“น่าจะถึงเวลาแล้ว..…”
พูดเช่นนั้นผมจึงยืนขึ้นก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไปหรือในกรณีนี้คือเป้าหมายเดิม ด้วยการเคลื่อนไหวที่ฝึกฝนมา ผมกลมกลืนเข้าไปกับกลุ่มนักเรียนด้วยเวทมนตร์ปลอมตัว และ 5 นาทีต่อมาผมก็นั่งอยู่ในห้องสมุดโดยนั่งอยู่ตรงหน้าเซเลสทีเนียที่กำลังปลอมตัวอยู่ ซึ่งเธอมีท่าทางแตกต่างไปจากทุกครั้งมาก
แม้ว่าเธอจะปลอมตัวมา แต่ความหยิ่งทะนงของเธอก็มักจะยังคงรู้สึกได้จากท่าทาง, สายตา, คำพูดและวิธีที่เธอตอบสนองอยู่ดี ทั้งหมดนี้มักจะมาพร้อมกับความเย่อหยิ่งที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกภายในกระดูกของเธอ แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นอะไรแบบนั้นจากเธอเลย ดวงตาของเธอที่มองตรงมาที่ผมตอนนี้นั้นจ้องมองมาอย่างไม่มั่นคงและเจือปนไปด้วยความเจ็บปวด
ท่าทางของเธอที่ดูเย่อหยิ่งตอนนี้กลับซึมไป ออร่าของเธอที่ปกติดูเหมือนอยู่เหนือทุกคนตอนนี้รู้สึกเหมือนหลงทางและพ่ายแพ้
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”
ผมถามด้วยน้ำเสียงกังวลจนเซเลสทีเนียสะดุ้งขณะมีรอยยิ้มเครียดปรากฏบนใบหน้า
เธอพยายามทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด เนื่องจากกรอบเวลาเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมให้เธอนั้นไม่เพียงพอสำหรับเธอที่จะฟื้นตัว และผมมั่นใจว่าเธอคงคิดอยู่ว่าถ้าเธอไม่ปรากฏตัวที่นี่ ความสงสัยของผมคงจะเพิ่มมากขึ้น
“เปล่าฉันสบายดี…ว่าแต่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับนายรึเปล่า?”
เธอถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ หรืออย่างน้อยเธอก็พยายามให้มันเป็นแบบนั้น ทำให้ผมมองเธออย่างเป็นกังวลอีกครั้ง
“คุณดูไม่ค่อยดีเลยนะ ทำไมเราไม่เลื่อนการพูดคุยในวันนี้ออกไปหล่ะ?”
ผมถามโดยทำให้เซเลสติเนียเงียบ เธอดูเหมือนจะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะถามผมอีกคำถามหนึ่ง
“นายเองก็ดูไม่ค่อยดีเหมือนกันนะ”
คำถามของเธอทำให้ผมถามย้อนกลับไป ขณะที่ผมมองเธอด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ก่อนที่จะมีรอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าและส่ายหัว
ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เธอสามารถบอกได้เลยงั้นเหรอ?”
ผมถามด้วยเสียงแหบแห้ง ขณะที่ใบหน้าที่สงบนิ่งของผมเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้าและความพ่ายแพ้ แววตาที่ผมแน่ใจว่ากำลังบดขยี้หัวใจของเซเลสทีเนียอยู่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เธอถามโดยทำให้ดูเหมือนตัวเองกำลังพยายามถามแบบสบายๆ อยู่ ทำให้ผมสั่นศีรษะอีกครั้งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ฉันแค่ต้องเผชิญกับอดีตหน่ะ…”
“นายดูเหมือนโดนมาหนักเลยนะ”
เธอตอบพร้อมกับพยายามสำรวจผมให้มากขึ้น เนื่องจากบางทีเธออาจจะกำความรู้สึกบางอย่างได้ บางทีผมอาจมีความรู้สึกค้างคาที่เธอจับต้องได้ แต่ผมจะไม่ทำให้มันง่ายสำหรับเธอหรอก ไม่ใช่หลังจากที่ผมรู้ว่าเธอสามารถทำอะไรได้บ้าง
“จะพูดว่าฉันมาหนักก็ได้อยู่หรอก แต่สิ่งที่โดนคนเป็นหัวใจฉันมากกว่า”
“โอ้? ปัญหาความรักเหรอ? หรือว่าจะเป็นประเด็นเรื่องพี่สะใภ้คนนั้นกันน้า~~”
เซเลสติเนียตอบโดยแสดงท่าทางปกติที่ดีที่สุดของเธอทำให้ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบเธอไป
“เธอเดาได้ถูกเลย แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ”
“เกิดอะไรขึ้นจริงๆ สินะ? นายดูหมดสภาพมากเลย…”
เซเลสทีเนียเล่นไพ่ของเธอได้ดี เธอถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใยของเพื่อน
“คือเรื่องมันยาวหน่ะ เรื่องที่ทำให้ฉันตกหลุมรักและทำให้ใจฉันแตกสลาย”
“คะ-คงแย่น่าดูเลยเนอะ”
เธอพูดสนับสนุนโดยพยายามซ่อนเสียงสั่นของตัวเองไว้ภายใต้หน้ากากของเพื่อนที่อยากรู้อยากเห็นแต่ห่วงใย
“แค่แย่ยังน้อยไปเลย แม้ว่าฉันจะผ่านมันมาได้แล้วก็เถอะ ในที่สุดฉันก็พบผู้หญิงที่ฉันรักจริงๆ และเธอก็รักฉันเหมือนกัน เธอเป็นคนที่ฉันไว้ใจได้”
เสียงของผมเต็มไปด้วยความสุขและความพึงพอใจ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของหญิงสาวตรงหน้าบิดเบี้ยวไป
ผมมั่นใจว่าคำพูดของผมต้องกระทบกระเทือนจิตใจเซเลสทีเนียอย่างแน่นอน หากเป็นสถานการณ์อื่นสการ์เล็ตอาจจะกลายเป็นศพไปแล้วโดยไม่มีใครรู้ แต่เซเลสทีเนียจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นในขณะที่รู้ว่าตอนนี้ผมเจ็บปวดแค่ไหน แถมเมื่อรู้ว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะเจอเรื่องนี้ได้ถ้าเธอทำสิ่งที่ไม่ดีกับสการ์เล็ต
ตอนนี้เธออาจจะกำลังเจ็บปวด แต่ความฉลาดของเธอยังคงอยู่ เธอจะพาสการ์เล็ตออกไปเมื่อเธอแน่ใจว่าผมเริ่มรักเธออีกครั้ง
“ฟังดูเหมือนการต่อสู้ระหว่างแฟนเก่ากับแฟนใหม่เลยไม่ใช่เหรอ?”
เสียงล้อเลียนที่พยายามปลุกจิตวิญญาณของผมดังมาจากเซเลสทีเนีย มันไม่ต่างจากการสอบสวนเลย
“ไม่ การต่อสู้หมายถึงความรู้สึกที่มีอยู่ อดีตความรักที่ฉันมีมันตายไปนานแล้ว เธอไม่มีที่ในหัวใจของฉันอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่หลังจากที่เธอทำแบบนั้น”
“รักครั้งแรกทำให้นายเจ็บงั้นเหรอ?”
เซเลสทีเนียถามกลับด้วยความตกใจ โดยซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดที่แท้จริงของเธอไว้
“ช่างมันเถอะ มันเป็นอดีตไปแล้ว เรื่องนั้นไม่ได้มีผลกับใจฉันอีกต่อไปแล้ว”
ผมพูดพร้อมกับโบกนิ้วเพื่อพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่เซเลสทีเนียดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้
เมื่อมองดูอย่างรวดเร็วผมก็เห็นความสิ้นหวังที่เต็มอยู่บนใบหน้าของเธอ
“แต่ดูเหมือนว่ามันยังส่งผลต่อนายเลยนะ”
เธอพูดขณะพยายามคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่ผมให้เธอได้
‘ให้ช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ เธอหน่อยแล้วกัน’
ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจก่อนจะมีรอยยิ้มอันเจ็บปวดปรากฏบนใบหน้าของผม ปฏิกิริยาของผมนั้นดึงดูดความสนใจของเซเลสทีเนียอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของผมเต็มไปด้วยความสูญเสียในขณะตอบ
“บางทีการที่ฉันเอาแต่บอกตัวเองว่ามันผ่านไปแล้ว มันเป็นอดีตไปแล้ว แต่อย่างที่เขาว่ากันว่าคนเราไม่สามารถลืมคนแรกได้”
“รักครั้งแรกมีผลกับนายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เซเลสทีเนียถามด้วยความยินดีที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเธอ
“เธอทำให้ฉันประทับใจมาก ผู้หญิงที่ฉันพูดถึงไม่รู้ถึงสิ่งที่ฉันทำเพื่อเธอ ความเจ็บปวดที่ฉันต้องเจอ ฉันพอใจกับความสุขที่ได้เติมเต็มให้เธอ แต่ฉันนี่ไร้เดียงสาจริงๆ ฉันไม่ได้รู้เลยว่าเธอมองฉันอย่างไร”
“นายเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม? มันดูค่อนข้างน่าสนใจดี บางทีการพูดออกมาดังๆ อาจจะช่วยให้นายได้รับมุมมองที่นายไม่รู้ว่ามีอยู่ก็ได้”
“เล่าให้เธอฟังงั้นเหรอ…”
ความครุ่นคิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าผมขณะที่ผมนั่งบนที่นั่งในความเงียบ
“เธอคิดว่าตัวเองพอจะมีเวลาไหมหล่ะ?”
ผมถามออกไป ซึ่งเซเลสทีเนียที่ปลอมตัวก็พยักหน้าตอบกลับมา เห็นได้ชัดว่าเธอจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ในตอนนั้น
อันที่จริงเธอรู้ว่าผมไม่ใช่คนโง่ ผมควรจะรู้ความจริงที่ว่าผู้หญิงตรงหน้าตัวเองคือเซเลสทีเนียด้วยความรู้ของผมไม่ใช่หรือ? แต่ไม่มันจะไม่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่แรกเริ่มเธอใช้คาถาบางอย่างกับตัวเองซึ่งทำให้ผู้คนสับสนเกี่ยวกับเธอ
หากคนที่คุยกับเธอไม่ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ก็ไม่มีวันจะรู้ได้ ไม่อย่างนั้นผมที่เคย ‘รัก’ กับเธอ จะไม่รู้ว่าเธอเป็นใครจากที่เราคุยกันได้ยังไง? คาถาที่เธอใช้ทำให้จิตใจไม่สามารถเข้าใจความคิดที่เชื่อมโยงกับเธอได้
การปลอมตัวนี้เป็นเพียงสะพานเชื่อมโยงความจริงเพียงอย่างเดียวที่เธอมีกับผมได้และเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไป
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน….”
ฝากเพจเฟสบุ๊กหน่อยครับ : Translarator
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต