บทที่ 248 สำเร็จได้แค่ภารกิจระดับกลางใช่ไหม

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 248 สำเร็จได้แค่ภารกิจระดับกลางใช่ไหม?

เหล่ายุวชนส่วนใหญ่รออยู่ที่ร้านค้าในอำเภอ และเฝ้ารอผลการสอบ

ในหมู่พวกเขามียุวชนที่มาจากหงซินด้วย

เสี่ยวเถียนเห็นหลายคนบนท้องถนนและได้ยินการสนทนา ก่อนจะรู้ว่าพวกเขารอผลคะแนนอยู่ แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้เข้าไปหา

เธอไม่ได้สนิทกับพวกเขา

ตั้งแต่เกิดเรื่องของคังอี้เยี่ย คนในชุมชนจึงมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อเหล่ายุวชน

หลายครอบครัวห้ามไม่ให้ลูก ๆ ไปเล่นกับพวกเขา

ตอนที่กำลังมองคนพวกนี้ เสี่ยวเถียนได้ยินเสียงเตือนจากระบบแจ้งว่าภารกิจเสร็จสิ้น

ระบบแจ้งว่าภารกิจ ‘สามยอดบัณฑิต’ เสร็จเรียบร้อยแล้ว

เสี่ยวเถียนมีความสุขมากจนอดยกยิ้มมุมปากไม่ได้

นั่นหมายความว่าผลคะแนนของพวกพี่ชายออกมาดี

“แอนนาที่รัก รีบบอกฉันเร็วเข้า ภารกิจที่ทำเสร็จได้ระดับไหน?” ซูเสี่ยวเถียนรีบซ่อนตัวเข้าที่มุมก่อนจะคุยกับระบบอย่างมีความสุข

[ได้เป็นภารกิจระดับกลางค่ะ!] แอนนาตอบอย่างรวดเร็ว

ได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวเถียนก็ผิดหวังเล็กน้อย

แต่แล้วก็คิดไปคิดมา

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือโลกหล้าย่อมมีคน!

พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มเด็กจากชนบท และมันไม่ง่ายเลยที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของเมือง

“แอนนาช่วยบอกคะแนนได้ไหม?” เธอถามด้วยความสงสัย

คราวนี้แอนนาเงียบไปนานก่อนจะพูดขึ้น [ฉันไม่ทราบค่ะ รู้แค่ว่าได้อันดับสูงและได้คะแนนดี!]

เอาเถอะ ไม่รู้ก็ไม่รู้!

แต่สอบได้สามอันดับแรกก็ดีมากแล้ว ไม่รู้ว่าพี่คนไหนคะแนนดีที่สุด ส่วนคนไหนได้น้อยสุด อาจจะเป็นพี่รองก็ได้มั้ง

ในไม่ช้าผลคะแนนสอบก็ออก

คะแนนส่งมาถึงโรงเรียนแล้ว

พอครูใหญ่กัวเห็นใบคะแนน เขาตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหลพราก

เขากอดมันเอาไว้ ร้องไห้โดยไม่พูดอะไรสักคำ

ครูที่กำลังรอผลคะแนนอยู่ตรงนั้นพอเห็นครูใหญ่กัวร้องไห้ก็ตอบสนองไม่ได้ไปชั่วขณะ

“ครูใหญ่เป็นอะไรไป? โรงเรียนเราเด็กสอบได้คะแนนไม่ดีหรือ?” ครูอู๋ระงับความตื่นตระหนกในใจแล้วถาม

ครูอู๋เป็นครูประจำชั้นมัธยมปลายปีที่สอง ห้องวิทยาศาสตร์ของโรงเรียน และพวกโส่วเวินก็อยู่ห้องเขา

ก่อนไปสอบ เขาตั้งความหวังไว้กับนักเรียนพวกนี้สูงมาก แต่ว่าสอบอะไรนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ

ทว่าพอเห็นครูใหญ่กัวร้องไห้แบบนี้คะแนนสอบคงไม่ค่อยดี

“มันดีมาก ๆ ไปเลยล่ะ!” ในที่สุดครูใหญ่กัวก็เอ่ยออกมา

ตอนที่เขาพูด ครูแต่ละคนมองหน้ากันด้วยความงุนงง

เกิดอะไรขึ้น? สรุปแล้วคะแนนของโรงเรียนเรามันดีหรือไม่ดี?

“ครูใหญ่กัว บอกทีว่าเด็กโรงเรียนเราสอบเป็นยังไงบ้าง?” มีครูบางคนกังวลจนรอแทบไม่ไหว

ตอนแรกทุกคนคิดว่าจะสอบตก แต่พอครูใหญ่กัวบอกว่า “ดีเลย” ทุกคนก็มีความหวังในใจขึ้นมา

การที่อีกฝ่ายพูดว่า ‘ดีเลย!’ สิ่งนี่น่าจะพิสูจน์ได้ว่ามันดีจริง ๆ

“ผลคะแนนของเราเป็นประวัติการณ์เลย!”

น้ำเสียงตื่นเต้นของครูใหญ่สั่นเครือ และมันก็แปร่งเล็กน้อย

“อะไรนะ?”

“จริงหรือ?”

นี่เป็นคำถามที่ครูทุกคนร่วมถาม

ผลคะแนนเป็นประวัติการณ์?

เหมือนที่จิตนาการไว้ไหม?

ดีขนาดไหน?

ครูทุกคนตระหนักได้ว่าผลคะแนนครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดสถานะของโรงเรียนในเมือง แม้แต่จังหวัดในอนาคตเลยด้วย

“ครูใหญ่พูดออกมาเถอะ อย่าแกล้งเล่นเลย!” ครูอู๋ร้อนรนมากที่สุดจนเกือบกระทืบเท้า

เพราะถ้าคะแนนดี นักเรียนในชั้นของเขาก็น่าจะเป็นกลุ่มที่สอบได้คะแนนดีที่สุด

“โรงเรียนเรามีเด็กสอบได้ที่หนึ่งของจังหวัด คนหนึ่งสอบได้ที่สาม แล้วก็อีกคนหนึ่งสอบได้ที่สี่!”

อะไรนะ?

ทุกคนตะลึง แทบไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินเป็นความจริง

ของจังหวัด?

ห้าอันดับแรกของจังหวัด เป็นนักเรียนของโรงเรียนพวกเขาสามคน?

“ครูใหญ่ คุณไม่ได้โกหกใช่ไหม?” ถึงคราวครูอู๋ที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า!

“ซูซานกงได้ที่หนึ่ง โส่วเวินได้ที่สาม ส่วนซื่อเลี่ยงได้ที่สี่ของจังหวัด” ครูใหญ่กัวว่าพลางแสดงผลคะแนนอย่างตื่นเต้นให้ครูทุกคนดู

“แล้วพวกเขาเป็นสามอันดับแรกของเมือง สามอันดับแรกเลยนะ นักเรียนโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองไม่มีใครแซงหน้าพวกเขาได้เลย!”

โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เมื่อสิบปีที่แล้วเราผลิตเด็กที่มากความสามารถออกมามากมาย

แต่ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้ กลับโดนโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของอำเภอแซงหมดเลย

แล้วครูใหญ่กัวจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?

แค่การสอบรอบแรก โรงเรียนเราก็ประสบความสำเร็จจนสามารถบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ได้ตลอดไปเลย

“ดีเหลือเกิน!”

ไม่รู้ว่าครูคนไหนตะโกนออกมา ทุกคนเลยตะโกนขึ้นมาด้วย

ที่โรงเรียนยังมีนักเรียนอยู่บ้าง พอได้ยินเสียงเฮลั่นจากห้องทำงานของครูใหญ่กัว พวกเขาก็กรูกันเข้ามา

เสี่ยวเถียนอยู่ตรงนั้นด้วย

เธอได้ยินที่ครูใหญ่กัวประกาศอย่างชัดเจน พี่ชายทั้งสามของเธอสอบได้คะแนนดี

สำหรับเสี่ยวเถียนที่รู้ผลตั้งนานแล้วก็ไม่ได้ยินดีออกนอกหน้ามากเกินไป

แม้แต่สีหน้าก็ยังทนทุกข์เล็กน้อย!

