ผู้คนที่อยู่ในงานนั้น บางคนก็รู้ว่าโจวเหวินซิ่วเป็นแม่ของสือมูเฉินและสือมูชิง แต่ก็มีคนที่ไม่รู้
แต่เมื่อเห็นหลานเสี่ยวถางพูดแบบนั้นออกมา ทันใดนั้นทุกคนต่างก็รู้สึกทึ่งไปเลย
สรุปแล้วสือมูเฉินกับหลานเล่อซินเคยมีอะไรด้วยกันหรือไหม โดยคาดไม่ถึงเลยว่าแม่แท้ๆจะพาผู้หญิงที่ตั้งท้องมาโผล่มาในงานแต่งของลูกชายแท้ๆของตัวเองแถมยังเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย และทำลายงานแต่งของลูกชายตัวเอง แค่นี้ก็ทำคนรู้สึกกลัวกันแล้ว !
คนที่อยู่ในงาน ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวย แล้วก็ยังมีอีกไม่น้อยที่เป็นคนในแวดวงการเมืองกับทหาร ต่างก็เคยเห็นเรื่องแปลกๆมาไม่ใช่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นเลยจริงๆ !
ในขณะที่หลานเสี่ยวถางพูดนั้น สายตาก็มองไปยังหลานเล่อซิน : “ หลานเล่อซิน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่ท้องได้ยังไง แล้วยิ่งไปกว่าฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าพ่อของเด็กในท้องเป็นใคร แต่ทว่าฉันเคยเห็นกับตาว่าพี่เคยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นแบบนี้มาหลายครั้ง !”
“ โอ้พระเจ้า !” คนที่อยู่บริเวณรอบๆต่างก็ประหลาดใจ : “ หลายคน……”
“ ที่แท้ผู้หญิงที่ท้องคนนี้ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาแบบที่พวกเราคิดเอาไว้เลย……”
“ อีกทั้งเจ้าสาวก็ยังเคยเห็นมาแล้วด้วย ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า จำนวนครั้งที่ไม่เคยเห็นและจำนวนคนก็ยังไม่รู้ว่ามันมีเท่าไหร่ !”
หลานเล่อซินได้ยินคนที่อยู่บริเวณรอบๆนั้นต่างก็วิพากษ์ วิจารณ์กันและดูเหมือนว่าจะย้ายฝั่งกันเรียบร้อยแล้ว เธอรู้สึกร้อนใจเล็กน้อยและหันไปพูดกับสือมูเฉิน : “ มูเฉิน อันที่จริงวันนั้นคุณโดนวางยาจริงๆ แต่มันก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าคุณกับฉัน……มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว……ฉันไม่รู้ว่ารอยแผลที่ขาของคุณได้มายังไง แต่ฉันรู้แค่ว่าหลังจากวันนั้นมาฉันก็ท้องแล้ว ! และทำไมคุณถึงไม่ต้องการพวกเราสองคนแม่ลูก หรือว่าเป็นเพราะว่าพ่อของเสี่ยวถางเป็นพลโทอยู่ในกองกำลังทหารป้องกันประเทศอย่างนั้นหรอ ?”
ในขณะที่พูดนั้น เธอก็ชี้ไปที่พ่อแม่ของตัวเอง : “ ฉันเป็นครอบครัวที่ล้มละลาย พ่อแม่ของฉันไม่มีอะไรเหลือ ! แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยหมั้นกันมาก่อนนิ ! ในตอนนั้น ตอนที่คุณอยู่กับฉัน คุณลืมมันไปแล้วหรอ ?”
