บทที่ 360 ปฏิบัติการ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 360 ปฏิบัติการ

บทที่ 360 ปฏิบัติการ

สองพี่น้องที่กำลังฝึกฝนวิชาอยู่ในจวนเจ้าเมืองพอรู้เรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตกใจมาก ทั้งสองหยุดฝึกฝนและรีบวิ่งไปที่กำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว!

พอเห็นกองทัพซอมบี้มากมายราวกับทะเลไร้ที่สิ้นสุดฉู่เหินก็ตกตะลึง

แบบนี้เกรงว่ายากจะจัดการเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดเรื่องซอมบี้เลยว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ทำให้พอเกิดเรื่องมันเลยยากจะควบคุม แต่ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็มีหน้าที่ต้องปกป้องเมืองนี้ให้ได้ รวมทั้งต้องพิชิตเหล่าซอมบี้ เพราะมีเพียงวิธีนี้ถึงจะสามารถออกไปจากเมืองโบราณได้และไม่มีโอกาสครั้งที่สอง

หลังจากฉู่เหินคิด ๆ ดูเขาก็โบกมือครั้งหนึ่ง ปลดปล่อยกระต่ายต้องสาปออกมา ร่างของกระต่ายต้องสาปเกาะอยู่บนไหล่ข้างหนึ่งของฉู่เหิน ดวงตาซ้ายขวามองซอมบี้ด้านล่างสักพัก จากนั้นดวงตามันก็ส่องแสง เริ่มใช้วิชาต้องสาป สาปพวกมัน

ต่อมาแมวนพเวทย์ก็แสดงวิชาภาพลวงตาของตัวเองออกมา หลังจากที่ใช้วิชาภาพลวงตา ซอมบี้จำนวนมากก็จมดิ่งอยู่ภายใต้จิตวิญญาณ พวกมันหันร่างไปสู้กันเอง

พอหวังจือหลินเห็นดังกล่าวก็รู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้ว มันสั่งให้ซอมบี้เหล่านี้ถอยกลับมาโดยด่วน ฉู่เหินคิดว่าแบบนี้คงยืดเวลาให้ประตูเมืองได้สักพัก ทว่าทุกคนรู้ดีถ้าไม่จัดการซอมบี้พวกนี้ พวกเขาจะเป็นอันตราย

หลังฉู่เหินเห็นว่าซอมบี้ถอยไปแล้วก็ยังไม่วางใจ เขาจำเป็นต้องคิดวิธีจัดการกับซอมบี้เหล่านี้ ไม่งั้นคงไม่รอดแน่ แต่เขาวิเคราะห์แล้วว่าซอมบี้เหล่านี้แข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไป และยังไม่มีอะไรรับประกันว่าจะไม่มีซอมบี้ที่แข็งแกร่งกว่านี้หรือเปล่า

พอเห็นซอมบี้ถอยไปแล้ว เขาก็กรอกตาครุ่นคิด อาศัยกำลังพลในเมืองไม่มีทางเอาชนะทัพซอมบี้ได้เลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวิธี

ถ้าเขาสร้างค่ายกลรอบเมืองโบราณด้านนอกเอาไว้ ก็พอจะมีทางตีเสมอซอมบี้พวกนี้อยู่

ที่สำคัญคือการสร้างค่ายกลจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบปริมาณเยอะมาก ตอนนี้บนของในแหวนมิติของเขาหมดแล้ว ไม่มีวัตถุดิบที่ใช้ได้เลย ดังนั้นการจะสร้างค่ายกลจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก นอกเสียจากจะมีวัตถุดิบมาให้เขาใช้งาน ไม่งั้นเขาก็คิดวิธีดี ๆ ไม่ออกแล้วเหมือนกัน

“น้องฉู่ เรื่องมาถึงขนาดนี้เพราะนับตั้งแต่ที่สองคนนี้มาถึง บททดสอบก็ได้เริ่มขึ้น เพียงแต่น่าเสียดายที่หนึ่งในสองกลายเป็นแม่ทัพของซอมบี้ไปแล้ว พอมันเป็นแบบนี้ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับพวกเรามากขึ้น ไม่รู้ว่าในตอนนี้น้องฉู่มีความคิดดี ๆ ไหม”

