ตอนที่ 312 เตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 312 เตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย

ห้องระเกะระกะ!

แก้วจานแตกละเอียด น้ำชากระเซ็นไปทั่ว บรรดาสาวรับใช้ต่างคุกเข่าเก็บกวาดอยู่บนพื้น

จ้งซูอวิ้นมองไปทางพี่ใหญ่ จ้งซูหาวด้วยสีหน้าสงสัย

จ้งซูหาวส่ายหัวให้นางเล็กน้อยเป็นเชิงให้นางอย่าพูด ระวังถูกด่า

จ้งซูอวิ้นพยักหน้า นั่งลงอย่างเงียบๆ จากนั้นกระซิบถาม “เกิดเรื่องใดขึ้น”

“เจ้าไม่รู้?” จ้งซูหาวประหลาดใจเล็กน้อย

จ้งซูอวิ้นยิ่งฉงน “ข้าควรรู้หรือ”

จ้งซูหาวหัวเราะเยาะ ไม่รู้ควรพูดสิ่งใดดี

เงียบ!

ไม่มีผู้ใดพูด…

บรรดาสาวรับใช้เก็บกวาดสิ่งของที่แตกกระจายบนพื้นเสร็จก็ถอยออกไปอย่างไร้เสียง

จ้งซูอวิ้นรู้สึกอึดอัดอย่างมาก

ถึงแม้นางจะยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่บรรยากาศภายในห้องโถงทำให้นางอึดอัด

นางมีลางสังหรณ์ ความโกรธของท่านแม่มีส่วนหนึ่งมาจากนาง

นางรู้สึกเสียใจอย่างกะทันหัน วันนี้ไม่ควรกลับมา

เวลานี้ลุกขึ้นจากไปดีหรือไม่

แต่ก็ราวกับไม่เหมาะสมนัก

นางทำได้เพียงนั่งอยู่ด้วยความกระอักกระอ่วนเป็นเวลานาน…

บางทีองค์หญิงเฉิงหยางอาจหายโกรธแล้ว บางทีนางอาจมีความคิดใหม่ บรรยากาศภายในห้องโถงเปลี่ยนไปทันที

นางยกแก้วชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำเพื่อชุ่มชื้นคอที่แห้ง

นางมองไปทางบุตรสาว “ซูอวิ้น เหตุใดวันนี้เจ้าจึงกลับมากะทันหัน”

จ้งซูอวิ้นพูดอย่างระมัดระวัง “ข้าคิดถึงท่านแม่ จึงกลับมาเยี่ยม”

องค์หญิงเฉิงหยางยิ้มอย่างรู้ทัน “เกรงว่าคไม่ใช่คิดถึงข้า หากแต่เพราะองค์ชายสามถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทยาท เจ้าดีใจจึงกลับมามากกว่า”

จ้งซูอวิ้นยิ้มเก้อ “ไม่มีเรื่องใดปิดบังท่านแม่ได้ ท่านพี่ไม่ทรยศต่อความคาดหวังของท่านแม่ วางแผนมานานหลายปี ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ ท่านแม่ก็วางใจได้แล้ว”

องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะ “เจ้าคิดว่าข้าควรวางใจ?”

จ้งซูอวิ้นทำหน้าฉงน

น้ำเสียงนี้ผิดปกติ นางพูดผิดหรือ

“เหตุใดท่านแม่จึงโกรธ” นางถามออกไปด้วยความใจกล้า

องค์หญิงเฉิงหยางจ้องมองนาง “เจ้าไม่รู้จริงหรือ”

“ข้าไม่รู้จริงๆ”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจัดจนหัวเราะออกมา นางไม่รู้ว่าควรด่าหรือไล่อีกฝ่ายออกไปดี

นางอารมณ์ไม่ดีอย่างนัก “เซียวเฉิงอี้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทยาทย่อมเป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าสายตาของข้าไม่ผิดพลาด แต่…เจ้านอกจากรู้เรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้ว ฮ่องเต้ยังทรงออกพระราชโองการอีกฉบับเพื่อโยกย้ายบรรดาขุนนางในแผนกต่างๆ หรือไม่ บรรดาขุนนางที่ถูกโยกย้ายเป็นอันดับแรกก็คือคนตระกูลจ้งของพวกเรา เจ้ารู้ว่าหมายความว่าอย่างไรหรือไม่”

“อ้า” จ้งซูอวิ้นร้องออกมา นางจำได้แล้ว มีพระราชโองการฉบับนี้จริง เพียงแต่นางดีใจจนไม่ได้สนใจเนื้อหาของพระราชโองการฉบับนี้

เวลานี้นางถึงได้กระจ่าง มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา

ปัง!

องค์หญิงเฉิงหยางตบลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ “เพิ่งแต่งตั้งองค์รัชทายาท ฮ่องเต้ก็เริ่มกดขี่ตระกูลจ้ง เขากำลังระวังข้า! กลัวข้าแทรกแซงราชสำนักหรือ ช่างรังแกกันยิ่งนัก! ข้าเป็นน้องสาวของเขา เขายอมที่จะเชื่อเถาฮองเฮา ใช้งานตระกูลเถา แต่ก็ไม่ยอมเชื่อข้า ข้าไม่คุณค่าแก่ความเชื่อใจเพียงนั้นเชียวหรือ”

นี่คือสาเหตุที่ทำให้องค์หญิงเฉิงหยางโกรธเป็นอย่างมาก

ในสายตาของเสด็จพี่ เขาไม่อาจเทียบเถาฮองเฮาได้?

ตระกูลจ้งไม่อาจเทียบตระกูลเถาได้

นางโกรธอย่างมาก!

หากบุตรชายไม่ได้รั้งนางเอาไว้ เวลานี้นางคงเข้าวังเพื่อทูลขอคำอธิบายแล้ว

ไม่อาจรังแกกันเช่นนี้

“ท่านแม่โปรดระงับความโกรธ!” น้ำเสียงของจ้งซูหาวสุขุม “พวกเราได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนอยู่แล้ว”

“คาดการณ์ใดกัน! ข้าเป็นน้องสาวของเขา เป็นน้องสาวร่วมมารดา เหตุใดเขาจึงระแวงข้า เพราะกังวลว่าข้าจะแทรกแซงราชสำนัก? เถาฮองเฮาแทรกแซงราชสำนัก เขาไม่ระวัง แต่จงใจระวังข้า หมายความว่าอย่างไร ความไม่เป็นธรรมนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ทนไม่ได้”

องค์หญิงเฉิงหยางยิ่งพูดยิ่งโกรธ โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออก

จ้งซูหาวไม่รับร้อน “หลายปีนี้ ตระกูลจ้งมีการเคลื่อนไหวในราชสำนักด้วยฐานะของญาติฝ่ายนอกเสมอมา ถึงแม้จะไม่ได้ครอบครองตำแหน่งสูง แต่ตำแหน่งสำคัญก็มีเงาของคนตระกูลจ้ง ที่ผ่านมา ฝ่าบาทไม่ทรงแตะต้องตระกูลจ้ง เพราะตระกูลจ้งถือครองอำนาจ แต่ไม่เป็นภัยต่ออำนาจราชวงศ์

แต่เวลานี้แตกต่างกัน องค์ชายสามถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท พระอาการขอฝ่าบาทก็ไม่ดีขึ้น มีโอกาส…ตระกูลจ้งของพวกเรากลายเป็นญาติฝ่ายนอกที่ได้รับความสนใจที่สุดทันที

เมื่อองค์ชายสามขึ้นครองราชย์ น้องหญิงย่อมจะกลายเป็นฮองเฮา เมื่อถึงเวลานั้นหากตระกูลจ้งยังครอบครองตำแหน่งที่สำคัญ อิทธิพลของตระกูลเราย่อมน่ากลัวในสายตาของฝ่าบาท ฝ่าบาททรงต้องการกำจัดอุปสรรคแทนองค์ชายสาม อันดับแรกย่อมไม่อาจมีญาติฝ่ายนอกเป็นอุปสรรค ตระกูลจ้งของพวกเราย่อมต้องถูกกำจัดเป็นอันดับแรก

ส่วนตระกูลเถา ตระกูลเถาเสียหายสาหัส หลายปีนี้ยังไม่ฟื้นกลับมา นายท่านใหญ่ตระกูลเถาอ้างว่าป่วยจึงไม่ออกจากจวน เห็นได้ชัดว่าเขาละทิ้งอำนาจในราชสำนักแล้ว ตระกูลเถาไม่เป็นที่กังวลอีกต่อไป ตระกูลจ้งถึงจะเป็นภัยคุกคามใหญ่ จากมุมมองของฝ่าบาท การกดขี่ตระกูลจ้งเป็นเพียงหน้าที่ของกษัตริย์”

องค์หญิงเฉิงหยางตำหนิด้วยความโกรธ “เจ้าพูดเหลวไหล! เจ้ารู้แต่ยืนอยู่ในมุมมองของฮ่องเต้ เหตุใดจึงไม่ยืนอยู่ในมุมมองของคนตระกูลตนเอง”

จ้งซูหาวพูดอย่างหนักแน่น “ถึงแม้จะยืนอยู่ในมุมมองของคนตระกูลตนเอง ข้าก็คิดว่าเวลานี้ตระกูลจ้งสมควรถอยก้าวหนึ่ง อย่าได้เป็นที่สนใจมากนัก มีตระกูลเถาเป็นตัวอย่าง เวลานี้อย่าได้ตัดสินใจผิดพลาดเพียงเพราะความโกรธ”