คนที่อยู่บริเวณรอบต่างก็ได้ยินเรื่องที่สือมูเฉินเคยหมั้นมาก่อน
ในตอนนั้น หลานเล่อซินจากไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าว มันถือว่าสือมูเฉินนั้นถูกทิ้ง และในเวลาเดียวกัน สือมูเฉินก็ถูกตัดออกจากตำแหน่งของ Times Group
สือมูชิงต้องการที่จะเอาชนะเขา ดังนั้นเป็นว่าเรื่องนี้หลานเล่อซินก็เลยตั้งใจที่จะทิ้งสือมูเฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทุกคนต่างก็รู้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเป็นการดูหมิ่นและทำลายศักดิ์ศรีของสือมูเฉินซึ่งหน้า
ดังนั้นแล้ว เป็นเพราะว่าคำพูดเดิมของหลานเสี่ยวถาง และบรรดาคนที่มีแนวโน้มจะเชื่อสือมูเฉินในขณะนี้ก็ยังมีความเอนเอียงและเริ่มที่จะไม่แน่นอน
คนเราก็มักจะเป็นแบบนี้ พอเห็นมีใครที่สูงส่ง ดีเลิศไปสักทุกอย่าง ก็จะเริ่มแอบคิดว่าบางทีเขาอาจจะมีจุดด้อยที่ใครไม่รู้ เพียงแต่ว่าพวกเรามองไม่เห็น
ดังนั้น ณ เวลานี้ในขณะที่มีคนอิจฉาและชื่นชมในตัวสือมูเฉิน ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแอบปลาบปลื้มในใจ แท้ที่จริงแล้วบนโลกนี่ก็ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบหรอก ! ดูอย่างสือมูเฉินที่ไม่มีจุดด่างพร้อยอะไรนี่สิ ก็ไม่วายมีเรื่องเจ้าชู้แบบนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมาทะเลาะกันในงานแต่ของเขาอีก ? !
หลานเสี่ยวถางคิดไม่ถึงเลยว่าหลานเล่อซินจะไร้ยางอายขนาดนี้ ในใจของเธอเอาแต่มองไปท้องของหลานเล่อซินและพูดว่า : “ ดีเลย ในเมื่อพี่หลานเล่อซินพูดอย่างนี้แล้ว อีกอย่างคนที่อยู่ในงานวันนี้ต่างก็เป็นคนในแวดวงการเมืองและธุรกิจ และในวันนี้ฉันขอให้ทุกคนที่เป็นพยานรู้เห็น !”
เธอพูดทีละคำทีละประโยคว่า : “ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะหาพยาบาลและนักโภชนาการเฉพาะด้านมาให้คุณหลานซิน แล้วก็รอให้ลูกของคุณหลานเล่อซินคลอดออกมา ! พอหลังจากการคลอดแล้ว ก็ให้มูเฉินพิสูจน์ความเป็นพ่อในทันที ! ถ้าหากว่าเป็นลูกของมูเฉินจริง ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แล้วก็จะยอมถอยให้ในทันที ! แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ คุณหลานเล่อซินที่พูดออกมาอย่างไม่ยั้งคิด พวกเราจะขอสงวนสิทธิ์ตามกฎหมายในการดำเนินคดีหมิ่นประมาทและปลุกปั่นข่าวลือนี้ !”
แต่เดิมหลานเล่อซินรู้สึกจิตสงบเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรเธอก็จำความสัมพันธ์กับสือมูเฉินในวันนั้นได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าพอกลับเห็นหลานเสี่ยวถางมีท่าทีโต้ตอบแบบนี้ เธอก็เริ่มกังวลใจเล็กน้อย
น้ำเสียงของเธอก็ดูอ่อนแอลง : “ แล้วถ้าเกิดว่าพวกคุณตั้งใจที่จะฆ่าลูกฉันละ ? ไม่ยอมให้เขาเกิดออกมาละ ?”