อาจารย์ซูตอนนี้ปวดหัวมาก หวังจือหลินคนนั้นพอเข้าไปในทัพซอมบี้แล้วพลังวรยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีความเป็นไปได้ว่าภายในครึ่งเดือน วรยุทธ์ของหวังจือหลินจะยิ่งเพิ่มขั้นมากกว่านี้อีก เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าคนทั้งเมืองก็คงไม่ใช่คู่มือของเขาแล้ว

วรยุทธ์ของพวกซอมบี้นั้นไม่เหมือนกับของมนุษย์ พวกมันสามารถดูดกลืนเซลล์เลือดของซอมบี้ตัวอื่นมาได้ ด้วยวิธีนี้จะทำให้สามารถดูดพลังซอมบี้ตัวอื่นมาเป็นพลังของตนเองได้ อีกไม่นาน หวังจือหลิน คงทะลวงพลังกลายเป็นขั้นราชันดาราเป็นแน่

ถ้ามันบ้าเลือด จนกลายเป็นขั้นจักรพรรดิดาราขึ้นมา พวกเขาคงต้องตายกันหมดทั้งเมือง มนุษย์นั้นจะแข็งแกร่งต้องค่อย ๆ ฝึกฝน การฝึกฝนที่รวดเร็วเกินไปเกรงว่าจะส่งผลต่อรากฐานพลังของตัวเอง การจะเอาชนะเหล่าซอมบี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย

“ท่านเจ้าเมือง ที่จริงผมมีอยู่วิธีหนึ่ง คือผมรู้วิชาค่ายกลไม่น้อย แต่การจะสร้างค่ายกลจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบมากมาย ไม่ทราบว่าในเมืองพอจะหามาได้ไหมครับ” หลังได้ยินที่ฉู่เหินกล่าว ชายชราก็เงียบลงก่อนจะถอนหายใจ

“ต้องบอกความจริงกับน้องฉู่ก่อน เมืองโบราณแห่งนี้เป็นเมืองปิดตายเมืองหนึ่ง หลายปีมาแล้วไม่สามารถเข้าออกได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีวัตถุดิบแต่มันถูกใช้จนหมดไปแล้ว แต่ทางทิศตะวันออกห่างออกไป 30 ไมล์ มีเหมืองแร่อยู่แห่งหนึ่ง ในนั้นคล้ายจะมีเพชรระดับหกอยู่ด้วย…เห้อ”

หลังจากถอนหายใจชายชราก็พูดต่อ “เพียงแต่น่าเสียดาย ที่นั่นอันตรายมาก การจะไปที่เหมืองแล้วเอาวัตดุดิบกลับมามันยากเกินไป”

เมื่อได้ยินแบบนี้ฉู่เหินก็ขมวดคิ้ว การจะต่อสู้กับซอมบี้เขาจำเป็นต้องหาวัตถุดิบ ถ้ามีวัตถุดิบเพียงพอก็จะสามารถสร้างค้ายกลได้ ตอนนี้เขาได้เลื่อนพลังจนเป็นขั้นทรราชดาราระดับ 3 แล้ว ถ้าสร้างค่ายกลขึ้นมาได้ต่อให้เป็นขั้นราชันดารา มันก็สามารถตายได้เช่นกัน

ดังนั้นตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือจะทำอย่างไรถึงจะได้วัตถุดิบเหล่านี้มา ถ้าได้วัตถุดิบมาแล้วการจะต่อสู้กัยซอมบี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“พี่งั้นก็ให้น้องชายคนนี้ไปเอาวัตถุดิบที่นั้นกลับมาเถอะ ต่อให้ผมอยู่ในเมืองก็ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่สู้ให้ผมออกไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อย” ฉู่ฉุนที่เห็นพี่ชายตัวเองขมวดคิ้วครุ่นคิด ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออก

“ไม่ได้ นายไปไม่ได้เดี๋ยวพี่จะหาห้องฝึกวรยุทธ์ดี ๆ ให้นายสักห้อง! เรื่องพวกนี้ให้ฉันทำเองเถอะ!” ฉู่เหินจะให้น้องชายที่เพิ่งรู้จักไปเจออันตรายได้ยังไง เขาปฏิเสธเสียงแข็งโดยไม่ต้องคิดถึงเหตุผลด้วยซ้ำ

