บทที่ 375 หุ่นไล่กา

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 375 หุ่นไล่กา

บทที่ 375 หุ่นไล่กา

ฉู่เหินมองฉากนี้อยู่ด้านหลังด้วยใจที่เฝ้ารอ เพราะเขารู้สึกได้ตั้งแต่แรกแล้ว จนถึงตอนนี้หม่าหงสงบนิ่งมาโดยตลอด คนคนนี้ไม่หวั่นไหวกับการจู่โจมเลยสักนิดคล้ายกับว่านี่อยู่ในแผนของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ งั้นระเบิดลูกนี้ก็น่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน

ชายหนุ่มมั่นใจในตัวหม่าหงมาก ส่วนหวังจือหลินนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย ฉู่เหินมองว่านั่นไม่ใช่อาวุธลับด้วยซ้ำในเมื่อใช้ไม่เป็นก็อย่าทำตัวขายหน้าแบบดีกว่า

สายตาของคนทั้งสนามรบจ้องมองลูกระเบิดที่ค่อย ๆ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เมื่อพวกเขามองเห็นว่าระเบิดนั้นจวนจะถึงหวังจือหลินแล้ว มันกลับกลายเป็นว่าลูกระเบิดค่อย ๆ ช้าลง ถ้าอ้างอิงตามความเร็วก่อนหน้านี้ ป่านนี้คงจะสัมผัสตัวอีกฝ่ายไปนานแล้ว

หวังจือหลินหยิบดาบวิเศษออกมาเตรียมพร้อมฟันระเบิดนี้ซะ พอมองเห็นมันคล้ายกับหยุดกลางอากาศ ภาพที่ว่านั่นก็ทำเอาผู้คนโดยรอบรู้สึกวุ่ยวายใจ ! แต่ทันทีที่เขาลงมือ จู่ ๆ ก็มันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

เดิมทีระเบิดลูดนี้ถูกส่งมาข้างหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยแรงส่ง ทว่าจู่ ๆ มันก็ส่งเสียงดัง กึก กึก ๆ โดยไม่รอให้ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกระเบิดที่ว่าก็พลันเปลี่ยนโครงสร้างไปในฉับพลัน เข็มนับไม่ถ้วนที่แอบซ่อนอยู่ภายในระเบิดต่างพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

เข็มพวกนี้พากันเปล่งแสงสีขาว ซึ่งเมื่อดูจากทิศทางแล้วก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเข็มพวกนี้มุ่งตรงไปยังหวังจือหลิน การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันดังกล่าวทำเอาหวังจือหลินคิดไม่ถึงจริง ๆ ทุกอย่างดูจะกะทันหันเกินไป แบบนี้ตอนนี้ต่อให้เขาอยากหลบ มันก็คงไม่ทันเสียแล้ว

แสงสีเงินนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปที่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้หวังจือหลินทำได้เพียงร้องออกมาว่าท่าไม่ดีแล้ว ใจจริงเขาอยากจะหลบ ทว่าน่าเสียดายที่เข็มเงินเหล่านั้นมาใกล้เกินไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รอจนเข็มเงินเหล่านี้แทงเข้ามาในร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

หวังจือหลินไม่คาดฝันว่าตัวเองจะถูกโจมตีแบบนี้! ดวงตาจ้องเขม็งไปที่เข็มเงินตรงหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เขาเป็นลูกคนโปรดของหวังปาเทียน เขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าอนาคตจะมีแต่ความรุ่งโรจน์ วันนี้เขาจะมาตายที่นี่ได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้! ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!!!

“พวกแกกล้าฆ่าฉัน ฉันขอเตือนพวกแกไว้ว่าพ่อของฉันคือหวังปาเทียน ถ้าพวกแกออกไป ยังไงพวกแกก็ไม่รอดแน่!” นี้คือคำพูดสุดท้ายที่หวังจือหลินทิ้งไว้ก่อนตาย แต่น่าเสียดายที่ประโยคดังกล่าวกลับไม่มีใครสนใจเลยสักคน เพราะการฆ่าคนทรยศมีอะไรที่ทำเกินไปด้วยเหรอ!

