บทที่ 254 คุยกันตามลำพัง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

คาดไม่ถึงว่าเธอจะเลิกกับเขา!

พูดตรงๆแล้ว เผชิญหน้ากับความโกรธของชายหนุ่ม วารุณีก็กลัวเล็กน้อย

แต่เธอกลับไม่ถดถอย บีบฝ่ามือไว้ ปลุกความกล้าพูดไปอีกว่า“ฉันบอกว่า พวกเราหยุดแค่นี้ดีกว่า คุณไม่มีความรู้สึกแบบนั้น ต่อคุณนวิยา แต่คุณนวิยากลับรู้สึกต่อคุณ ดังนั้นเธอจึงรับไม่ได้ที่พวกเราคบกัน”

“รอเธอฟื้นมา ผมจะคุยกับเธอดีๆเอง เรื่องเลิกกัน ผมไม่อยากได้ยินอีก!”ใบหน้านัทธีหม่นลง พูดอย่างเย็นชา

เขาดึงดันแบบนี้ วารุณีอ้าปากออกมา พูดไม่ออก

ตอนนี้เอง พิชิตถือเอกสารฉบับหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสายตารีบร้อน“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆนวิยาก็เข้าห้องฉุกเฉินล่ะ?”

“ไม่มีอะไร ผลดีเอ็นเอของแกออกมายัง?”นัทธีไม่คิดจะบอกสาเหตุที่นวิยาหมดสติไปกับเขา สายตามองไปที่เอกสารในมือเขา แล้วถามนิ่งๆ

พิชิตเอาเอกสารยัดใส่อ้อมแขนของนัทธีอย่างทนไม่ไหว“ออกมาแล้ว พวกคุณดูไปนะ ผมจะเข้าไปดูนวิยา”

พูดจบ เขาก็เปิดประตูห้องฉุกเฉินแล้วเข้าไป

นัทธีไม่ได้ดูเอกสาร แต่เอาเอกสารให้วารุณี

วารุณีรับไป แล้วเปิดออก

มองเนื้อหาด้านบน นัยน์ตาดอกท้อที่สวยงามของเธอหรี่ลง

“เป็นไงบ้าง?”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับเบาๆ

วารุณีลูบขมับ“พิชญาเป็นลูกสาวของขยานีกับปวิชจริงๆ ไม่ใช่ของสุภัทร”

หมายความว่า ขยานีไม่ได้คลอดลูกสักคนให้สุภัทร

สุภัทรมีลูกสองคนแค่เธอกับศรัณย์ แต่สุภัทรกลับไล่ลูกสาวและลูกชายแท้ๆของตัวเองออกจากตระกูล เพื่อลูกสาวของคนอื่น นี่ถือว่าเวรกรรมตามทันหรือเปล่านะ?

นัทธีเอามือสอดไปในกระเป๋ากางเกง“ถ้าสุภัทรรู้แล้ว จะต้องหาทางเอาพวกคุณสองคนพี่น้องกลับมาแน่”

“ไม่แน่หรอกค่ะ ตอนนี้เขาเกลียดฉันขนาดนั้น จะเอาฉันกลับไปได้ไง แต่ศรัณย์ต่างกัน”วารุณีปิดเอกสารที่ตรวจดีเอ็นเอลง“ที่จริงหายวันก่อนสุภัทร ก็มาถามฉันเกี่ยวกับอาการของศรัณย์ อยากเอาศรัณย์กลับมา สืบทอดตระกูลศรีสุขคํา”

“ตระกูลศรีสุขคํายังมีอะไรที่สืบทอดได้อีก?”นัทธีเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงมีความสงสัย

วารุณียักไหล่“ใช่ค่ะ พวกเขาต่างรู้ว่าตระกูลศรีสุขคําจบสิ้นแล้ว ไม่มีสิ่งของอะไรที่สืบทอดได้อีก แต่สุภัทรไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าตระกูลศรีสุขคําของเขายังอยู่ดี”

นัทธีหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่พูด

ผ่านไปสักพัก ไฟที่ห้องฉุกเฉินก็ดับลง

พิชิตเข็นนวิยาออกมา

นัทธีเข้าไป เดินไปพร้อมกับเตียงเข็น เดินไปถามไปว่า“นวิยาเป็นไงบ้าง?”

