บทที่ 282 เป็นได้แค่เพื่อน
บทที่ 282 เป็นได้แค่เพื่อน
นางแค่คิดหยอกเขาเล่น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร่างแข็งค้างไป ก่อนจะตอบคำสั้น ๆ ออกมา “มาหาเจ้า”
น้ำเสียงเย็นชาใสกระจ่าง รู้สึกคุ้นหูอย่างน่าแปลก
ชิงอวี่ชะงักไปเล็กน้อย มองเงาร่างนั้นค่อย ๆ หันมาแล้วเดินเข้ามาทางนางทีละก้าว
เงาร่างนั้นค่อย ๆ เผยออกจากเงามืด ใบหน้าค่อย ๆ โผล่ให้เห็น
นัยน์ตาสีเขียวเข้มที่ดูเหมือนของสัตว์ร้ายส่องประกายงดงามเป็นพิเศษภายในฟ้ายามราตรี
ชิงอวี่เบิกตากว้าง สีหน้าไม่อยากเชื่อ ปากก็พึมพำเสียงเบาออกมา “เสี่ยวเยี่ย…..”
เป็นเขาจริงหรือ?
นับตั้งแต่ที่เขาจากสำนักละอองหมอกไปโดยไร้คำกล่าว นางก็ไม่เห็นเขาอีก คิดว่าเขาคงจะไปตามหาชิงเทียนหลิน แต่กระทั่งชิงเทียนหลินมาปรากฏตัวหลังจากนั้น นางก็ไม่เห็นเขาอีกเลย
เหมือนเขาจะเปลี่ยนไป ต่างจากชีวิตก่อน กุมความลับมากมายที่นางไม่อาจรู้เอาไว้
ชิงเยี่ยหลีมองเด็กสาวตรงหน้าที่ทำหน้าตาประหลาดใจแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
จริง ๆ แล้วเขาตั้งใจจะไม่มาให้นางเห็นอีก แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในเมื่อเขารู้ว่านางอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่อาจยับยั้งตนเอง สุดท้ายก็มาหานางจนได้
แต่มองนางแล้ว….. นางคงไม่ได้อยากเจอเขาสักเท่าไหร่
ชิงเยี่ยหลีนัยน์ตาหม่นแสง เอ่ยเสียงเบาขึ้น “ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงรู้มาว่าเจ้าอยู่ที่นี่ก็เลยมาดูสักหน่อย…..ว่าเจ้าสบายดีไหม”
เขาพูดจบก็เกิดเสียงฝีเท้าหมายจะเดินจากไป
ชิงอวี่สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ก้าวเท้าไปคว้าตัวเขาไว้ ก่อนเอ่ยเสียงค่อนข้างไม่พอใจออกมา “อะไรกัน? เจ้าคิดว่าจะไปมาตามใจก็ได้หรือ? เจ้าหายตัวไปไร้ร่องรอยเสียนาน ไม่มีอะไรอยากพูดหน่อยหรือ? หรือตอนนี้เจ้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกอะไรข้าแล้ว เพราะเจ้าไม่ใช่ผู้คุ้มกันของข้า เลยคิดจะตีตัวออกห่าง…..”
“ข้าเปล่า!”
นางพูดยังไม่ทันจบ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาชิงเยี่ยหลีก็พลันเปลี่ยนเป็นตกใจ รีบจ้องตานางเอ่ยคำว่า “ข้าไม่มีทางไปจากเจ้าหากไม่ใช่เจ้าไล่ไป”
ชิงอวี่หัวเราะเหาะออกมา “เจ้ารู้จักใช้คำเสแสร้งเช่นนี้มาลวงข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เจ้าหายไปตั้งนาน พอเจอกันกลับไม่พูดสักอย่าง แต่มาบอกว่าจะไม่ทิ้งข้า เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว”
นางจงใจเอ่ยเสียงเฉียบขาดดูแง่งอนด้วยรู้นิสัยอีกฝ่ายดี หากไม่ใช่ไม้แข็งกับเขา เขาก็คงไม่มีทางปริปากบอก
คิดได้ดังนั้น ชิงอวี่ก็หมุนตัวเดินจากไป หมายจะเมินเขาเสีย ชิงเยี่ยหลีตกอกตกใจ รั้งร่างนางเข้าไปกอดจากด้านหลังด้วยความลนลานทันที ก่อนเอ่ยเสียงจนใจออกมา “เสี่ยวอวี่ อย่าโกรธเลยนะ! ข้าไม่ได้อยากปิดบังเจ้า…..”