หลานเสี่ยวถางพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดียวและแน่วแน่ว่า : “ ถึงแม้ว่าจะตายในท้อ มันก็ยังสามารถที่จะพิสูจน์ความเป็นพ่อได้ ! และพอผ่านไปอีก 2 เดือน ก็สามารถที่จะเจาะถุงน้ำคร่ำแล้วนำมาพิสูจน์ได้ ถ้าหากว่า เรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันยังคงได้ผล ”
ในเวลานั้นเอง ในใจหลานเล่อซินก็ยิ่งร้อนลนมากยิ่งขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะหันไปหาโจวเหวินซิ่วเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ในเวลานั้น เป็นเพราะว่าหลานเสี่ยวถางนั้นใจร้อน ก็เลยทำให้ตัวสั่นเล็กน้อย
เมื่อกี้เธอเห็นจากด้านหลังของสือมูเฉินมีอาการซึมเซาเล็กน้อย และในหัวของมันก็ร้อนระอุขึ้นมาเอง
แต่ตอนนี้พอคิดได้ ด้านล่างที่นั่งอยู่นั้นล้วนแต่เป็นคนทั่วทุกแห่ง เมื่อกี้เธอนี่ช่าง……จริงๆสักเลย พอมาในตอนนี้แล้วลองนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย
เธอหันกลับไปมองสือมูเฉินที่ข้างๆ ทันใดนั้นพอนึกอะไรขึ้นได้ ก็อดไม่ได้ที่จะวางไมโครโฟนลง แล้วลดเสียงลงแล้วพูดกับเขาว่า : “ มูเฉิน ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ฉันใจร้อนไปหน่อย ก็เลยเปิดรอยแผลของคุณ ตอนนี้ ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าคุณกับแม่ของคุณ……”
เขาเป็นคนที่แคร์ศักดิ์ศรีมาก ปกติแล้วไม่ว่าจะความเจ็บปวดอะไรก็จะเป็นคนที่กลืนมาลงท้องทั้งหมด เมื่อกี้เป็นเพราะใจร้อนไม่ว่าอะไรก็เลยพูดออกไปหมด พอตอนนี้มาคิดดู มันเหมือนกับการเปิดโปงความเจ็บปวดที่ก่อนหน้านี้เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะลืมมัน
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเสียใจในภายหลังเล็กน้อย อีกทั้งยังกังวลยิ่งกว่าว่าสือมูเฉินนั้นจะโกรธหรือเปล่า
แต่เขากลับจับมือของเธอเอาไว้ : “ เสี่ยวถาง ผมไม่ได้โทษคุณหรอก แต่ผมกลับต้องขอบคุณคุณมากกว่า ผมโตมาขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ต่อหน้าสาธารณะชนและยังเป็นโอกาสอีกด้วยที่มีคนยืนอยู่หน้าผมและก็คอยปกป้องผมไม่ว่าจะเกิดขึ้นก็ตาม ”
นิ้วของเขาสอดไปที่นิ้วของเธอ สิบนิ้วเกาะเกี่ยวกันแน่น : “ การที่เป็นวีรบุรุษมาโดยตลอดมันไม่ได้ทำให้รู้สึกประทับใจขนาดนั้น แต่เมื่อเธอข้างผมแล้วเป็นคนที่จำเป็นต้องมีคนคอยปกป้อง คุณจะกลัว และอาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่คุณกลับทุ่มกำลังสุดตัวเพื่อที่จะปกป้องผม นี่ต่างหากที่สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ”
สือมูเฉินหยิบไมโครโฟนมาจากในมือของหลานเสี่ยวถาง และพูดกับทุกคนที่อยู่ในงาน : “ ทุกท่านครับ วันนี้เป็นงานแต่งงานระหว่างผมกับเสี่ยวถาง แต่กลับเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้น ผมต้องแสดงความขอโทษต่อทุกท่าน ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกเรื่องที่จะต้องประกาศให้ทุกท่านทราบ !”
เมื่อเสียงพูดของเขาเบาลงสถานการณ์ในงานก็เงียบ
สือมูเฉินหันไปหาโจวเหวินซิ่วพร้อมกับพูดว่า : “ เรื่องที่เสี่ยวถางพูดในวันนี้เป็นเรื่องจริงครับ เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในวิดีโอนั้น เป็นเพราะว่าผมถูกวางยา และยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นฝีมือของแม่แท้ๆของผม ! ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังวางยาคุมกำเนิดในระบบกรองน้ำของที่บ้านผมเป็นจำนวนมาก เพื่อหวังให้ผมนั้นไม่มีแม้กระทั่งลูกของตัวเอง และที่หลานเสี่ยวถางท้องได้ ก็เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้ย้ายไปพักที่บ้านของพ่อตาผมเป็นระยะเวลาหนึ่ง !”
พอได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ทั้งงานก็เงียบสงัด
บนโลกนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีแม่แบบนี้ ที่คอยวางยาลูกตัวเอง แล้วก็ยังไม่ให้มีทายาทอีกด้วย !
บางคนที่ปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว สายตาก็มองไปยังบนตัวสือมูชิงในทันที
ในเมื่อสือมูเฉินไม่ได้เป็นลูกคนเดียวของโจวเหวินซิ่ว มันก็แสดงให้เห็นชัดว่าโจวเหวินซิ่วนั้นลำเอียง และที่ใจดำกับสือมูเฉินก็แน่ว่าเป็นเพราะสือมูชิง !