“ไม่เป็นไร ถูกกระตุ้นน่ะ อัตราการเต้นของหัวใจค่อนข้างสูง เดี๋ยวก็ฟื้นมาแล้ว”สายตาพิชิตจ้องนวิยาเขม็งแล้วตอบกลับ ดวงตาที่อยู่หลังแว่น เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

วารุณีเห็นแล้ว จึงเข้าใจทันที ที่แท้พิชิตก็ชอบนวิยา

ทั้งสามคนนี้ วุ่นวายเสียจริง

พิชิตชอบนวิยา ส่วนนวิยาชอบนัทธี นัทธีกลับเห็นนวิยาเป็นแค่น้องสาว รักสามเศร้าที่คลุมเครือ

คิดไป วารุณีก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่นวิยา

นวิยามีสีหน้าซีดขาว นอนอยู่บนเตียงเข็นพร้อมกับหลับตาแน่น ผมปลอมที่หัวไม่มี จึงเผยให้เห็นหนังหัวโล่งๆ ที่หนังหัวยังมีรอยเย็บหลายเส้นที่เหมือนตะขาบ ยาวๆ ทุกเส้นไม่น้อยไปกว่าห้าเซนติเมตร มองจนหวาดกลัว

วารุณีตกใจกลัวจนหน้าเสีย ปิดริมฝีปากไว้แล้วถอยหลังไป เกือบจะล้มลง

นัทธีเห็นแบบนี้ รีบปล่อยที่วางมือของเตียงเขียนทันที แล้วคว้าแขนของเธอไว้ แล้วดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขน“เป็นอะไรไป?”

วารุณีมองเตียงที่เข็นออกไปไกล ควบคุมสติ ฝืนยิ้มตอบกลับไป“ไม่มีอะไรค่ะ ตกใจกับแผลที่หัวของคุณนวิยาเฉยๆ”

ที่แท้ก็แบบนี้เอง

นัทธีเงยคางขึ้นอย่างเข้าใจ

แผลพวกนั้น ทำเอาคนตกใจจริงๆ ตอนที่เขาเห็นครั้งแรก ก็ตกใจไป

แต่ต่อมาก็เห็นจนชิน และไม่เป็นไร

“แผลที่หัวของนวิยา ล้วนแต่เป็นตอนผ่าตัดทิ้งไว้”นัทธีจูงมือของวารุณี พาเธอไปที่ห้องของนวิยา เดินไป อธิบายไป

ตอนนี้เองวารุณีก็คืนกลับไปเหมือนตอนต้น หันไปมองเขา“คุณนวิยาผ่าตัดส่วนหัวตั้งหลายครั้งขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

“อือ ตอนที่เธอยังเป็นเจ้าหญิงนิทรา ส่วนศีรษะก็มีเนื้องอกแล้ว และตำแหน่งที่ขึ้นมาก็ไม่ดี ไม่มีหมอกล้าเอาออกให้เธอหมด แค่ตัดออกไปส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่เหลือไว้ก็โตขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่โตไปถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องเอาออกอีกครั้ง”

“แบบนี้เอง”วารุณีพยักหน้า สื่อว่าเข้าใจแล้ว“งั้นเนื้องอกในสมองของคุณนวิยาตอนนี้ ถูกพงศกรตัดออกไปหมดยังคะ?”

นัทธีตอบอือ

เขาต้องยอมรับว่า ทางด้านการแพทย์แล้ว พงศกรนั้นมีพรสวรรค์จริงๆ

แต่นิสัยกลับไม่ดีนัก!

ระหว่างที่พูด นวิยาก็ถึงห้องคนไข้แล้ว

นัทธีพาวารุณีเข้าไป นวิยาก็ดันฟื้นแล้ว กำลังนั่งเอนอยู่ที่หัวเตียง ถูกพิชิตคอยปรนนิบัติให้ดื่มน้ำ

เห็นทั้งสองคนเข้ามา สายตานวิยาหม่นลง ดันแก้วน้ำออกไป สื่อว่าไม่ดื่มแล้ว

พิชิตได้แต่เอาแก้วน้ำวางไว้ที่หัวเตียง แล้วเอาหลอดดูดออกมาทิ้งลงในถังขยะ แล้วจึงหันหน้าไปยิ้มให้วารุณีกับนัทธี“นานขนาดนี้ทำไมพวกคุณถึงเพิ่งมาล่ะ?”