ทว่าคนรอบข้างเฮแสดงความยินดี บางคนที่รู้เรื่องความสัมพันะ์ของพวกเขาก็มาแสดงความยินดีต่อเธอด้วย

แล้วเธอจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน?

บรรยากาศอบอุ่นมาก!

สุดท้ายเสี่ยวเถียนก็ร่วมขบวนฉลองด้วย

เดิมทีเธอคิดว่าอันดับในอำเภอน่าจะดี ส่วนอันดับของจังหวัดไม่น่าดีจะเท่าไรนัก

แต่พบว่าอันดับของจังหวัดก็ดีมากเช่นกัน

แค่พลาดที่สองไปเท่านั้น!

ผลคือภารกิจของเธอจึงถูกนับว่าสำเร็จระดับกลางเท่านั้น

รางวัลจึงลดลงกึ่งหนึ่ง

พอนึกขึ้นมา เสี่ยวเถียนก็อดว่าแอนนาไม่ได้

ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมาแล้ว มีหลายบ้านที่ทั้งดีใจทั้งเสียใจ

ผู้ที่ได้คะแนนสอบดีย่อมพร้อมที่จะเข้าเรียนอย่างมีความสุข ส่วนผู้ที่สอบได้คะแนนไม่เป็นที่พอใจและได้อยู่อันดับท้าย ๆ ก็รู้แล้วว่าคราวนี้พลาดโอกาส

ส่วนพวกยุวชนของหงซิน สีหน้าของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก

ผลคะแนนไม่ค่อยดี เลยไม่แน่ใจว่าสอบผ่านหรือเปล่า จึงกลับหงซินไปอย่างเศร้าใจ

ฝั่งบ้านซูตรงกับข้ามกับพวกนั้นเหลือเกิน พวกเขามีความสุขอย่างยิ่ง

เด็กทั้งห้าคนที่เข้าสอบในครั้งนี้ รวมถึงซูเสี่ยวเหมยและซูเสี่ยวเฉ่าด้วย จะเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอน

นี่คือคำพูดเดิมของครูใหญ่กัว

เขาบอกว่าผลสอบของเสี่ยวเฉ่าน้อยที่สุด แต่น่าจะเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปได้ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเมืองหลวงได้

พวกโส่วเวินลังเลและคิดว่าการเรียนมหาวิทยาลัยมันจะต่างออกไปนะ แล้วทำไมพวกเขาถึงเดินทางหลายพันลี้เพื่อไปเรียนที่เมืองหลวงด้วย?

แต่เสี่ยวเถียนยืนกรานที่จะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาอย่างแน่วแน่

ถ้าอยากเรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องไปที่เมืองหลวง เพราะมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศจีนอยู่เมืองหลวงเป็นส่วนใหญ่ และมหาวิทยาลัยของจังหวัดเทียบไม่ได้กับในเมืองหลวงเลย

ความคิดของเสี่ยวเถียนทำให้ฉือเก๋อเห็นด้วยมาก นอกจากนี้เขายังเชื่ออีกว่า ตราบใดที่มีโอกาสก็ควรไปเรียนที่เมืองหลวง

โส่วเวินลังเลก่อนจะเอ่ย “การที่บ้านจะส่งเราไปเรียนได้ไม่ใช่เรื่อง่าย ถ้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในท้องถิ่นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยนะ!”

“พี่ใหญ่ เรียนมหาวิทยาลัยมันมีเงินสนับสนุนด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ให้เยอะมาก อีกอย่างพวกพี่จะต้องมีอนาคตที่ดี แบบนี้มันจะดีกว่าหรือเปล่า?” เสี่ยวเถียนยืนกราน

“เสี่ยวเถียนพูดถูกแล้ว มีเงินกับตั๋วเป็นเงินสนับสนุน ถ้าประหยัดหน่อยอาจจะช่วยหนุนที่บ้านได้ด้วยนะ!” ฉือเก๋อก็เอ่ยเช่นกัน

พี่ชายทั้งสามจึงรู้สึกโล่งใจ

ปัญหาหลานบ้านซูเคลียร์เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่เสี่ยวเหมยที่ยังลังเล

เธออยากไปเรียนที่เมืองหลวงเพื่อที่จะไปหาอาจารย์เสิ่นแล้วถามด้วยตัวเองว่าทำไมถึงไม่กลับมาเลย ที่เขาทำแบบนี้กับแม่เธอคือทำไปเพื่ออะไร?