องค์หญิงเฉิงหยางขุ่นเคืองอย่างมาก ถึงแม้นางจะรู้ว่าบุตรชายพูดมีเหตุผล แต่นางก็ยากที่จะทน

นางเป็นน้องสาวของฮ่องเต้ เป็นน้องสาวร่วมมารดา

บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดสนิทกับฮ่องเต้มากกว่านางอีกแล้ว

แต่ไม่คิดว่าเมื่อถึงเวลาสำคัญ คนที่เดินออกมากดขี่นางก่อนจะเป็นฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย

จะให้นางยอมรับได้อย่างไร

“เซียวเฉิงอี้ยังไม่ทันได้ขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้ก็กดขี่ตระกูลจ้งและข้าอย่างรับร้อน สุดท้ายแล้ว เขาก็แค่ไม่เชื่อใจข้า”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ หากแต่จำเป็นต้องทำ”

จ้งซูหาวสงบอย่างมาก เขาไม่รีบไม่ร้อน

ดูเหมือนเขาจะฝึกฝนจากประสบการณ์จนไม่ใช่เด็กหนุ่มในวันนั้นอีกแล้ว

“เจ้าอย่ามาเถียงข้า”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธมาก

บุตรชายไม่รู้จักคล้อยตามนางหรือ

จ้งซูหาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านแม่ ท่านต้องยอมรับผลนี้ เพราะรอจนองค์ชายสามขึ้นครองราชย์ ชีวิตของตระกูลจ้งอาจยิ่งยากลำบากขึ้น”

“เป็นไปได้อย่างไร” จ้งซูอวิ้นคัดค้านเป็นคนแรก “ท่านพี่ไม่ใช่คนแบบนั้น”

จ้งซูหาวทำหน้าบึ้ง “น้องหญิง เวลานี้เขายังเป็นเพียงองค์ชาย เจ้าย่อมรู้สึกสนิทใจ แต่เมื่อเขาเป็นฮ่องเต้ คนมักเปลี่ยนไป เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ อย่าคาดหวังมากเกินไป”

จ้งซูอวิ้นส่ายหน้าระรัว นางทั้งตระหนกทั้งกลัว นอกจากนี้ยังไม่อยากยอมรับ

นางกำเนิดในตระกูลที่ร่ำรวย อีกทั้งยังเป็นญาติฝ่ายนอก ย่อมรู้และเข้าใจว่าอำนาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของคนมากเพียงใด

นอกจากนี้นางก็เข้าใจว่าอำนาจของราชวงศ์สามารถเปลี่ยนให้คนกลายเป็นผี กลายเป็นคนโดดเดี่ยว…

เพียงแต่ส่วนลึกภายในใจของนางยังมีความหวัง

ยิ่งไปกว่านั้น ความสุขของนางคงอยู่ไม่ถึงหนึ่งวัน ท่านพี่ก็ใช้คำพูดโจมตีนาง บอกให้นางเตรียมตัวล่วงหน้า นางจะยอมรับได้อย่างไร

อย่างน้อยก็ให้นางได้ดีใจ อย่าดึงนางกลับมาความจริงเร็วเพียงนั้น

จ้งซูหาวไม่สนใจอารมณ์ของนาง พูดต่อ “นับแต่ฝ่าบาททรงออกพระราชโองการหลายฉบับนี้ก็สามารถมองออก ฝ่าบาทและเถาฮองเฮาทรงปรับความเข้าใจอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแบบที่พวกเราคิด ซึ่งหมายความรอ รอองค์ชายสามขึ้นครองราชย์ เถาฮองเฮาจะได้กอบกุมอำนาจอีกครั้ง ถึงแม้องค์ชายสามจะไม่มีเจตนากดขี่ตระกูลจ้ง แต่เถาฮองเฮาก็ไม่มีวันปล่อยตระกูลจังไป”

“นางกล้า!” องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจัด

จ้งซูหาวพูดอย่างใจเย็น “นางย่อมกล้า! นางเป็นพระพันปี กองทัพเหนือก็จะยืนอยู่ข้างนาง ในเมื่อฝ่าบาททรงให้ขั้นบันได้ตระกูลจ้งลงแล้ว พวกเราก็ต้องเดินลงตาม ตระกูลจ้งไม่จำเป็นต้องเป็นปรปักษ์กับฝ่าบาท”

