ตอนที่ 449 กลุ่มที่อ่อนแอที่สุดหรือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด (2) / ตอนที่ 450 กลุ่มที่อ่อนแอที่สุดหรือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด (3)
ตอนที่ 449 กลุ่มที่อ่อนแอที่สุดหรือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด (2)
จวินอู๋เสียแนะนำฟ่านจิ่นให้ทุกคนรู้จักอย่างสั้นๆ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉียวฉู่ในทันที
“ฮ่าฮ่า ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยดูแลน้องเสีย เช่นนี้พวกข้าก็วางใจ”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”
หลังจากพูดคุยกันสักพัก จวินอู๋เสียก็เหลือบมองพวกเขาและกล่าวว่า “เข้ามาในป่ากับข้า”
“ได้ ข้ากำลังจะไปหาเจ้าพอดี” เฉียวฉู่หัวเราะออกมา
ไม่นานพวกเขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในป่าประลองวิญญาณพร้อมกัน เหล่าลูกศิษย์ของตึกรองมองกลุ่มเฉียวฉู่เดินออกจากใต้ต้นไม้พร้อมกับกลุ่มจวินอู๋เสีย เมื่อเดินไปถึงจุดรวมตัวของสาขา ทุกสายตามองด้วยสายตาอิจฉา
แต่คนของตึกหลักหัวเราะเยาะออกมาทันทีเมื่อเห็นฟ่านจิ่นพาคนของตึกรองมารวมกลุ่ม
“ฟ่านจิ่นไร้หนทางจนถึงขั้นไปหาขยะของตึกรอง เขาคิดว่าขยะแบบนั้นสามารถทำอะไรในป่าประลองวิญญาณได้หรือ” อิ่นเหยียนมองฟ่านจิ่นแล้วกล่าวเยาะเย้ย
หนิงซินชำเลืองมองแล้วหันกลับมา แต่แววตาภูมิใจของนางนั้นปิดไม่มิด
“ปล่อยเขาไปเถิด อย่างไรผลสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม”
อิ่นเหยียนลอบหัวเราะเยาะ
ศิษย์ของตึกหลักหาคนของตึกรองมารวมกลุ่ม นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับกลุ่มเล็กๆ ของจวินอู๋เสียนี้ คนของตึกหลักส่วนใหญ่ต่างมองว่าเป็นเรื่องตลกและต่างขนานนามให้พวกเขาว่าเป็นกลุ่มที่ ‘อ่อนแอที่สุด’
เฉียวฉู่แตะจมูกฟังเสียงกระซิบ แม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่คิดอะไรมาก แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงสายตาทิ่มแทงจากศิษย์ตึกหลักว่าเลวร้ายเพียงใด
“ศิษย์ของตึกรองไม่เป็นที่ต้อนรับขนาดนั้นเลยหรือ” เฉียวฉู่กล่าว
“ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า” จวินอู๋เสียกล่าวเบาๆ
เฉียวฉู่กำลังจะพูดอะไรอีก แต่ฮวาเหยาก็ส่งสายตาบอกให้เขาหุบปาก
สิ่งที่คนของตึกหลักพูดนั้นพวกเขาเข้าใจไม่มากก็น้อย มีเพียงคนโง่เขลาอย่างเฉียวฉู่เท่านั้นที่คิดว่าคนหล่านั้นพูดถึงสาขาของพวกเขา แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ ก็จะเข้าใจทันทีว่าเป้าหมายที่พวกเขาพูดถึงจริงๆ คือจวินอู๋เสีย
“น้องเสียเจ้ามาอยู่ตึกหลักได้ไม่นาน เพราะเหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นศัตรูของทุกคนแบบนี้” เฟยเยียนผู้ซึ่งเก่งด้านการรวบรวมข้อมูลมองรอบๆ แล้วเข้าใจขึ้นมาทันที
ในความรู้สึก จวินอู๋เสียได้กลายเป็นคนสารเลวที่ไม่สามารถให้อภัยได้ในใจของคนเหล่านี้ไปแล้ว!
