพาหายนะอะไรมาบ้าง

เหตุผลที่ชิงอวี่รู้จักชื่อมันก็เป็นเพราะครั้งหนึ่งนางเคยอ่านเจอในตำราแพทย์แดนเซียนว่ามียาหลอนจิตชนิดหนึ่งที่ทำให้จิตใจมึนงง อารมณ์กลายเป็นบ้าคลั่งได้ ในสูตรยานั้น สมุนไพรตัวหนึ่งเห็นจะมีเถาวัลย์ปีศาจเพลิงดินด้วย

นางไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กจะสามารถนำมาปรุงยาได้เช่นกัน!

ชิงอวี่คิดดังนั้นขณะมองเจ้าตัวเล็กตรงหน้า จากนั้นแววชั่วร้ายก็ระบายในดวงตา

เจ้าตัวเล็กอดรู้สึกขนลุกซู่ไม่ได้ ขยับขาเขยิบไปข้างหนึ่ง “นายหญิง….. ทำไมถึงมองข้าเช่นนั้น…..”

“เปล่า ข้าเพียงเห็นว่าเจ้าน่ารักพอตัว” ชิงอวี่เอ่ยยิ้ม ๆ จากนั้นก็คิดบางอย่าง นางเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นเมล็ดที่ฝังอยู่บนตำราแพทย์แดนเซียนหรือ? แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นจิตวิญญาณตำราด้วยได้เล่า??”

เจ้าตัวเล็กนั่งลงบนพื้นก่อนส่ายหัวกลม ๆ ไปมา ใบหน้าเศร้าโศก เอ่ยด้วยเสียงถอนใจ “เดิมทีข้าเป็นจิตวิญญาณตำรา แต่ถูกขังอยู่ในเมล็ดนั่น ออกไปไหนไม่ได้ เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า สุดท้ายข้าก็รอมาสามพันปีเต็ม ได้แต่มองตำราแพทย์แดนเซียนถูกส่งต่อไปเรื่อย ๆ แต่ไม่มีใครสัมผัสตัวตนข้าได้เลย อีกทั้งยังใช้ข้า…..”

พูดถึงตรงนี้ เจ้าตัวเล็กก็ขุ่นใจนัก สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “กระทั่งใช้ข้าเป็นของตกแต่งเรือน!”

เมื่อชิงอวี่ได้ยินดังนั้น นางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่เห็นเจ้าตัวเล็กโกรธนักจึงรีบกลั้นขำเอาไว้

อืม อย่าสาดเกลือใส่แผลเลยดีกว่า เช่นนั้นคงไม่ดี

“แต่สุดท้ายข้าก็ได้พบท่านสักที นายหญิงของข้า ท่านเป็นคนที่ทำให้ข้าหลุดพ้นการจองจำมาได้ ให้ข้าได้อิสระคืนมา”

ชิงอวี่ดูงุนงงเล็กน้อย “ข้าหรือ?”

นางไม่เห็นจำได้ว่าทำอะไรเลย?

“นายหญิงจำได้หรือไม่ว่าเคยถูกเมล็ดนั่นบาดนิ้ว? เป็นเพราะได้ดื่มเลือดนายหญิง ข้าก็เลยหลุดออกจากการคุมขังได้”

เลือดนาง?

“ไม่ใช่ว่าเถาวัลย์ปีศาจเพลิงดินจะบ้าคลั่งและเปลี่ยนร่างหลังจากได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์หรือ?” ชิงอวี่ถามด้วยประหลาดใจ

“นายหญิงลืมไปแล้วหรือว่าท่านสืบเชื้อสายสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดมา? ไม่เพียงเลือดนายหญิงช่วยป้องกันไม่ให้ข้าต้องแปลงร่างอย่างโหดร้ายเช่นนั้น มันยังขจัดไอปีศาจในร่างข้าไปเสียหมดด้วย” เจ้าตัวเล็กยิ้มพลางอธิบาย

ชิงอวี่พยักหน้าเข้าใจก่อนมองมือตนเอง เลือดนางนี่วิเศษจริง ๆ ไม่แปลกที่มักดึงดูดแต่อะไรประหลาด ๆ เข้าหาตั้งแต่ยังเล็ก

“เจ้าตัวเล็ก เจ้าว่าเมื่อไหร่ไหมไหมถึงจะตื่น?”

