บทที่ 245 สามยอดบัญฑิตคือใคร

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 245 สามยอดบัญฑิตคือใคร

ในไม่ช้า ระบบของเสี่ยวเถียนก็เริ่มต้นภารกิจใหม่

ภารกิจนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเถียน แต่เกี่ยวข้องกับพี่ชายทั้งสามที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ชื่อภารกิจว่า ‘สามยอดบัญฑิต’

เสี่ยวเถียนตะลึงงัน สามยอดบัญฑิตเป็นชื่อที่ดีนะ หากแต่มันยากมากที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ

อีกอย่างภารกิจของมันคือ ‘สามยอดบัณฑิต’ ไม่ใช่ “สอบติดจอหงวน”

เห็นได้ชัดเลยว่าระบบกำหนดให้ต้องสอบผ่านที่เดียวทั้งสามคน พูดง่ายอะไรแบบนี้?

พี่สามเรียนหนังสือเก่ง แต่พี่ใหญ่กับพี่รองจะแย่กว่านิดหน่อย

สุดท้ายแล้วเขาจะได้ทำคะแนนได้อย่างไร เรื่องแบบนี้มันพูดยากเหลือเกิน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้อันดับหนึ่ง สอง และสาม มันจะยากเกินไปแล้ว

เดี๋ยว ๆ สามยอดบัญฑิตมันระดับไหน? ไม่ใช่เอาระดับประเทศหรอกใช่ไหม?

ภารกิจนี้อาจได้ทำตลอดชีวิต

“แอนนา เธอบอกฉันได้ไหมว่าข้อกำหนดของภารกิจมันอยู่ระดับขอบเขตไหน?”

เสียงอันแผ่วเบาของแอนนาดังขึ้น [อาจเป็นระดับอำเภอ ระดับเมือง ระดับจังหวัด แน่นอนว่ามันสามารถเป็นระดับประเทศได้เช่นกัน แต่…]

“แต่อะไรนะ?” เสี่ยวเถียนรีบถามเมื่อระบบหยุดพูดอย่างกะทันหัน

“แต่การสอบปีนี้จัดแยกกันเป็นรายจังหวัด จึงไม่สามารถตัดสินอันดับระดับประเทศได้!”

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เสี่ยวเถียนไม่ได้พูดอะไรไปครู่หนึ่ง

“แล้วภารกิจนี้มันมีอะไรน่าสนใจ?” เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าเพราะระดับมันแตกต่างกัน หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ รางวัลก็ไม่น่าจะเหมือนกัน

[แน่นอนว่ามีสิ่งที่แตกต่างออกไปค่ะ รางวัลของภารกิจจะเพิ่มขึ้นสองเท่าแล้วก็เพิ่มขึ้นอีก!] แอนนายังคงพูดต่อไป

เด็กหญิงบ่นอุบอิบ “แอนนา คงดีจะถ้าเธอมอบภารกิจของฉันออกมาบ้างนะ!”

ภารกิจที่ปล่อยออกมามีแต่ของคนอื่นทั้งนั้น อำนาจความเป็นความตายของคนอื่นอยู่ในกำมือเธอได้ง่ายดายแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลย

เสียงดูถูกเหยียดหยามของระบบแอนนาดังออกมา [ด้วยความทรงจำของคุณในตอนนี้ สอบจอหงวนอะไรนั่นมันไม่เท่าไรหรอก! จะให้มอบภารกิจอะไรแบบนี้ออกมา คิดว่าฉันโง่หรือไง?]

เสี่ยวเถียนพูดไม่ออก เธอโง่เอง!

เอาเถอะ เธอเชื่ออยู่แล้วว่าพี่ชายทั้งสามต้องสอบได้สามอันดับแรกแน่ ๆ แต่ก็อย่างที่ว่า แค่อยากได้บางอย่างรับประกันเล็กน้อย

แต่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?

มันพอที่ไหนกันเล่า!

เสี่ยวเถียนเริ่มฝึกปีศาจ

มีอีกหลายคนที่เล่าเรียนด้วยความยากลำบาก และต้องถูกน้องสาวกระตุ้นอยู่ทุก ๆ วัน พวกเขาก็ต้องทำข้อสอบพวกนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เด็ก ๆ บ้านซูได้เปรียบกว่าบ้านคนอื่นมาก

พวกเขามี ‘หนังสือชุดการเรียนรู้ด้วยตัวเองแขนงวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์’ สองชุด รวมถึงเอกสารแนวข้อสอบจำลองที่เสี่ยวเถียนจัดเตรียมไว้ให้เพื่อทบทวน

อีกทั้งยังมีฉือเก๋อที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ยิ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

การฝึกปีศาจของเสี่ยวเถียนทำให้ความก้าวหน้าของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น แม้แต่ฉือเก๋อก็ยังบอกว่าเขาไม่เคยเห็นนักเรียนที่มีพัฒนาการเร็วขนาดนี้มาก่อน

วันเวลาที่แสนยุ่งวุ่นวายมักจะผ่านไปเร็วเป็นพิเศษเสมอ เวลาวันแล้ววันเล่าได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จะว่าไปแล้วตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนถึงวันเข้าร่วม ก็ใช้เวลาแค่เดือนกว่า ๆ

ชั่วพริบตาก็เป็นวันที่สิบเดือนสิบสอง

กำหนดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยคือวันที่สิบเอ็ดเดือนสิบสอง

บ้านซูรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม แม้แต่คุณย่าซูก็ยังประหม่าจนไม่รู้จะวางมือไว้ที่ไหน

ซูเสี่ยวเถียนเห็นคนที่บ้านเป็นแบบนี้ ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

“คุณย่า ทำไมเครียดจังคะ?”

