บทที่ 350 ยั่วยุ
บทที่ 350 ยั่วยุ
ฉู่เหินไม่คิดจะคลุกคลีกับคนที่นี่ เพราะเมื่อใดที่เขาบรรลุจุดมุ่งหมายแล้วเขาก็จะจากไปทันที สำหรับที่นี่เขาก็แค่ช่วงแขกที่มาอยู่ในช่วงสั้น ๆ ก็เท่านั้น
“หยุดนะ ความสามารถอันต่ำต้อยอย่างเจ้า ไหนเลยจะได้รับเกียรติให้เข้ามาในจวน อายุของเจ้าคงคราว ๆ 30-40 แล้วสินะ! อายุขนาดนี้เพิ่งเป็นได้แค่ขั้นผู้พิชิตดาราระดับ 3 ยังกล้าเข้ามาในนี้อีกงั้นหรือ ไสหัวไป!” วัยรุ่นอายุ 20 คนหนึ่งที่ในมือถือฉมวกเอาไว้หนึ่งอันพูดกับฉู่เหิน
“เฮ้ๆ นายเป็นบ้าหรือเปล่า ฉันก็แค่จะมาเอาหนังสือยืนยันตัวตนเท่านั้น ไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับคนบ้าอย่างนาย ไปไหนก็ไป ๆ” ฉู่เหินพูดพร้อมกับปรายหางตามองอีกฝ่าย
คนรอบข้างพอได้ยินบทสนทนาของสองคนก็ค่อย ๆ ล้อมวงเข้ามา แต่ละคนใบหน้าแสดงออกถึงความดูถูก จนทำให้เสี่ยวชิงรู้สึกว่าคนที่นี่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ไม่เคยมีความแค้นอะไรกันมาก่อนก็พูดจาว่าร้ายเช่นนี้
“คนอย่างพวกนายไม่เคยได้รับการสั่งสอนหรือไง ถึงได้พูดจาแย่ ๆ แบบนี้ทั้งที่เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน พลังของพวกฉันจะสูงจะต่ำมันใช่เรื่องของพวกนายหรือไง!” เสี่ยวชิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธจนทำให้ฉู่เหินมึนงง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหญิงสาวระเบิดอารมณ์ขนาดนี้
“ข้าว่าพวกเจ้าสองคนน่ะรนหาที่ตาย ด้วยวรยุทธต่ำต้อยขนาดนี้ยังไม่รู้จักสำรวม คงจะถูกเลี้ยงดูมาแบบทะนุถนอมจากพวกนิกายข้างนอกมากสินะ คนอย่างพวกเจ้าถึงได้กล้ามาลองดีที่นี่ ช่างไม่รู้จักความเป็นความตาย!” วัยรุ่นคนที่หยุดฉู่เหินเอาไว้พูดกับฉู่เหินอีกครั้ง ในสายตาของเขาตอนนี้
ฉู่เหินเป็นเหมือนหนุ่มเบาบางราวกับแจกันดอกไม้ตบฝ่ามือเดียวก็แตกแล้ว!
“ข้าแนะนำให้พวกเจ้ารีบไสหัวออกไปซะ ไม่งั้นจะได้ไม่คุ้มเสีย” ชายคนนี้ยั่วยุพวกฉู่เหินอีกครั้ง และครั้งนี้ฉู่เหินเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังควบคุมอารมณ์เอาไว้ เกรงว่าเขาคงลงมือไปนานแล้ว แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน
“จริง ๆ แล้ว ขยะอย่างเจ้าข้าไม่อยากจะพูดอะไรด้วย เจ้าเองก็คงกำลังกลัวข้าอยู่เหมือนสินะ” วัยรุ่นคนนั้นหัวเราะพร้อมคนรอบ ๆ วัยรุ่นคนนี้อยู่ขั้นผู้พิชิตดาราระดับ 6 แม้จะไม่ได้สูงอะไรนักแต่ก็สูงกว่าฉู่เหิน 3 ระดับ
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แถมยังขวางทางไม่ให้เขาเข้าไป ต่อให้ฉู่เหินมีความอดทนสูงแค่ไหน เขาก็ทนไม่อยู่แล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลง
ฉู่เหิน ก็ลงมือทันที! ความเร็วของเขาเทียบได้กับความเร็วแสงเลยทีเดียว และในขณะเดียวกัน เขาก็แอบโคจรพลังฝ่ามือกิเลนไปด้วย
ทันใดนั้นพลังดวงดาวในร่างกายก็ถูกส่งมาที่มือทั้งสองข้างของฉู่เหิน เขาเข้าประชิดเด็กวัยรุ่นปากมาก จากนั้นก็ลงมืออย่างไม่ลังเล!
วัยรุ่นคนนั้นตะโกนเสียงดัง ‘มาได้ดี!’ พร้อมกับชกหมัดสวนออกไปเช่นกัน เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกัน เด็กวัยรุ่นก็คิดว่าด้วยหมัดนี้ของเขาจะต้องทำให้ฉู่เหินกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตรจนต้องคุกเข่าแทบเท้า ร้องขอชีวิต!