ชิงอวี่ถามพลางมองไปยังเด็กหนุ่มผมทองที่นอนหลับตานิ่งอยู่เงียบ ๆ

ได้ยินแล้วเจ้าตัวเล็กก็มองตามพลางเอ่ยคำทั้งที่ยังบุ้ยปาก “เมื่อถึงเวลาเขาย่อมตื่นขึ้นมาเอง อยู่ข้างกายนายหญิงตลอดเช่นนี้เขาคงได้ประโยชน์ไม่น้อย ทุกครั้งที่หลับลึกย่อมหมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น”

“หึ แต่เจ้านี่ก็ย่อยช้าเหลือเกิน ครั้งก่อนย่อยวิญญาณมนุษย์ก็ใช้เวลาเดือนกว่า ครั้งนี้คงหลับไปเกือบปีกว่าจะตื่นกระมัง”

ชิงอวี่ตาเป็นประกายวาบเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ นางหรี่ตาลงเอ่ยเสียงสงสัย “เจ้าว่าเขากลืนวิญญาณคน มันหมายความว่าอย่างไร?”

เมื่อรู้ตัวว่าเอ่ยสิ่งที่ไม่สมควรพูดไปแล้ว เจ้าตัวเล็กก็รีบปิดปากฉับส่ายหน้าแรง ๆ “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรหรอก”

“หากจำไม่ผิด ครั้งแรกที่ไหมไหมตื่นขึ้นมา เหมือนข้าจะจับสัมผัสความชั่วร้ายจากเขาได้ ข้าก็คิดว่าแปลกนักที่ตัวหยิ่งผยองเช่นเขาจะทำเรื่องอย่างกลืนวิญญาณคนอื่นเพื่อทำให้ตนแกร่งขึ้นได้”

ชิงอวี่เอ่ยถึงตรงนี้ก็ยกยิ้มรู้ทัน “หรือจะเป็นเจ้าที่หว่านล้อมให้เขาทำเช่นนั้น?”

ชิงอวี่หัวไวนัก ปิดบังนางไม่ได้เลย

เจ้าตัวเล็กจึงได้แต่ถอนใจยอมแพ้ออกมาเสียยาวพลางก้มหน้าตอบ “ฝีมือข้าเอง แต่ข้าเพียงอยากช่วยเขา! เขาเป็นจิตวิญญาณอาวุธ จะทำตัวไร้ประโยชน์แล้วปล่อยให้นายหญิงบาดเจ็บได้อย่างไร?”

ชิงอวี่คำรามในลำคอเย็นชา “เจ้าวางแผนไว้เสียดิบดีเลยสิท่า? เจ้าใช้ไหมไหมทดสอบขีดจำกัดของข้า เจ้าจะได้กลืนวิญญาณเสริมร่างให้แกร่งต่อไปได้อย่างอิสระไม่กลัวอะไรกระมัง? ร่างที่เจ้ามีตอนนี้ก็คงได้มาด้วยทางลัดเช่นนั้นใช่ไหม!?”

เท่าที่นางรู้ ตามบันทึกที่มีเกี่ยวกับเถาวัลย์ปีศาจเพลิงดิน นางไม่เคยเห็นที่ไหนกล่าวว่ามันจะสามารถมีจิตนึกคิดขึ้นมาหรือมีร่างกายขึ้นมาได้เลย

แต่เจ้าเถาวัลย์ปีศาจเพลิงดินตรงนี้คงแตกต่างไม่เหมือนใคร เริ่มแรกก็ดื่มเลือดนางจนมีร่างวิญญาณ จากนั้นก็กลืนวิญญาณมาเรื่อยเพื่อบ่มพลังให้แกร่ง ตอนนี้คงไม่มีพืชชนิดใดจะเอาชนะเขาได้แล้ว

เจ้าตัวเล็กนี่ แม้จะเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ก็ตัวตุ้ยนุ้ยดูน่ารักไม่น้อย

แต่ภายใต้เปลือกนอกดูไร้พิษภัยนั่น คือปีศาจที่มีชีวิตมากว่าสามพันปี แล้วไหมไหมผู้ใสซื่อว่าง่ายมีหรือจะตามปีศาจตนนี้ทัน?