“ระหว่างทางช้าไปหน่อยน่ะ”นัทธีมองสีหน้าของนวิยาที่ยังซีดขาวอยู่มาก น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นเยอะ“ดีขึ้นยัง?”

นวิยาส่ายหน้า ไม่ตอบ

นัทธีรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี เม้มริมฝีปากบางๆ“พวกคุณออกไปก่อนเถอะ ผมจะคุยกับนวิยา”

วารุณีรู้ว่าเขาจะพูดอะไร หลังจากมองนวิยา ก็หันกลับออกไป

พิชิตตามหลังเธอไป

ทั้งสองคนออกไปจากห้องคนไข้ มาที่หน้าเก้าอี้ตรงทางเดินแล้วนั่งลงไป

คุณกับนัทธี คบกันเมื่อไหร่?”พิชิตเอามือทั้งคู่พาดไว้ที่ท้ายทอย เอนตัวถาม

วารุณีหันหน้ามองประตูห้องคนไข้เช่นกัน“เมื่อคืน”

“เมื่อคืน?”พิชิตกะพริบตาโตๆที่ดูน่ารัก“ผมคิดว่าพวกคุณคบกันหลายวันแล้วเสียอีก ยังไงหลายวันมานี้ นัทธีก็ไม่ได้มาเยี่ยมนวิยาที่โรงพยาบาลเลยสักครั้ง”

คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ครั้งเดียวก็ไม่ได้มาเลย?

วารุณีก็ตกใจ แต่ใบหน้ากลับไม่เผย เสยผม“เขาน่าจะยุ่งมาก”

“น่าจะแหละ”พิชิตยักไหล่ ไม่พูด สายตาจ้องไปที่พื้น ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่

วารุณีไม่สนิทอะไรกับเขามาก ก็เงียบขึ้นมา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน วารุณีนั่งจนปวดก้น ในที่สุดประตูห้องคนไข้ก็เปิดออก

นัทธีออกมาจากด้านใน

วารุณียืนขึ้นมากับพิชิต

“คุยเสร็จแล้วเหรอคะ?”วารุณีมองชายหนุ่ม

ชายหนุ่มตอบอือ“นวิยาอยากคุยกับคุณหน่อย”

“กับฉัน?”วารุณีชี้ใส่จมูกของตัวเอง

นัทธีพยักหน้า“คุณเข้าไปก่อนเถอะ”

“ค่ะ”วารุณียกมุมปากขึ้นอย่างสงสัย เดินผ่านด้านข้างเขาไป เข้าไปในห้องคนไข้

นวิยากำลังนั่งเช็ดน้ำตาอยู่บนเตียง เห็นเธอเข้ามา ที่เช็ดน้ำตาอยู่ก็รีบขึ้นมาทันที จากนั้นมองเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ“ยินดีกับคุณด้วยนะ ที่คบกับนัทธีแล้ว”

วารุณีฟังความริษยาในน้ำเสียงของนวิยาออก รู้ว่าเธอไม่ได้ยินดีจากใจ ถอนหายใจเบาๆ“ขอบคุณค่ะ”

นวิยาหัวเราะอย่างเยาะเย้ย“คุณจะขอบคุณทำไม มีอะไรให้ขอบคุณฉันเหรอ คุณคิดจริงๆเหรอว่าฉันกำลังยินดีกับคุณน่ะ?”

วารุณีหัวเราะทั้งน้ำตา“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้จริงใจ……”

“ในเมื่อคุณรู้ คุณยังจะขอบคุณฉันอีก?คุณกำลังอวดฉันเหรอ?”นวิยาบีบฝ่ามือ“อวดที่คุณคบกับนัทธีแล้ว?”

“ฉันเปล่าค่ะ!”วารุณีขมวดคิ้ว

อย่างไรก็ตามนวิยาก็ไม่เชื่อคำพูดของเธอ ตัวสั่นเล็กน้อย“วารุณี ฉันมองคุณผิดไปจริงๆ คุณไม่ละอายใจต่อฉันเหรอ?