และก่อนหน้านั้น Times Group ก็เกือบที่จะมีการเปลี่ยนเจ้าของ ถึงแม้ว่าต่อมาจะยังไม่จบลงในทันที แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูลเหตุเลย !
สือมูชิงคิดไม่ถึงว่าจุดโฟกัสนั้นจะตกมาอยู่ที่ตัวเอง แล้วเขาจึงลุกขึ้นและแสดงความไม่ผิดออกมา : “ มูเฉิน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แล้วมันเป็นฝีมือแม่จริงๆหรอ ?”
สือมูเฉินพยักหน้าให้เขาและหันไปพูดกับโจวเหวินซิ่วอีกครั้ง : “ มีครั้งหนึ่งผมถูกทำร้ายจนเป็นลมสลบไป แม่สั่งให้คนเอาผมมาทิ้งไว้ที่เกาะร้าง เคยคิดบ้างไหมว่าผมอาจจะตายได้ ? ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวถางที่คอยดูแลผมมาตลอด แม้ว่าจะมีของกินเพียงแค่นิดเดียวเธอก็จะให้ผมกิน ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะยังมายืนอยู่ที่นี่ได้อีกหรอ ?”
ในขณะที่พูดนั้น เขาก็ละสายตาจากโจวเหวินซิ่วมองไปยังทุกคนในงาน : “ เรื่องอัปยศอดสูในบ้านแบบนี้ อันที่จริงผมก็ไม่ได้เต็มใจที่อยากจะให้ทุกท่านรู้ แต่ทว่าวันนี้ก็ต้องบอกให้ทุกท่านนั้นรู้ไว้ เป็นเพราะว่าผมไม่อยากจะให้คนที่คิดร้ายที่ใช้ชื่อแม่ผู้ให้กำเนิดของผม มาหลอกใช้ทุกท่าน ด้วยเหตุนี้จึงทำร้ายผมและภรรยาที่ผมแคร์มากที่สุด อีกทั้งตอนนี้ในท้องของภรรยาผมก็ยังมีลูกของผมอยู่ด้วย ผมหวังว่าทุกท่านจะจำในสิ่งที่บริสุทธิ์ มีเพียงแค่คำพูดของผมและเสี่ยวถางที่ออกมาจากปากอย่างมีสัจจะ ในส่วนของคนอื่นที่เป็นญาติที่เกี่ยวข้องที่ได้ไปรบกวนทุกท่านไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ก็ขอให้ทุกท่านั้นปฏิเสธไปได้เลย !”
ในขณะที่สือมูเฉินพูดน้ำเสียงก็ได้หนักแน่นขึ้น : “ ถ้าหากว่าใครไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร หรือว่ามีเจตนาที่จะช่วยคนมาทำร้ายผมกับภรรยาของผมละก็ และตลอดจนลูกหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังจะเกิดในอนาคต ผมจะใช้วิธีการที่ตรงไปตรงในการแก้แค้น !”
โจวเหวินซิ่วเมื่อได้ยินสือมูเฉินพูดแบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของสือมูเฉินในเมื่อกี้นั้นมันเป็นการจะตัดความสัมพันธ์กับเธออย่างนั้นหรอ ? !
ยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกอีกว่าถ้าหากเธอใช้ชื่อที่เป็นแม่ของสือมูเฉินไปหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ ก็ไม่ต้องสนใจทั้งนั้น
หน้าอกของเธอยกขึ้นยกลง จากนั้นก็ส่งสายตาของหลานเล่อซิน
ในตอนนี้ หลานเล่อซินและเธอถือได้ว่าเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน เพราะฉะนั้น เธอก็เลยชี้ไปยังพ่อแม่ของตัวเองในทันที ไม่ใช่พูดใส่สือมูเฉินแต่กลับเป็นหลานเสี่ยวถาง : “ เสี่ยวถาง พี่ผิดไปแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะท้องลูกของมูเฉิน แต่ก็ไม่ควรที่จะวิ่งมาแย่งมูเฉินกับเธอ ! เป็นเพราะว่าก่อนหน้าที่ฉันจะมาฉันไม่รู้ว่าเธอก็ท้อง ! ล้วนแล้วเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง !”
