บทที่ 247 รอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 247 รอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ

แม้ว่าคุณย่าซูจะเป็นคนเปิดเผย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะชอบที่หลานสาวติดต่อกับคนแปลกหน้า

และคนที่ว่านั่นก็รวมไปถึงถานจื่อสือ แต่รู้จักกันในชื่อถานป้านเฉิง และตอนนี้ชีวิตของเขาก็ตกต่ำลงแล้ว

เสี่ยวเถียนรู้ว่าผู้เป็นย่าไม่เต็มใจ เลยไปทุก ๆ สองสามวันแทน แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับย่าหรอก

“หลานรักเอ้ย ย่าจะมาถามหลานว่าอยากกินอะไร!”

หญิงชราไม่สนใจในคำพูดของหลานรัก แล้วถามเสี่ยวเถียนด้วยรอยยิ้มรักใคร่

โอ้?

เด็กหญิงมองผู้เป็นย่าอย่างโง่เขลา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินคำถามนี้มานานแล้ว

ช่วงนี้เรื่องอาหารจะตามพวกพี่ ๆ เป็นหลัก เพราะกลัวว่าจะกินกันไม่อร่อย แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงมาถามความเห็นเธอล่ะ?

“คุณย่า แล้วพวกพี่ใหญ่…”

คุณย่าซูเม้มปาก “สอบเสร็จกันแล้วไง พวกเขาจะทำอะไรย่าไม่สนหรอก แต่ช่วงนี้หลานย่าต้องทุกข์ทน อยากกินอะไรบอกย่ามา ย่าจะทำให้!”

เสี่ยวเถียนงุนงง แบบนี้จะดีจริง ๆ หรือ?

แล้วคุณย่าก็ทำอาหารที่เสี่ยวเถียนชอบ

ช่วงกินข้าวเย็น คนที่หลับไม่ได้ตื่นขึ้นมากินด้วย

หญิงชราไม่ให้คนไปเรียกโดยบอกว่าเด็ก ๆ เหนื่อยมาก รอให้ตื่นกันเองแล้วกัน

ทุกคนเห็นด้วย ช่วงนี้พวกเขานอนไม่ค่อยพอ ต้องอยู่ดึกทุกคืนแล้วตื่นไปเรียนตอนฟ้ายังไม่สางทุกวัน

คนที่แข็งแกร่งยังทนไม่ไหวเลย!

และเสี่ยวเถียนก็พบว่านอกจากคนที่กำลังหลับอยู่แล้ว เถาฮวาก็ไม่อยู่ด้วย

“คุณย่า ป้าเถาฮวาล่ะคะ?” เธอถาม

“ป้าเขากลับไปแล้ว” คุณย่าซูพูดพร้อมกับถอนหายใจ

เถาฮวากลับไปแล้ว ชีวิตคงไม่อาจสุขสบายเท่าไร เพื่อปกป้องลูก ๆ จึงเป็นฝ่ายกลับไปแบกรับความกดดันเอง

คุณย่าซูอาศัยอยู่ในหงซินมาหลายสิบปี และรู้จักทุกคนที่อยู่ในที่นี่เป็นอย่างดี

ถึงจะไม่มีใจคิดร้ายต่อผู้อื่น แต่ความสามารถทางฝีปากยอดเยี่ยมมาก

ถ้าเถาฮวาจิตใจอ่อนแอ คงโดนบีบคั้นจนตายแล้ว!

พอคิดถึงความเป็นไม่ได้ คุณย่าซูนั่งไม่ติดแล้วรีบเอ่ยทันที

“ย่าว่าจะกลับพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้สอบเสร็จกันแล้ว รอพวกแกกลับไปกรอกข้อมูลอะไรนั่นแล้วค่อยกลับบ้าน ส่วนเด็กที่เหลือให้หม่านซิ่วช่วยดูแลไปก่อนแล้วกัน!”

คุณย่าซูเป็นคนเด็ดเดี่ยว ตอนเธอว่าก็แทบจะไปเก็บกระเป๋าเดี๋ยวนั้นเลย

“คุณย่า นั่นเรียกว่า เขียนอันดับว่าอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหน” เสี่ยวปาตักข้าวพลางอธิบาย

คุณย่าซูพูดอย่างเมินเฉย “อันดับอันเดิบอะไรย่าไม่รู้หรอก พวกแกก็มีปู่ฉือดูให้อยู่แล้วนี่!”

ฉือเก๋อไม่ได้ว่าอะไร แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธก็แสดงว่ายอมรับ

ผลการเรียนของเด็กเหล่านี้อยู่ในเกณฑ์ดี ถ้าจะกรอกอันดับที่อยากจะเข้าต้องระวังหน่อย ไม่งั้นจะไม่คุ้มเสียที่สอบได้คะแนนดี

“ย่า ถ้าย่าไป พวกเราก็ไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้แล้วน่ะสิ!”

เสี่ยวจิ่วไม่เข้าใจว่า ทำไมจู่ ๆ ย่าถึงอยากกลับบ้าน

ซูหม่านซิ่วยิ้ม “อาทำให้หลานอดอยากหรือ?”

เสี่ยวจิ่วเงียบ

ถึงอาจะบอกแบบนั้น แต่อาหารที่อาทำไม่อร่อยเท่าฝีมือของย่านี่นา!

เสี่ยวเถียนเข้าใจว่าย่าจะกลับหงซินไปดูแลป้าเถาฮวา เลยไม่เกลี้ยกล่อมอะไร แต่บอกว่าจะอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังแทน

เช้าวันรุ่งขึ้น พอคุณย่าซูกินข้าวเสร็จก็กลับหงซินไปพร้อมกับกระเป๋า

หลายวันมานี้เฉินจื่ออันไม่อยู่บ้าน ส่วนเสี่ยวจูก็ไปพร้อมกับอีกฝ่าย

ส่วนเด็กที่ไปสอบมายังไม่ตื่น

คุณย่าซูมองห้องที่เงียบสงัด ก่อนจะเอ่ยด้วยแรงอารมณ์

“เด็กพวกนี้หลับได้หลับดีจริง ๆ! ย่าไม่รอแล้วเดี๋ยวตกรถจะแย่เอา!”

“คุณย่า ทำไมไม่กลับไปหลังจากที่พวกพี่ ๆ ตื่นล่ะ?” เสี่ยวเถียนไม่เต็มใจ ตอนที่พูดน้ำเสียงจึงเจือไปด้วยความน้อยใจเล็กน้อย

แต่หญิงชราส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก ย่าต้องไป รอพวกเขาตื่นก็ให้กินข้าวกันนะ ย่าตั้งหม้อไว้แล้วยังไม่เย็นเลย พวกพี่ ๆ มันดื้อ ฝากหลานช่วยย่าดูแลพวกเขาทีนะ!”

เมื่อเห็นว่าคุณย่าซูมีความมุ่งมั่น เสี่ยวเถียนก็ทำได้แค่ยอมรับแล้วบอกว่าจะดูแลพวกพี่ชายให้อย่างดี

คำพูดที่ไร้เดียงสาทำให้หม่านซิ่วที่เตรียมตัวจะไปส่งแม่ทนไม่ไหวจนเกือบหัวเราะออกมา

“หลานอยู่เฝ้าบ้านคอยเชื่อฟังด้วยล่ะ รอพวกพี่ ๆ ตื่นไปก่อน เดี๋ยวอาไปส่งย่าขึ้นรถแล้วจะกลับมา”

“อาใหญ่ ซิ่วหย่วนล่ะคะ?” เสี่ยวเถียนนึกถึงน้องชายขึ้นมาแล้วรีบถาม

“เล่นกับเสี่ยวซื่อเสี่ยวอู่ที่บ้านข้าง ๆ เนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอกให้พวกเขาเล่นกันไปเถอะ”

เสี่ยวเถียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

แม้ว่าเฉินซิ่วหย่วนจะชอบเธอ แต่ถ้าเล่นซนก็ชอบเล่นกับพวกพี่ชายด้วยกันมากกว่า

เสี่ยวเถียนมุ่งมั่นจะอ่านหนังสือต่อ เพราะงั้นเลยไม่ได้ไปบ้านข้าง ๆ

หลังจากที่เธอปิดประตูก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านด้วยความสบายใจ

ครั้งก่อนนั่งคัดลอกแนวข้อสอบไว้เยอะมาก รอบนี้หนังสือที่ระบบมอบให้เธอมาคือนิยาย ซึ่งมันดีมาก

มันยากมากที่จะหาสิ่งมาผ่อนคลายอารมณ์ เสี่ยวเถียนจึงอ่านอย่างใจจดใจจ่อ

ตอนที่ฉือเก๋อกลับมาจากเดินเล่น เขาเห็นเสี่ยวเถียนนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างหน้าต่าง แล้วอดพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้

ลูกหลานบ้านซูไม่มีอะไรต้องพูดเลยจริง ๆ พวกเขามีแรงจูงใจในการเรียนกันทั้งนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเสี่ยวเถียนที่ฉลาดและเรียนเก่ง อนาคตต้องมีอะไรให้ทำเยอะแยะแน่!

เขาไม่ได้ไปกวนเธอ แล้วกลับเข้าไปทำธุระของตัวเอง

ซูซื่อเลี่ยงเป็นคนแรกที่ตื่น

เด็กชายที่ง่วงนอนดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว แตกต่างจากความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

แต่พอมองดี ๆ เด็กหนุ่มเหมือนจะไม่กำยำเหมือนอย่างเคย เพราะช่วงนี้เรียนหนักเลยผอมลง

เสื้อนวมตัวใหญ่จึงดูหลวมโพรก

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าพวกพี่ ๆ ควรได้บำรุงร่างกายสักหน่อย

“พี่รองดีขึ้นหรือยังคะ?”

“ดีขึ้นแล้ว ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ? ย่าไปไหน? ป้าเถาฮวาด้วย?” ซูซื่อเลี่ยงมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใครเลยจึงเอ่ยถาม

“ย่ากับป้ากลับไปแล้ว ปู่ฉือก็ออกไปข้างนอกค่ะ”

เสี่ยวเถียนหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือเลยไม่รู้ว่าฉือเก๋อกลับมาแล้ว

“ทำไมป้ากับย่ากลับไปแล้วล่ะ?” พี่รองได้ยินก็รู้สึกตกใจมาก

เขาอยากกลับบ้าน อยากขึ้นเขา แล้วทำไมย่าถึงกลับไปเองคนเดียว?

“เลยไม่รอเรา? พวกเราสอบเสร็จแล้วนะ ก็กลับบ้านได้แล้วสิ!”

“ย่าบอกว่าให้พี่ ๆ กรอกเรื่องอันดับมหาวิทยาลัยก่อนแล้วค่อยกลับ!” เสี่ยวเถียนเอ่ยเบา ๆ “พี่รอง พี่นอนไปตั้งนานขนาดนั้นไม่หิวหรือ?”

พอได้ยินที่น้องทัก ซื่อเลี่ยงก็นึกขึ้นได้ว่าท้องกำลังส่งเสียงร้องจ๊อก ๆ อยู่

“พี่หิวจนแทบจะกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว!” เด็กหนุ่มว่าพลางลูบท้อง พักเรื่องอื่นไว้ก่อน

“อาหารอยู่ในหม้อค่ะ พี่ทำกินเองได้ใช่ไหม?” เสี่ยวเถียนถาม

พี่รองเอ่ยตอบ “เดี๋ยวพี่ไปกินที่ครัวเอง!”

พริบตาเดียวผ่านไปหลายวัน

เสี่ยวเถียนแอบสังเกตว่าสองสามวันมานี้ ผู้คนในอำเภอดูร้อนรน แม้การสอบมหาวิทยาลัยจะจบไปแล้วก็ตาม

โดยเฉพาะหากมีคนในครอบครัวใดที่ไปสอบ ทุกคนต่างเฝ้ารอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ

การสอบเข้าวิทยาลัยได้ตรึงความหวังของผู้คนนับไม่ถ้วน และเช่นเดียวกับผลคะแนนที่ทำลายความหวังของผู้คนนับไม่ถ้วนเหมือนกัน

โดยเฉพาะยุวชนที่อยู่ชนบทมาหลายปี พวกเขาต่างกระตือรือร้นที่จะสอบให้ผ่านและกลับไปที่เมือง

พวกเขาใฝ่ฝันรอวันนี้มาถึง