“เด็กคนนี้ อายุยังน้อยน่ะซี่ จะไปเข้าใจอะไร!”

หญิงชราคิดว่าหลานไม่เข้าใจเพราะยังเด็กอยู่ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเถียนรู้อะไรเยอะแยะมากมาย

“คุณย่า คะแนนของพวกพี่ ๆ อยู่ในเกณฑ์ดีนะ ไม่อยากจะพูดเลย แต่พวกเราสอบได้อันดับ

แรก ๆ ของอำเภอโดยไม่มีปัญหาแน่ ๆ”

คุณย่าซูอดหัวเราะไม่ได้ และคิดว่าซูเสี่ยวเถียนโง่เขลา

ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาก็เป็นแค่คำพูดของเด็ก

อันดับหนึ่งของตำบลอะไรกัน? มีเมืองตั้งเยอะ จังหวะตั้งแยะ มีคนมาสอบตั้งมากมาย

ได้ยินมาว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะถูกคัดเลือกทั่วประเทศ และคนที่สอบได้ที่ดีที่สุดในอำเภอจะได้ไประดับประเทศ ไม่ต้องอยู่แนวหน้าก็ได้

เสี่ยวไม่เข้าใจความคิดของย่า ไม่งั้นก็คงพูดแล้วว่าย่าคิดได้อย่างรอบคอบมากเลย

แต่หญิงชราไม่รู้ว่าความกังวลใจของคนในบ้านจะส่งผลต่อจิตใจของคนไปสอบด้วย

“คุณย่าไม่ต้องกังวลนะ ราชามังกรบอกว่าพวกพี่ ๆ ต้องสอบได้อย่างแน่นอน!”

ตอนเสี่ยวเถียนพูด มีแค่หญิงชราเท่านั้นที่ได้ยิน

คุณย่าซูเป็นคนที่เชื่อในคำพูดหลานสาวง่ายที่สุด แต่ก็เป็นคนที่มั่นคงที่สุดในบ้านเช่นกัน

เพิ่งแค่ทำให้คุณย่าซูสงบจิตสงบใจลงได้ ทุกคนก็จะสงบลงได้เหมือนกัน

ในไม่ช้า หญิงชราก็ไปทำอาหารอย่างมีความสุข ไม่มีความเครียดอีกต่อไป

อารมณ์ของคุณย่าซูผ่อนคลายลง ซึ่งทำให้ทุกคนภายในครอบครัวรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย

แม้แต่ผู้ที่รวมเข้าสอบด้วยก็เช่นกัน

ตอนที่เสี่ยวเถียนกระซิบบอกกับย่า และอีกฝ่ายก็ผ่อนคลายหลังจากนั้น ทุกเหตุการณ์ฉือเก๋อเห็นได้ชัดเจน

เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับย่าของตนเอง

“เสี่ยวเถียน เมื่อกี้หนูพูดอะไรกับย่าหรือ ทำไมย่าหนูถึงดูไม่ร้อนรนแล้วล่ะ”

เสี่ยวเถียนไม่มีทางปริปากบอกเรื่องราชามังกรกับฉือเก๋อแน่ ๆ จึงเลี่ยงหาเหตุผลอื่นบอกเขาออกไป

“คุณปู่ฉือคะ หนูเพิ่งบอกว่าถ้าพี่ ๆ สอบไม่ได้ คนอื่นก็อย่าคิดว่าจะได้เลยค่ะ!”

ชายชราหัวเราะลั่น “หลานเชื่อมั่นขนาดนี้เลยหรือ?”

เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน

“แน่นอนสิคะ พี่ ๆ เคยสอบได้อันดับแรก ๆ ช่วงนี้ก็ทบทวนบทเรียนกันอย่างหนัก แถมได้คุณปู่ฉือยังมาสอนอีก ถ้าสอบไม่ผ่านก็แปลกแล้ว!”

สิ่งที่เสี่ยวเถียนพูดทำให้ฉือเก๋อไม่รู้จะพูดอะไร

แต่จากประสบการณ์การสอนมาหลายปีของเขา กลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร

เด็กบ้านซูโดดเด่นจริง ๆ ถึงจะไม่รับประกันได้ว่าจะได้อันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่ก็อยู่อันดับต้น ๆ ของอำเภอ

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยพวกเขาจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน

“สาวน้อยพูดถูก พวกพี่ ๆ สอบได้คะแนนดีจริง ๆ ระดับของพวกเขาในตอนนี้ต่อให้เป็นสิบปีก่อนก็ไม่รั้งท้ายเลย นับประสาอะไรกับตอนนี้ล่ะ!”