สีหน้าชิงอวี่ยิ่งเคร่งขรึม “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าเป็นนายหญิง ก็ต้องรู้ว่าหากยกให้ข้าเป็นนายหญิง เจ้าย่อมต้องเห็นข้าสำคัญกว่าสิ่งใด เรื่องในอดีตข้าไม่เก็บมามากความ แต่จากนี้ไปห้ามใช้คำหวานหลอกล่อหรือลวงไหมไหมให้ทำเรื่องที่ข้าไม่ชอบอีก ไม่เช่นนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่”

“ขอรับนายหญิง ครั้งหน้าข้าไม่กล้าแล้ว” เจ้าตัวเล็กบุ้ยปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

ชิงอวี่กำลังจะเอ่ยคำอีก นางกลับเห็นเจ้าตัวเล็กที่ทำคอตกก้มหน้าต่ำพลันเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเป็นประกายจ้องไปที่ทิศหนึ่ง แลบลิ้นเลียปากอย่างตะกละ

ชิงอวี่มุ่นคิ้ว ก่อนพริบตาต่อมาจะได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูดังมา “จิ้งจอกน้อย หลับอยู่หรือ?”

เป็นโหลวจวินเหยา

ชิงอวี่ชะงักไปก่อนทันตอบสนอง นางเห็นร่างสีแดงของเจ้าตัวเล็กพลันหายวับไปกับตา สายตานางพลันคมขึ้นเหมือนเข้าใจบางอย่าง จิตนางรีบออกมาจากมิตินั้นทันที

โหลวจวินเหยาเพิ่งเข้าใกล้ชิงอวี่ได้เมื่อเห็นแสงสีแดงวาบออกจากร่างนาง และพุ่งเข้าโจมตีเขา

เขาตกใจเล็กน้อยด้วยไม่เคยคิดระแวงชิงอวี่แม้สักนิด และเพราะเขาตอบสนองช้า ภัยร้ายก็ใกล้ตัวเขามามากแล้ว

“ไสหัวไป!”

เสียงเจือแววโกรธดังขึ้น ก่อนเสียงร้องครางผิดหวังจะดังขึ้นต่อทันที พลันไดยินเสียงบางอย่างร่วงลงกับพื้น

โหลวจวินเหยาตั้งสติได้แลวก็เห็นว่าเด็กสาวยืนปกป้องเขาอยู่ด้านหน้า แขนที่ห้อยข้างกายมีเลือดสีแดงหยดลงจากปลายนิ้ว

นัยน์ตาเขาล้ำลึกขึ้นก่อนจับข้อมือนางยกขึ้นดู เห็นที่หลังมือเป็นรอยเล็บลึกสีแดงฉาน แต่ยังดีที่ไฟธาตุเปลวอัคคีค่อย ๆ ฟื้นฟูบาดแผลแล้ว ไม่กี่อึดใจก็ไม่เหลือร่องรอยอีก

และยังมีเด็กที่ดูอายุได้สี่ห้าขวบ ดูท่าจะได้รับบาดเจ็บหนัก กำลังงอตัวดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น

ชิงอวี่ก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก้มหน้ามองเจ้าตัวเล็กจากมุมสูง น้ำเสียงนางไร้อารมณ์ใด ไม่อาจรู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่ “ข้าบอกไปแล้วว่าอย่าขัดความต้องการข้า ไม่เช่นนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่”

นางค่อย ๆ นั่งยองลงแล้วยกมือที่ยังมีเลือดสีแดงฉานขึ้น ก่อนจะยกยิ้มน้อย ๆ “เจ้าจะทำอย่างไรดีเล่าเจ้าตัวเล็ก? เจ้าทำนายหญิงของเจ้าบาดเจ็บเสียแล้ว ในเมื่อดื่มเลือดข้าไปแล้ว คราใดที่ขัดคำสั่งข้า เจ้าก็จะถูกพลังตีกลับเช่นนี้ เข้าใจหรือไม่?”

พูดจบ ชิงอวี่ก็ส่งยิ้มบาง จากนั้นเอาเลือดบนมือป้ายไปบนร่างเจ้าตัวเล็ก พลันได้ยินเสียงกรีดร้องสะท้านจิต ร้องอ้อนวอนขอความเมตตาดังมาทันที

“นายหญิง! ข้ารับรู้ความผิดแล้ว! ไม่ทำอีกแล้ว! อ๊ากกก เจ็บ! นายหญิง! ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ! ข้าไม่กล้าแล้ว…..”