องค์หญิงเฉิงหยางจับพนักเก้าอี้แน่น ไม่เต็มใจอย่างมาก

นางจ้องมองบุตรชาย “เจ้าไม่อยากประสบความสำเร็จ ไม่อยากมีผลงานบนราชสำนักหรือ เจ้าศึกษาทั้งบุ๋นทั้งบู๊แต่เด็ก ความสามารถไม่ด้อยกว่าผู้ใด เจ้าไม่อยากชื่อเสียงโด่งดังหรือ”

จ้งซูหาวหัวเราะ “ข้าไม่มีความปรารถนาเพียงนั้น”

“เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวัง บุรุษที่ดีย่อมมีความปรารถนาทั้งสี่ทิศ เจ้าเป็นบุตรชายของข้า เหตุใดจึงไร้ความทะเยอทะยานเช่นนี้”

จ้งซูหาวก้มหน้ายิ้ม “สิ่งใดคือความทะเยอะทะยาน การเป็นขุนนางใหญ่คือความทะเยอทะยาน หรือกลายเป็นขุนนางผู้กุมอำนาจถึงจะทะเยอทะยาน ข้าสามารถรักษามรดกของตระกูลจ้งเอาไว้ ไม่ให้ตระกูลจ้งล่มสลายในมือของข้าก็ถือว่าไม่ผิดต่อบรรพบุรุษแล้ว”

“เจ้าพูดเหลวไหล! หากต้องการให้มรดกของตระกูลจ้งไม่ล่มสลาย เจ้าก็ต้องเป็นขุนนาง เป็นขุนนางใหญ่ เพียงแค่เป็นญาติฝ่ายนอก ในไม่ช้าย่อมต้องถูกคนเฉือนเหมือนตระกูลเถา”

“ท่านม่อย่าลืม นายท่านตระกูลเถามีฐานะเทียบเท่าขุนนางตำแหน่งสูงสุด ไม่มีผู้ใดมีตำแหน่งสูงกว่าเขา สุดท้ายเป็นอย่างไร ศีรษะและตัวของเขาต้องแยกออกจากกัน”

“ไม่เหมือนกัน เซียวเฉิงอี้มีมโนธรรมยิ่งกว่าฝ่าบาท…”

“เฮ้อ…”

จ้งซูหาวถอนหายใจ “หากท่านแม่ฝากความหวังไว้กับมโนธรรมของคน ตระกูลจ้งวิกฤตยิ่งนัก!”

องค์หญิงเฉิงหยางพูดไม่ออกมา

จ้งซูอวิ้นพูดเสียงอ่อน “ไม่ว่าอย่างไรท่านพี่ก็ไม่ควรลงมือกับตระกูลจ้ง”

“ไม่ควร ไม่เท่ากับไม่ทำ บางครั้งสถานการณ์บีบบังคับ ทำให้จำเป็นต้องตัดสินใจที่โหดร้าย”

ขอบตาของจ้งซูอวิ้นแดงก่ำ “เหตุใดท่านพี่จึงชอบพูดจาหดหู่ คิดไปในทางที่ดีบ้างไม่ได้หรือ”

จ้งซูหาวหัวเราะเยาะตนเอง “ข้าก็อยากคิดในแง่ดี แต่สถานการณ์ในเวลานี้ ทำให้จำเป็นต้องเตรียมแผนการรับมือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พระอาการของฝ่าบาทไม่ทรงดี มีเวลาอีกไม่มาก โจรกบฏนับวันยิ่งอาละวาดหนัก ต่างเผ่าบุกรุกลงใต้ย่อยครั้ง

ภัยคุกคากจากภายในและภายนอกด ไม่ว่าผู้ใดได้ครอบครองบัลลังก์นั้น เมื่อถึงคราวที่จำเป็นก็ย่อมต้องใจร้าย เมื่อถึงเวลาที่ต้องกำจัด ผู้ใดจะรับรองได้ว่าตระกูลจ้งจะปลอดภัย ถึงแม้จะเป็นท่านแม่ผู้เป็นองค์หญิงของต้าเว้ยก็ไม่อาจรับปากว่าตระกูลจ้งจะรุ่งเรืองตลอดไป”

จ้งซูอวิ้นหลุบตาต่ำ ขอบตาเปียกชื้น รู้สึกอึดอัดใจ

จ้งซูหาวตบไหล่ของนาง “หากเป็นเมื่อสิบปีก่อน หรือแม้กระทั่งห้าปีก่อน ข้าคงไม่พูดจาเช่นนี้ แต่เวลานี้สถานการณ์เลวร้าย จำเป็นต้องเตรียมรับมือให้ดีที่สุด”

องค์หญิงเฉิงหยาง “ซูหาว ฟังจากที่เจ้าพูด เจ้าไม่คาดหวังต่อการเผชิญหน้าของกองทัพเหนือต่อราชวงศ์อูเหิง?”

“รอผลเถิด! เวลานี้ข้าพูดไปก็เท่านั้น!”