แต่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่หมัดของทั้งสองปะทะกัน ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้คนที่ยืนรอดูเรื่องสนุก ๆ สีหน้าเคร่งขรึมไปตาม ๆ กัน ระหว่างนั้นก็มีร่างหนึ่งกระเด็นออกมาจนทำให้วงล้อมแตกกระเจิง ถอยหลบอย่างรวดเร็ว
เด็กวัยรุ่นถอยหลังถึงร้อยก้าวจนไปกระแทกเข้ากับกองอาวุธที่วางอยู่ก่อนจะล้มลงไปที่พื้นอย่างแรงพร้อมกระอักเลือดออกมาหนึ่งโต! ในเวลานี้ใบหน้าของเด็กวัยรุ่นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขารู้สึกว่าพลังวรยุทธราวกับไม่ใช่ของเขา ร่างกายนี้ก็เหมือนจะไม่ใช่ของเขา ทำไมอีกฝ่ายถึงได้มีพลังมากมายขนาดนี้
“นี้แค่พลัง 5 ส่วนของฉัน ถ้าแกกล้ายั่วยุฉันอีก ฉันจะฆ่าแกซะ แกอย่ามาทะนงตัว ในโลกนี้ไม่ใช่ทุกคนที่แกจะล้อเล่นด้วยได้”
หลังจากทิ้งประโยคนั้นไว้ ฉู่เหินก็ไม่สนใจพวกเขาอีกและพาเสี่ยวชิงเดินเข้าไปข้างใน ทิ้งหลังแผ่นหลังให้ทุกคนมองตามอย่างตื่นกลัว เพราะพวกเขารู้สึกราวกับว่าเมื่อกี้เป็นแค่ภาพลวงตา
“ต่อยคนอื่นแล้วกล้าเดินหนีอีกเหรอ คิดว่าโลกมันง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือไง มาให้ข้าสั่งสอนเจ้าสักหมัดก่อน” ฉู่เหินที่เพิ่งเดินออกมาได้ 10 ก้าว ก็มีผู้ชายชื่อจางเซิงพรวดพราดออกมาอย่างรวดเร็ว
คน ๆ นี้เดินจนตามฉู่เหินมาทันแล้วไม่พูดมากชกหมัดต่อยเข้าไปด้านหลังของฉู่เหิน หมัดนี้ของเขานั้นแฝงไปด้วยพลังของเขาทั้งหมด ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่เหินแม้จะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ก็ใช้พลังจิตสำรวจรอบตัวตลอดเวลา ในโลกนี้พลังจิตดีกว่าดวงตามากนัก เขาไม่เคยเก็บพลังจิตของตัวเองกลับมาเลย ดังนั้นเมื่อเห็นว่าชายคนนี้โจมตีเขาจากด้านหลัง ฉู่เหินก็โกรธมาก ไอ้พวกนี้มันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริง ๆ
ฉู่เหินชกสวนกลับไป แต่เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกไปเพราะเขามีเรื่องที่ต้องทำที่นี่ ถ้าใช้พลังทั้งหมดออกไปไอ้หมดนี้ตายแน่ เขากลัวจะยุ่งยาก ฉู่เหินจึงโคจรพลังกิเลน 6 ส่วนไว้ที่หมัดที่ชกสวนกลับไป
และเสียงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันสั่นสะเทือนยิ่งกว่าครั้งก่อนเสียอีก หมัดทั้งสองผสานกันจนเกิดเป็นคลื่นพลังขนาดใหญ่ ส่งผลให้อาวุธที่วางแถวนั้นกระจัดกระจาย เห็นได้ชัดว่าหมัดพวกเขามีพลังรุนแรงขนาดไหน
หลังจากที่หมัดของทั้งสองปะทะกันแล้ว คนที่ชื่อจางเซิงก็รู้สึกว่าหมัดของตัวเองปะทะกับงาของช้างแมมมอธ เมื่อหมัดปะทะกัน เขาก็ได้ยินเสียงดัง กร๊อบ! มันคือเสียงกระดูกของเขาที่แตกหักนั้นเอง
ยังไม่ทันได้รู้สึกเจ็บร่างของเขาก็กระเด็นไปไกล ลอยไปไกลกว่าร้อยเมตรสุดท้ายก็ชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แรงกระแทกทำให้กิ่งไม้หักจนหมดแล้วชายหนุ่มที่ชื่อว่าจางเซิงก็ตกลงมาสู่พื้นด้านล่าง
เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง และกระอักเลือดออกมาคำโต ไหนจะกระดูกมือที่แตกหักราวกับถูกบดละเอียด พอตกถึงพื้นเขาอยากจะยืนขึ้นมา แต่เมื่อขยับร่างกายก็พบว่าร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อย เพราะกระดูกของเขาทั้งร่างหักไปกว่า 10 แห่ง ถ้าไม่ใช่เพราะใจสู้ล่ะก็เกรงว่าเขาคงหมดสติไปนานแล้ว
“ความอดทนของฉันมีขีดกำจัด อย่าโจมตีฉันอีก ครั้งนี้ฉันใช้พลังแค่ 6 ส่วนเท่านั้น ถ้ายังมีคนคิดสู้อีกก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
ฉู่เหินโกรธมากเขามองไปที่ข้างหลังด้วยนัยน์ตาดุร้าย หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้ออกไป ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ พวกเขาคิดว่าพลัง 6 ส่วน ยังขนาดนี้เลยงั้นเหรอ!
ฉู่เหินมองทุกคนเมื่อเห็นว่าไม่ใครตอบโต้ เขาก็เดินเข้าไปด้านใน ทิ้งให้คนนับร้อยบนลานกว้างรวมทั้งเด็กวัยรุ่นสองคนบนพื้นมองแผ่นหลังของ
ฉู่เหินที่ค่อย ๆ ไกลออกไป ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้า!