ร่างกายของหวังจือหลินตกลงมาจากเสือดาวที่ขี่อยู่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยเข็มเงินนับไม่ถ้วนดูราวกับหุ่นไล่กาตัวหนึ่ง

กวนเชิงปรายตามองศพตรงหน้า สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจเจื้ออยู่ จากนั้นก็เห็นเพียงแค่เขาโบกมือหนึ่งที ก่อนที่ไฟดวงดาวจะปรากฏขึ้น ชั่วขณะที่ไฟดวงดาวตกกระทบร่างของหวังจือหลิน ศพของคนผู้นี้ก็พลันถูกเผาไหม้อย่างรุนแรงจนกลายเป็นขี้เถ้า และลอยหายไปตามลมในชั่วพริบตา

“เจ้าหวังจือหลินนี้มีประโยชน์เสียจริง ก่อนตายก็ยังกลายเป็นหุ่นไล่กาให้ทุกคนชื่นชม! ตอนสุดท้ายก็กลายเป็นเถ้าถ่านบำรุงพื้นโลก ช่างมีประโยชน์มากมายเสียเหลือเกิน!” กวนเชิงพูดอย่างยียวนกวนประสาท

หวังจือหลินตายแล้ว เสือดาวที่เขาขี่เองก็สลายไปเช่นเดียวกัน หลังจากนี้บนโลกใบนี้ก็จะไม่มีคนชื่อว่าหวังจือหลินอีกแล้ว!

“ซอมบี้ตรงนั้นฟังฉันให้ดี ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสพวกนายอีกครั้ง หากพวกนายยอมถูกจับเข้าไปในเมือง ฉันจะทำการชำระล้างให้ ฉันจะมอบโอกาสให้ซอมบี้อย่างพวกนายได้กลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง!” ฉู่เหินยืนพูดอยู่ด้านหน้ากองทัพฝั่งตน ชายหนุ่มตะโกนพูดเสียงดังเสียจนทำให้ซอมบี้นับล้านได้ยินถ้อยคำดังกล่าวอย่างชัดเจน

ที่คิดไม่ถึงก็คือ ท่ามกลางซอมบี้นับล้านตัว ไม่มีใครก้าวมาข้างหน้าเลยสักคน พวกมันต่างพากันถอยไปด้านหลังคนละหนึ่งก้าว การกระทำดังกล่าวถือเป็นการแสดงถึงเจตนาของพวกเขาอย่างชัดเจน!

ทว่านี่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของฉู่เหินเท่าไร เขาพลันจัดแจงสั่งให้คนเป่าแตร่เรียกกำลังพล

หลังจากพวกเขากลับมาในเมือง บรรยากาศภายในนี้ก็ดูดีขึ้นมาก เดิมทีพวกชาวเมืองยังคงมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่บ้าง แต่หลังจากชัยชนะครั้งนี้ มันก็ทำให้พวกเขาเริ่มมีความหวังกันบ้างแล้ว พวกชาวบ้านเชื่อว่าขอเพียงฉู่เหินเป็นคนนำทัพ ต่อให้เป็นพวกซอมบี้นับล้าน หรือนับสิบล้านพวกเขาก็ไม่กลัว!

หลังกลับเมือง ฉู่เหินก็เรียกหาฉู่ฉุน ก่อนที่เขาจะมอบภาพค่ายกลหนึ่งแผ่นให้อีกฝ่าย ชายหนุ่มสั่งให้ฉู่ฉุนทำตามวิธีสร้างค่ายกลในภาพนี้ และยังบอกให้ทำตามโครงสร้างนี้อย่างเข้มงวด รวมไปถึงการกำชับว่านี่เป็นงานเร่งด้วย ต้องทำให้เสร็จให้เร็วที่สุด

เรื่องนี้ฉู่เหินต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ คนนอกจะรับรู้ไม่ได้เด็ดขาด และแม้จะให้ฉู่ฉุนเป็นผู้สร้างค่ายกล เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลลัพธ์แบบไหนออกมา

ผ่านไปแล้ว 3 วัน กองทัพของซอมบี้ตกต่ำลงอย่างชัดเจน หวังจือหลินถือเป็นยอดฝีมือของฝั่งซอมบี้คนหนึ่ง ไม่คิดว่าวันนี้จะมาตกม้าตายที่นี่

ระยะเวลาผ่านไป พวกซอมบี้ระดับสูงก็ได้ไปแอบคิดแผนรับมือขึ้นมาหนึ่งแผน ขอเพียงแค่แผนนี้ประสบความสำเร็จ พวกเขาก็มีความหวังเรื่องทำลายเมืองโบราณแล้ว

วันหนึ่งฉู่เหินนั่งอ่านรายงานในกระโจม จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ได้ยินทหารมารายงานว่าข้างนอกมีซอมบี้ 100,000 คนประกาศยอมแพ้ อีกทั้งพวกมันแสดงออกว่าต้องการจะกลับมาเป็นมนุษย์

ในตอนแรกนั้นเขายังคงมีท่าทีลังเลอยู่บ้าง แต่เมื่อได้รับฟังเหตุผลจากเหล่าขุนนาง ฉู่เหินก็เลือกที่จะคล้อยตามและตกลงเห็นด้วย แต่ทว่าหลังจากที่คนพวกนั้นเดินออก ริมปากของชายหนุ่มก็อดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เขารีบตีหน้าขรึม ก่อนจะสั่งให้คนไปเรียกฉู่ฉุนมา

หลังจากเรียกอีกฝ่ายมาแล้วฉู่เหินก็เข้าไปกระซิบที่ข้างหู หลังจากที่ฉู่ฉุนได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด เขาก็แอบตกใจ เรื่องราวที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกเคารพนับถือพี่ชายเพิ่มยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า!

เหนือกำแพงเมืองตอนนี้จะเห็นเพียงฉู่ฉุนยืนอยู่ เขาตะโกนลงไปข้างล่างว่า “คนข้างล่างจงฟัง พวกนายสามารถหนีมาหาอนาคตที่สดใสได้ พวกเรารู้สึกดีใจมาก เรากำลังเตรียมพร้อมที่จะให้พวกนายเข้าเมือง อีกทั้งจะช่วยพวกนายล้างเลือดซอมบี้ ด้วยวิธีนี้พวกนายก็จะสามารถกลับไปเป็นมนุษย์จริง ๆ ได้แล้ว!”

หลังจากได้ยินที่ฉู่ฉุนพูด ซอมบี้ข้างล่างต่างก็ร้องเสียงสูงราวกับว่าพวกเขาดีใจนักหนา!

“แต่ว่าพวกนายมีถึง 100,000 คน พวกเราไม่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นก่อนพวกนายเข้าเมืองจะต้องมอบอาวุธของพวกนายออกมาก่อน พร้อมกับถุงมิติ และแหวนมิติต่าง ๆ ของพวกนี้ต้องมอบมาทั้งหมด แต่วางใจได้ของเหล่านี้พวกเราไม่ได้เอาไปหรอกนะ รอให้พวกนายฟื้นฟูสติกลับไปเป็นคนก่อน พวกฉันถึงจะคืนของให้กับพวกนาย!”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ของฉู่ฉุน แม้ว่าในใจจะค่อนข้างหวาดระแวง แต่พวกซอมบี้นับแสนเหล่านั้นก็ยังพยักหน้าแสดงออกว่ายอมรับ จากนั้นฉู่ฉุนก็ให้ทหารไม่กี่สิบคนลงไปเก็บรวบรวมสิ่งของทั้งหมดมา

ในเวลาเดียวกัน ตอนที่พวกทหารลงไปเก็บสิ่งของเหล่านี้ พวกเขาก็ได้ให้กำไลกับซอมบี้กันคนละหนึ่งวง อีกทั้งยังให้คนเหล่านี้ใส่ไว้ที่ข้อมือ บอกพวกเขาว่านี้คือการจดบันทึกการเข้าเมือง เพราะว่าในเมืองนั้นมีค่ายกลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่มีกำไลข้อมือนี้ล่ะก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกสังหาร

หลังจากที่พวกซอมบี้ได้ยิน พวกเขาก็เลือกที่จะสวมกำไลโดยไม่ลังเล

ฉู่ฉุนที่ยืนอยู่บนกำแพง เมื่อเห็นว่าพวกนี้สวมกำไลข้อมือ ใบหน้าของเขาก็พลันเผยรอยยิ้มออกมา

หลังจากซอมบี้พวกนี้ยอมมอบอาวุธ และได้รับกำไลข้อมือกันแล้ว พวกเขาก็ค่อย ๆ เดินผ่านบาเรียป้องกันเมืองเข้ามา เมื่อเวลาผ่านไป ภายในเมืองก็ปรากฏพวกซอมบี้นับแสน!

หลังจากพวกเขาเข้ามาให้เมืองได้แล้ว พวกซอมบี้ก็พบว่าบนพื้นถนนนั้นส่องแสงสว่างของพลังงานออกมา นี้สามารถบอกได้ว่าทั่วทั้งเมืองโบราณนั้นมีค่ายกลแอบแฝงอยู่ เห็นดังนั้น พวกมันก็พากันรู้สึกโชคดีที่ข้อมือสวมกำไลไว้อยู่ ไม่งั้นคงเข้ามาไม่ได้

ฉู่เหินเมื่อเห็นพวกซอมบี้เข้ามา ชายหนุ่มก็เดินออกไปต้อนรับพร้อมรอยยิ้มทันที ใบหน้ายิ้ม ๆ ของเขานั้นให้ความรู้สึกเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

“ยินดีต้อนรับ ๆ ยินดีต้อนรับทุกคนสู่หนทางที่สดใส ฉันขอเป็นตัวแทนชาวเมืองทุกคนต้อนรับทุกคนด้วยความจริงใจ แค่เพียงรอให้ชำระร่างกายทุกคนก่อน พวกนายก็จะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาแล้ว ” ฉู่เหินยืนพูดอยู่ด้านหน้าพวกเขา พร้อมกับผายมือออกมา