แต่เธออยากอยู่ดูแลแม่

“พี่เสี่ยวเหมยควรไปเมืองหลวงด้วยนะ หลังจากเรียนจบก็อยู่ที่นั่นเลย แล้วพาป้าเถาฮวาไปอยู่ที่นั่นด้วย!”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ใจที่สั่นคลอนของเสี่ยวเหมยผ่อนคลายลง

ใช่แล้ว สิ่งที่เธอควรทำที่สุดคือหาทางพาแม่ออกจากสถานที่อันน่าเศร้าแห่งนี้

หลังจากปรึกษาหารือกันสักพักก็กรอกชื่อมหาวิทยาลัยที่หลาย ๆ คนเลือกไว้ลงไป

ยกเว้นซูเสี่ยวเฉาที่สมัครเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปของจังหวัด ส่วนอีกสี่คนเลือกมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง

เสี่ยวเหมยและซานกงเข้ามหาวิทยาลัยการเกษตร เกษตรกรรมคือความใฝ่ฝันของพวกเขา

โส่วเวินและซื่อเลี่ยงกรอกชื่อมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง

โชคดีที่ซูเสี่ยวเฉ่าไม่ได้ทะเยอทะยานสูง ไม่อิจฉาคนอื่นที่ได้คะแนนดี ๆ ด้วย

ตอนที่พวกโส่วเวินกลับบ้าน เสี่ยวเถียนและคนอื่นรอสอบปลายภาคอยู่

ถ้าเป็นเมื่อก่อน สอบกลางภาคหรือสอบปลายภาคอะไรนั่นไม่สำคัญหรอก

แต่ช่วงนี้พวกเขาเพิ่งได้รับข่าวดีและมีนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงมากมายในโรงเรียน จึงไม่มีใครคิดว่าการสอบนั้นมันไม่สำคัญ

ไม่ว่าจะเป็นครูหรือนักเรียน ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญกับการสอบในครั้งนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้จริงจังมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากเป็นที่สะดุดตา เธอรู้สึกว่าหากตัวเองร่วมสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยก็น่าจะได้คะแนนดี

การสอบชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่ง ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอเลยจริง ๆ

เธอคิดในห้องสอบด้วยซ้ำว่าหลังจากสอบเสร็จก็จะกลับบ้าน

มาอำเภอตั้งหลายเดือน เธอคิดถึงหงซินมาก

ขึ้นเขาไปจับนก ลงน้ำไปจับตะพาบ ไม่ได้สะดวกสบายอะไรมากมาย

เพราะมาเรียนที่อำเภอ ที่บ้านก็เลยเหลือเนื้ออยู่น้อยนิด!

วันแรกที่สอบเสร็จ พวกเด็ก ๆ ก็รีบร้อนนั่งรถกลับหงซิน

เสี่ยวเถียนเกริ่นไว้แล้วว่า ถ้ากลับบ้านตอนนี้จะต้องเก็บของดี ๆ บนเขาให้ได้ก่อนปีใหม่ และฉลองที่เป็นปีที่เก็บเกี่ยวได้ดี

สิ่งนี้ทำให้เหล่าพี่ชายร่วมใจกันเห็นด้วย

ล้อกันเล่นแล้ว ใครบ้างที่ไม่ชอบกินเนื้อล่ะ?

นก ไก่ เนื้อทราย และหมูป่าบนภูเขากำลังรอพวกเราอยู่!

เส้นทางขรุขระไม่ได้ทำให้ความสุขของพวกเด็ก ๆ หายไป

ทว่าทันทีที่มาถึงหงซิน สิ่งที่เห็นทำให้เสี่ยวเถียนรู้สึกแย่มาก