เสี่ยวเถียนเข้าใจความหมาย สิบปีมานี้ไปโรงเรียน แต่ไม่ได้เรียนอะไรมาเลย

วันที่หนังสือเล่มเล็กสีแดง หนังสือ ‘พื้นฐานคนงาน’ และหนังสือ ‘พื้นฐานการเกษตร’ เผยแพร่ไปทั่วโลก

มีหลายคนที่ได้ยินว่าจบจากชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลาย แต่กลับมีความรู้ไม่สูง

“คุณปู่ฉือคะ ถ้าพี่ ๆ ได้ยินคงจะไม่รู้สึกประหม่านะคะ”

“พวกเขาไม่ประหม่าแล้ว ไม่เห็นหรือว่าพี่ใหญ่กับพี่รองกำลังจะไปตักน้ำมาต้มเตรียมอาบน่ะ?” ฉือเก๋อเอ่ยแซว

เสี่ยวเถียนมองดู ก็ดูเหมือนจะเป็นจริงอย่างที่ว่า

พี่ชายทั้งสองง่วนอยู่กับการไปตักน้ำ บอกว่าอยากสระผมให้สะอาด จะได้สดชื่นก่อนเข้าห้องสอบ

โอ้!

เด็กหญิงคิดว่าพอคุณย่าไม่เครียด ทุกคนก็จะไม่รู้สึดเครียดตามไปด้วย

หลังจากมื้อค่ำอันหรูหรา ที่บ้านไม่มีเสียงพูดคุยอะไรเลย

เช้าวันต่อมา อาหารเช้าบนโต๊ะมากมายตระการตา

คุณย่าซูยืนกรานที่จะทำอาหารด้วยตัวเอง แม้กระทั่งไปร้านอาหารข้างนอกเพื่อไปซื้อปาท่องโก๋แท่งยาวมาหลาย ๆ แท่ง โดยไม่ตัดแบ่ง และให้เด็ก ๆ คนละอัน

นอกจากนี้ยังมีไข่สองฟองต่อคน

อาหารเช้าแบบนี้ถือว่าฟุ่มเฟือยมาก แม้แต่เสี่ยวเถียนเองก็ยังตกใจ

แค่มื้อเช้ามื้อเดียว แต่คุณย่าเอาไข่ไก่ของทั้งครอบครัวที่เก็บไว้กินสำหรับหนึ่งเดือนมาทำอาหาร ใครมาเห็นเข้าคาดว่าคงตกใจตาย!

“ย่าได้ยินคนพูดว่าถ้ากินปาท่องโก๋จะสอบได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม พวกหลานรีบกินเร็วเข้า กินอิ่มแล้วจะได้ไปสอบ”

คุณย่าซูไม่เข้าใจว่าทำไมการกินปาท่องโก๋กับไข่ถึงได้หนึ่งร้อยคะแนนในการสอบ แต่การที่คนพูดแบบนั้นน่าจะมีเหตุผล

เสี่ยวเถียนอดหัวเราะไม่ได้ คุณย่าสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?

“คุณย่ารู้ไหมว่าทำไมถึงไม่เป็นเช่นนั้น”

พอเห็นพวกพี่ ๆ ประหม่าเพราะคำพูดของย่า เสี่ยวเถียนก็กลอกตาคิดจะว่าทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาจึงเอ่ยถามออกไป

คุณย่าซูไปไหน รู้ไหมว่าไปทำไม เธอเป็นผู้หญิงสูงวัยเพียงคนเดียว ถึงคนที่บ้านจะตั้งใจเรียนแต่เธอก็อ่านไม่ออก ฟังไม่เข้าใจ

ตามเรียนได้สักพัก วันนี้เรียนได้ พรุ่งนี้ก็ลืมแล้ว สุดท้ายก็เขียนชื่อตัวเองไม่ได้เลย

ทุกคนเห็นสีหน้าหญิงชราก็หัวเราะครืนออกมา

การสอบสองวันนี้จบลงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดโส่วเวินและคนอื่น ๆ ก็ระบายความตึงเครียดออกไป

พวกเขาจำคำตอบของคำถามเอาไว้ แล้วเอามาเทียบกัน

ส่วนคนที่ไม่มั่นใจ ก็ให้ฉือเก๋อสอน

หลังจากที่อีกฝ่ายยืนยันคำตอบให้ หัวใจพวกเขาพลันโล่งขึ้นในที่สุด

หลังจากผ่อนคลายกันแล้ว ความเหนื่อยล้าที่หมุนเวียนมานานกว่าหนึ่งเดือนก็หายไป พอกินเสร็จพวกเขาแทบทนรอขึ้นเตียงไปนอนไม่ไหว