จวินอู๋เสียนิ่งเฉย แต่ฟ่านจิ่นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ฟังจากที่พวกเขาพูด ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ค่อยปรากฏตัวที่สำนักศึกษาแล้วเพราะเหตุใดเจ้าจึงเข้าร่วมงานล่าวิญญาณในครั้งนี้” เฟยเยียนมองจวินอู๋เสียด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของนางนั้นดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคนเหล่านั้นเลย
จวินอู๋เสียกล่าวว่า “ฆ่าคน”
“…”
“…”
“…”
“…”
“…”
นอกจากจวินอู๋เสียเจ้าตัวแล้ว ทุกคนต่างมองไปที่จวินอู๋เสียเป็นตาเดียวด้วยความเหลือเชื่อ ท่าทางเหมือนเห็นผี
เฉียวฉู่ปาดเหงื่อแล้วกล่าวว่า “น้องเสีย…เหตุผลข้อนี้ของเจ้า…ค่อนข้างโหดร้ายและตรงไปหน่อยหรือไม่”
ฆ่าคน…
คุณหนูใหญ่ คุณหนูใช้คำที่อ้อมค้อมกว่านี้ได้หรือไม่
“เจ้า… เจ้าล้อเล่นใช่หรือไม่” ฟ่านจิ่นตกใจจริงๆ ที่เจ้าเด็กเย็นชาไร้อารมณ์ที่นานๆ ทีจะออกมาเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ แต่เป้าหมายที่เข้าร่วมกลับ…โหดร้ายเยี่ยงนี้ มันยากมากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าจวินอู๋เสียจะมาเพื่อฆ่าคนจริงๆ
จวินอู๋เสียเหลือบมองฟ่านจิ่นที่มีใบหน้าขาวซีด เงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ใช่”
ฟ่านจิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนที่ 450 กลุ่มที่อ่อนแอที่สุดหรือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด (3)
ฟ่านจิ่นโล่งใจ แต่เฉียวฉู่และคนอื่นๆ กลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียล้อเล่นเป็นหรือ
เป็นไปไม่ได้!
เจ้าเด็กคนนี้บอกว่า หนึ่งก็คือหนึ่ง สองก็คือสอง นางบอกว่าฆ่าคนก็คือฆ่าคนจริงๆ
เฉียวฉู่และฮวาเหยาที่เคยร่วมมือกับจวินอู๋เสียมาแล้วมั่นใจว่าจวินอู๋เสียพูดจริง
เป้าหมายที่นางมาเข้าร่วมงานล่าวิญญาณในครั้งนี้ นางมาเพื่อ…ฆ่าคนจริงๆ
สำหรับความตั้งใจของจวินอู๋เสีย ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ต่างเข้าใจซึ่งกันและกันแต่ไม่พูดออกมา เพราะไม่อยากให้ฟ่านจิ่นตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงนิ่งเงียบ
ฮวาเหยาส่งสายตาให้หรงรั่ว หรงรั่วก็เข้าใจทันทีว่าฮวาเหยาต้องการสื่ออะไร นางเดินไปหาฟ่านจิ่นแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ฟ่าน พวกข้าลืมบางอย่างไว้ที่ตึกรอง ท่านช่วยไปเอาของเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ เพราะคนของตึกหลักดู…” หรงรั่วมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย เพราะสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากทุกทิศทุกทางนั้นชัดเจนมาก
ฟ่านจิ่นตบหน้าอกของตัวเองแล้วพาหรงรั่วไปเอาของทันที
ทันทีที่ฟ่านจิ่นเดินจากไป เฉียวฉู่ก็วิ่งตรงมาหาจวินอู๋เสียแล้วถามว่า “น้องเสีย เจ้าต้องการฆ่าใครหรือ”
ในสายตาของเฉียวฉู่มีความตื่นเต้นอยู่ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เขาร่วมมือกับจวินอู๋เสียในสำนักชิงอวิ๋น เฉียวฉู่ก็ตกหลุมรักความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ทันที