“น้องฉู่ ฉันขอพูดสิ่งที่นายไม่อยากได้ยินสักประโยค เดิมทีน้องฉู่เป็นคนที่แอบเข้ามา ดังนั้นการที่น้องฉู่แข็งแกร่งขึ้นน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่น้องชายคนนี้ไม่เหมือนกัน ถ้าวรยุทธ์เขาเพิ่มหนึ่งขั้น ซอมบี้ก็จะมากกว่าอีกสองขั้น! อย่าพึ่งให้เขารีบฝึกวิชาเลย”

พอได้ยินแบบนี้ฉู่เหินก็ขมวดคิ้ว ฉู่เหินไม่รู้ว่าวันนี้เขาขมวดคิ้วเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว ดูเหมือนว่าการจะชนะศึกครั้งนี้จะยุ่งยากมากจริง ๆ ทว่าหลังจากเขากรอกตารอบหนึ่ง อยู่ ๆ เขาก็คิดออกมาได้อีกหนึ่งวิธี

“ท่านเจ้าเมือง ตอนนี้ผมมีอีกวิธีแล้ว เพียงแต่วิธีนี้ยังไม่อาจพูดออกมาได้ ถ้าพูดออกมาเกรงว่าแผนจะไม่ได้ผล! ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะเชื่อใจผมหรือไม่”

อาจารย์ซูพอได้ยินประโยคนี้ของฉู่เหินเขาก็ไม่ลังเลที่จะพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่าเขาเชื่อฉู่เหิน แม้ว่าเขาจะรู้จักฉู่เหินไม่นาน แต่เขาก็รู้ว่าฉู่เหินเป็นคนที่สามารถเชื่อใจได้!

“ดี ในเมื่อน้องฉู่มีแผนแล้ว งั้นพี่คนนี้ก็จะไม่พูดอะไรมาก การสั่งการรบในวันนี้ขอยกให้น้องฉู่ คนในเมืองที่เป็นทหารรวมทั้งหมด 3200 คน ทั้งหมดจะทำตามคำสั่งของน้องฉู่ ไม่ต้องห่วง พวกเราทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เชื่อใจพวกเราได้เลย!”

สิ้นประโยคนี้เจ้าเมืองก็วางป้ายสั่งการรบไว้บนมือของฉู่เหิน ในขณะเดียวกันคนนับร้อยที่อยู่ตรงกำแพงเมืองต่างก็คุดเข่าลงกับพื้น ผสานมือทั้งสองข้างแล้วพูดกับฉู่เหินเสียงดัง “เชิญท่านสั่งการ!”

“ดี ในเมื่อทุกคนเชื่อในตัวฉันคนนี้ ฉันก็จะทำให้พวกนายชนะ! วันนี้ฉันขอให้ทุกคนรับปาก ถ้าทุกคนร่วมมืออย่างจริงใจ สามารถปฏิบัติภารกิจได้โดยเชื่อในตัวฉัน ฉันก็จะทำให้ทุกคนออกไปจากเมืองโบราณแห่งนี้ให้ได้!” หลังจากเหล่าทหารได้ยินดังนั้น ก็ข่านรับเสียงดัง จนทำให้เมืองโบราณสั่นสะเทือนทั้งเมือง

“ตอนนี้ฉันจะแบ่งทุกคนออกเป็นสี่กองทัพ กองกำลังที่หนึ่งจะให้เจ้าเมืองเป็นผู้รับผิดชอบ! ท่านเจ้าเมืองนี่เป็นถุงใบหนึ่ง ให้ท่านพาทหาร 500 คนไปที่ประตูทิศตะวันออก เมื่อถึงประตูตะวันออกแล้วค่อยเปิดออกมาดู ข้างในจะมีขั้นตอนต่อไปว่าให้ท่านทำอะไรต่อ ได้ยินชัดแล้วนะครับ!”

เมื่อเจ้าเมืองได้ยินดังนั้น ก็ก้าวถอยหลังรับคำสั่ง! จางเชิง ตงฉวี่ทั้งสองคนเองก็แยกทหารออกเป็น 500 คนเช่นกันไปยังประตูทิศใต้และเหนือ การปฏิบัติการทั้งหมดเป็นไปอย่างตึงเครียด ไม่มีใครกล้าหย่อนหยาน