โจวเหวินซิ่วที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า : “ ล้วนก็เป็นลูกของเขา รวยจนมันต่างกันยังไง !”
“ ไม่ค่ะ คนที่มูเฉินชอบคือเสี่ยวถาง เขามีลูกกับเสี่ยวถาง เป็นธรรมดาที่จะไม่เอาฉันแล้ว ฉันไปดีกว่า……”หลานเล่อซินร้องไห้ปาดน้ำอย่างน่าสงสาร ราวกับว่าตัวเองเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งถึงจุดจบ
และพ่อแม่ที่อยู่ข้างเธอก็พูดด้วยความโกรธแค้นอย่างเต็มอก : “ เสี่ยวถาง ก่อนหน้านี้ตระกูลหลานเลี้ยงดูแกมาตั้งหลายปี แล้วนี่แกก็มาแย่งสามีและงานแต่งของพี่แกอีก ยังมายืนหน้านิ่งอยู่บนเวทีได้อีกหรอ ? แกยังรู้บาปบุญคุณโทษอยู่บ้างไหม ? หากไม่ได้พวกเรา ป่านนี้แกก็คงหิวตายในมูลนิธิเด็กกำพร้าไปนานแล้ว !”
หลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางรู้สึกโกรธมาก : “ ก่อนหน้านี้พวกคุณทำกับฉันยังไง ? ถ้าหากไม่ได้มูเฉิน พวกคุณก็คงจะขายฉันให้ไปแต่งงานกับคนอื่นตั้งนานแล้ว ! ยิ่งไปกว่านั้น พวกคุณก็เอาแต่เล่นการพนันมาตลอด ให้ฉันช่วยพวกคุณคืนเงิน ก็ทำไปให้แล้ว ทำมามากเกินพอแล้ว ! ใช่ ตระกูลหลานเลี้ยงฉันมา แต่มีเพียงแค่คุณย่าหลานเท่านั้นที่ดีกับฉันมาโดยตลอด ! จนกระทั่งตอนนี้ ฉันก็ยังซาบซึ้งในพระคุณของท่าน ยังคงคิดถึงท่าน ! แต่ไม่ใช่กับพวกคุณ !”
หลานไห่ฮว๋าเหมือนว่าจะพูดอะไร แต่ในขณะนั้นก็มีผู้ชายแปดคนใส่ชุดสูทเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และที่หลังมือของทุกคนก็ยังสักเป็นรูปสวมแหวนอีกด้วย
ทั้งแปดคนเดินมายังตรงหน้าของหลานเล่อซิน และทำลักษณะท่าทางเป็นเชิญพร้อมกับพูดว่า : “ ทุกท่านครับ คุณหนูขอเราบอกว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานแต่งนั่นมีจำนวนมาก ก็เลยจำเป็นต้องขอเคลียร์พื้นที่หน่อยครับ !”
เมื่อหลานเล่อซินได้ยินว่า‘คุณหนู’สีหน้าก็ซีดขึ้นมาเล็กน้อยในทันที ตอนที่อยู่ฟลอริดา เธอไม่ใช่ว่าไม่เคยที่จะถูกเย่เหลียนอีทำให้หวาดกลัว เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นมีที่พ่อแม่คอยอยู่ข้างเธอมาตลอดหลายเดือน เธอจึงฝืนใจเดินออกมาจากเงามืดนี้ได้
และตอนนั้นเมื่อพูดถึง‘คุณหนู’มันก็ทำให้เธอนึกถึงพญายมที่อยู่คอยด้านหลัง เป็นความรู้สึกที่สามารถคว้าหัวใจเธอได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นแม้แต่จะพูดก็ไม่สามารถออกมาได้
สองสามีภรรยาหลานไห่ฮว๋าและโจวเหวินซิ่วที่อยู่ข้างก็ไม่รู้เลยว่าเป็นวิธีการของเย่เหลียนอี ดังนั้นก็เลยพูดอย่างมั่นใจและไมกลัว : “ ทำไม ในกลางวันแสกๆที่มีผู้คนคอยจับจ้องแบบนี้กล้าที่จะลงมือกับพวกเราอย่างนั้นหรอ พวกเราอยากจะเห็นเลยจริงๆ !”