เมื่อเห็นว่าตนถูกกอด ชิงอวี่ก็ตาเป็นประกายวาบ พยายามดิ้นให้หลุด “ข้ามีสิทธิ์อะไรไปโกรธเจ้า? เจ้ากับข้าต่างมาเกิดอีกโลกหนึ่งแล้ว เรื่องในชาติก่อนไม่นับอีกต่อไป ตอนนี้เจ้ามีอิสระทำอะไรได้ดั่งใจ ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรข้าอีก”
“มันไม่ใช่แบบนั้น!”
ชิงเยี่ยหลีหมุนร่างเด็กสาวกลับมาแล้วใช้นัยน์ตาสีเขียวคมเข้มจ้องนาง เอ่ยเสียงเครียดขึงขึ้น “ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เสี่ยวอวี่….. ก็จะเป็นคนที่สำคัญที่สุดของข้าเสมอ ข้าไม่มีทางมีความลับต่อเจ้า”
“ข้าเพียง….. ไม่รู้ว่าจะบอกเจ้าอย่างไรดี” กลิ่นอายของชิงเยี่ยหลีกลายเป็นหดหู่ในพลัน
ชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนค่อย ๆ เอ่ยคำ “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่?”
สุดท้ายชิงเยี่ยหลีก็ยอมบอกเรื่องทั้งหมดกับนาง แต่ตลอดคำอธิบายนั้น เขาไม่กล้าสบตานางสักนิดเดียว
“เสี่ยวอวี่ จริง ๆ แล้วข้า….. ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหมาป่าที่มีเลือดมนุษย์ในร่าง” ชิงเยี่ยหลีหลุบตาลง สีหน้าเศร้าสร้อยนัก “ที่ข้าเติบโตมากับฝูงหมาป่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเพราะข้ามีสายเลือดเดียวกับพวกมันต่างหาก”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะเยาะตนเองขึ้น “แล้วคนอย่างข้า….. จะกล้ายืนเคียงข้างเจ้าได้อย่างไรกัน?”
เขาพลันยกมือขึ้นปิดหน้าไว้ น้ำเสียงแหบแห้งขึ้นมา ราวกับต้องแบกรับความขมขื่นที่ไม่มีใครรู้เอาไว้ “ข้าต่างหาก….. ที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่ใช่เจ้า”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก่อนที่มือเย็นเล็กน้อยจะคว้ามือที่เขาใช้กุมหน้าตนเองไว้แล้วค่อย ๆ ดึงมันลงมา นัยน์ตาสีเขียวที่สวยดั่งอัญมณีสีเขียวสะท้อนเงาเป็นประกายใสราวกับเพิ่งถูกชะล้าง คล้ายกับเพิ่งร้องไห้มา
ชิงอวี่มองเขาแล้วก็ถอนหายใจ “ด้วยเหตุนั้น เจ้าก็เลยไม่กล้ามาหา ไม่กล้ามองหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชิงเยี่ยหลีไม่เอ่ยคำ ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
เด็กสาวพลันยื่นแขนไปคว้าคอเสื้อเขาไว้ ดึงให้ก้มลงมา ก่อนจะใช้มือน้อยเอื้อมไปยีศีรษะเขาอย่างดุร้ายไร้ปรานีราวกับลูบหัวสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ อย่างเอ็นดู
ชิงเยี่ยหลีชะงักไป ไม่อาจตอบสนองได้ ยืนจ้องนางแน่นิ่งอยู่เช่นนั้น
“เจ้าจะทำร้ายข้าไหม?” ชิงอวี่พลันเอ่ยถามขึ้น
เขาได้สติขึ้นมาทันที ใช้เวลาสักพักจึงส่ายหน้า “ข้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร?”
นางเป็นคนที่เขาอยากปกป้องแม้ตนเองจะต้องบาดเจ็บก็ตาม!
ชิงอวี่ยิ้มมุมปาก “หรือจะพูดว่าเจ้าจะหักหลังข้าหรือไม่? หรือจะทำเรื่องที่ทำให้ข้าเสียประโยชน์หรือไม่?”
“ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น” ชิงเยี่ยหลีเอ่ยเสียงแน่วแน่
ชิงอวี่มองเขาพร้อมเลิกคิ้วยิ้ม ๆ “แล้วเจ้าจะกังวลอะไรของเจ้า? ไม่ใช่มนุษย์แล้วอย่างไร? ไหมไหมก็เป็นงู ข้ายังชอบเขามากเลย เสี่ยวเยี่ย เจ้าเติบโตมากับข้า เป็นเพื่อนเป็นคู่หูที่ข้าเชื่อใจที่สุด ฉะนั้นเราจะไม่มีวันทำตัวเหินห่างกันใช่หรือไม่?”
ชิงเยี่ยหลีร่างแข็งค้างไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กสาวเอ่ยคำไม่ยับยั้งหรือเป็นเพราะตรงที่นางบอกว่า….. เพื่อนที่เชื่อใจที่สุด…..
เพื่อน…..
ใช่แล้ว แค่เพื่อน เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
เท่านั้นก็พอ
เมื่อพูดชัดเจนแล้ว ชิงอวี่จึงเดินไปรินชาให้เขา “เสี่ยวเยี่ย เจ้าบอกว่ามาแดนเมฆาสวรรค์เพราะเรื่องยอดเขาใจสงบหรือ?”
“อืม” ชิงเยี่ยหลีพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าสัญญากับท่านพ่อว่าจะช่วยเขาเอาบางอย่างกลับมา”
“แต่จำนวนคนที่จะขึ้นยอดเขาใจสงบได้มีจำกัดไม่ใช่หรือ? คนจากแดนธาราขาวก็ไปได้ด้วยหรือ?” ชิงอวี่ถาม สีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ
ชิงเยี่ยหลียกมุมปาก “จำนวนพวกนั้นไร้ความหมายต่อพวกคนมีอำนาจ ตราบเท่าที่ถือครองพลัง ยอดเขาใจสงบจะหยุดยั้งพวกเขาได้หรือ?”
“ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล” ชิงอวี่พูดพร้อมยิ้มจนใจ
ชิงเยี่ยหลีถือถ้วยชาไว้ไม่จิบสักอึก เพียงแต่หรี่ตาลง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ พักหนึ่งจึงเอ่ยเสียงเบาขึ้น “เจ้าต้องระวัง…..”
“หือ?”
นิ้วที่ถือชาของชิงเยี่ยหลีพลันบีบแน่นขึ้น “ไม่ว่าจะแดนเมฆาสวรรค์หรือยอดเขาใจสงบ ทั้งสองที่นั่น ไม่นับว่าอันตรายหรือน่ากลัวสำหรับข้า แต่ที่ข้าห่วงคือ….. ชิงเทียนหลิน”
ชิงอวี่ที่หน้ายิ้มมาตลอดพลันชะงักไป
ชิงเยี่ยหลีจึงเอ่ยต่อ “เท่าที่ข้าจำได้ เขาเป็นคนโหดเหี้ยมนัก ไม่ว่าจะอัปยศสักเพียงไหนเขาก็ต้องตามแก้แค้นให้สำเร็จให้ได้ หากล่วงเกินเขาแล้วไม่มีใครได้อยู่รอดปลอดภัย ครั้งหนึ่งข้าตามไปหาเรื่องเขาถึงแดนธาราขาว แต่เขากลับไม่โต้กลับ ได้แต่อดกลั้นอยู่เงียบ ๆ เจ้าคิดว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
“เขามีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ ไม่อาจมารับมือเจ้าที่ไปหาเรื่องได้” ชิงอวี่เอ่ยเสียงครุ่นคิด
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ที่เขาต้องการที่สุดก็คือเจ้ามาโดยตลอดนี่? หากเขาวางแผนหมายตาอะไรที่ใหญ่กว่านั้น…..” ชิงเยี่ยหลีคิดแล้ว คิ้วยาวคมเข้มก็ขมวดแน่นเมื่อในใจมีความคิดน่ากลัวแล่นเข้ามา
“อย่าคิดมากเลย” ชิงอวี่เอ่ยปลอบ “ไม่แน่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้หมายตาข้า หากเป็นเช่นนั้นก็ดีนัก”