เมื่อครู่ฟ่านจิ่นอยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดตรงๆ แบบนี้ เพราะเห็นได้ชัดว่าฟ่านจิ่นมองจวินอู๋เสียเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยที่ไร้พิษภัย เขาไม่รู้เลยว่ากระต่ายขาวตัวน้อยนี้จะกินคนไม่คายกระดูก ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่โดนหน้าใบหน้านี้หลอกและต้องตายโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายได้อย่างไร
“ข้าไม่รู้” จวินอู๋เสียกล่าว
“หือ” ไม่รู้…คำตอบนี้หมายความว่าอย่างไร
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นมาแล้วบีบปลายนิ้วข้างขวาของตัวเอง “ใครมาก็ฆ่าคนนั้น”
อยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวทำอะไรไม่สะดวก แต่เมื่อเข้าสู่ป่าประลองวิญญาณแล้วก็ไม่ต้องสนใจอะไรอีก ในดวงตาของจวินอู๋เสียมีเจตนาฆ่าปรากฏขึ้นมา นางเคยบอกว่าคนที่กล้าเรียกนางออกมา จงอย่าได้เสียใจภายหลัง
นางไม่พยายามมคาดเดาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นคือผู้ใด นางรู้เพียงว่าไม่ว่าเป็นใคร ในเมื่อกล้ามาหาเรื่องนางก็อย่าหาว่านางโหดร้าย
บนใบหน้าของเฉียวฉู่และฮวาหยาแสดงรอยยิ้มออกมา จวินอู๋เสียคนนี้มิใช่ปีศาจที่ทำลายสำนักชิงอวิ๋นคนนั้นหรือ
“ไม่มีปัญหา ใครกล้ามารนหาที่ตาย พวกข้าจะทำให้เขาสมปรารถนา” เฉียวฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ข่าวสารที่เฟยเยียนรวบรวมมาได้ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกว่าร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธ จวินอู๋เสียเป็นคนแบบไหน ด้วยความสามารถของนาง บนโลกนี้มีอะไรที่นางต้องการอีกหรือ คนพวกนั้นกลับบอกว่านางใช้ทุกวิถีทางเพื่อได้ตำแหน่งห่วยๆ นั้นมา มันช่างน่าตลกจริงๆ
ในเมื่อมีคนจำนวนมากรนหาที่ตาย พวกเขาก็ต้องทำให้พวกนั้น ‘พอใจ’ อย่างแน่นอน
เพราะไม่ว่าอย่างไรจวินอู๋เสียก็จะฆ่า ดังนั้นพวกเขาก็แค่ฆ่าเท่านั้น
จวินอู๋เสียมองไปที่เฉียวฉู่และคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
ตอนที่ฟ่านจิ่นพาหรงรั่วกลับมา เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ก็กลับมาเป็นปกติ หลังจากพูดกันไม่กี่คำ เสียงกลองก็ดังขึ้นมา เหล่าลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ป่าประลองวิญญาณ
คนที่รวมกลุ่มกันเริ่มเรียกให้สมาชิกเข้ามารวมกลุ่ม พวกเขาฟังเสียงกลองแล้วมองธงของสำนักศึกษาเฟิงหัวโบกไปมาในสายลม
ศิษย์ของตึกหลักต่างยืนด้วยความมั่นใจ แต่ศิษย์ของตึกรองกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อเสียงกลองเสียงสุดท้ายดังขึ้น ทุกกลุ่มก็หันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในป่าประลองวิญญาณที่อยู่ข้างหลังพวกเขาทันที
พวกเขาถือคบเพลิงขึ้นสูง ร่างของพวกเขากลมกลืนไปกับความมืดของป่า
บทเพลงนี้กำลังจะเริ่มขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่ถูกฝังไว้ในป่าลึกนี้