“แต่ข้าเชื่อว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางปล่อยเรื่องเจ้า เพราะอย่างไรเจ้า….. ก็เป็นหุ่นเชิดในอุดมคติที่เขาชอบที่สุด” ชิงเยี่ยหลีเอ่ยคำออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูกนัก
ในอดีตนั้น ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวถูกชิงเทียนหลินสังหารไปมากเท่าไหร่ด้วยเรื่องชิงอวี่ เขาเป็นคนเสียสติที่หัวแข็งดื้อรั้นนัก และนั่นยิ่งทำให้เขากระทำการยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ที่ยิ่งน่ากลัวคือตอนนี้เขาไม่รู้ว่าชิงเทียนหลินอยู่ที่ไหน
เมื่อเดือนก่อน ชิงเทียนหลินยังอยู่ที่จวนตระกูลเฟิ่งแท้ ๆ
แต่ตอนนี้กลับไร้ร่องรอย
“เรื่องที่เขาทำกับข้าในอดีต ไม่ว่าจะดีหรือเลว ข้าก็ชดใช้ไปด้วยชีวิตตัวเองแล้ว”
ชิงอวี่จ้องไปยังความว่างเปล่า เหมือนหลุดไปในภวังค์ความคิดอันห่างไกล นางเอ่ยเสียงเบาขึ้น “ตอนนี้ข้าเป็นคนใหม่ มีครอบครัวต้องปกป้อง มีคนที่อยากอยู่ด้วยไปชั่วชีวิต เพื่อพวกเขาแล้ว ข้าย่อมไม่ยอมให้ตนเองต้องเป็นเช่นในอดีตอีก”
“เรื่องชิงเทียนหลิน ข้าตัดสินใจแล้วว่าไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีก แต่หากเขายังไม่ยอมรามือ ข้าก็ต้อง….. จบเรื่องของเขาด้วยมือข้าเอง” ชิงอวี่หรี่ตาลงอย่างอันตราย มันฉายแววมุ่งมั่นกล้าแกร่งนัก
เมื่อครั้งยังเล็กนางสนิทสนมกับชิงเทียนหลินมาก ดังนั้นจึงรู้จักกันดี ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นเช่นนี้ได้
แต่ที่ต่างกันคือตอนนี้ชิงเทียนหลินเปลี่ยนไปแล้ว นางก็เช่นกัน
—————————————
น้ำแข็งส่วนหนึ่งบนเพดานถ้ำพลันละลายราวกับถูกไฟกล้าแผดเผา มันค่อย ๆ กลายเป็นหยดน้ำไหลไปทาง ก่อนจะหยดลงใส่แก้มสีซีดของหญิงสาวผู้มีใบหน้าหดหู่
หนึ่งหยด สองหยด…..
ในที่สุด ขนตายาวของนางที่ปิดอยู่ก็ขยับเล็กน้อย ก่อนนางจะลืมตาขึ้น ภาพที่มองยังพร่ามัวอยู่บ้าง
นางอยู่ที่นี่มานานเกินไป ร่างกายเหน็บหนาวแข็งกระด้างไปหมด ทั่วร่างรู้สึกชา ไม่รู้ว่าภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันแล้ว
บางทีนางควรห่วงตนเองมากกว่า
ที่นี่เรียกว่าคุกปีศาจน้ำแข็งกลืนเพลิง ใช้คุมขังนักโทษที่กระทำการชั่วร้ายผิดมหันต์โดยเฉพาะ
ไม่ว่าใครได้เข้ามาก็ไม่มีวันได้ออกไปอีก
ด้วยความหนาวและความร้อนที่ตัดกันของทั้งไฟทั้งน้ำแข็ง ไม่ว่าจะมีพลังสูงส่งเพียงไหนก็รั่งอยู่ที่นี่นานไม่ได้ อีกทั้งยังมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่างที่คอยกัดกินพลังไปเรื่อย ๆ โดยไม่ทันรู้ จนกระทั่งเหลือเพียงร่างที่อ่อนแอเปราะบางไร้ประโยชน์ใดอีก
ชิงหลานเฟยหน้าซีดจนน่ากลัว ริมฝีปากแตก ๆ เริ่มมีรอยเลือด
นางอดอาหารมานานจนชินชา ฉะนั้นจึงไม่ส่งผลอะไรต่อนางมากเมื่อไร้น้ำและอาหาร แต่เมื่อพลังบำเพ็ญค่อย ๆ ถดถอยเช่นนี้ ไม่นานนางก็จะกลายเป็นคนธรรมดาไป
ร่างนางถูกไอเย็นจากน้ำแข็ง ถูกแผดเผาจากไอเพลิงร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนนางกำลังจะตายยิ่งนัก