บทที่ 297 ทะเลาะ

บทที่ 297 ทะเลาะ

ซูโย่วอี๋นอนหลับจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น แต่พอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่พัดผ่านหู เธอก็ตื่นขึ้นมาในทันที

พอหันไปมองก็เห็นลู่เฉินยังคงหลับสนิท

แต่เมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนในอ้อมแขน ลู่เฉินโอบรัดซูโย่วอี๋แน่นทั้งที่ยังสลึมสะลือ “โย่วอี๋…”

น้ำเสียงชายหนุ่มฟังดูโหยหา แต่ก็แฝงไปด้วยความสับสน

สายตาของซูโย่วอี๋ไล่ตามโครงหน้าของอีกฝ่าย ก่อนเอื้อมมือไปแตะขนตาหนาของเขาโดยไม่รู้ตัว

“สนุกไหม?”

ในวินาทีถัดมา ลู่เฉินก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ

ม่านตาสีเข้มไร้วี่แววของความสับสนยามเพิ่งตื่น ดูน่าดึงดูดมาก

ซูโย่วอี๋ตกใจ “คุณตื่นนานแล้วเหรอ?”

“เพิ่งตื่น”

ซูโย่วอี๋ไม่พอใจ “เมื่อคืนคุณกลับมาดึก นอนต่ออีกหน่อยเถอะค่ะ ฉันจะไปทำอาหารเช้าแล้วค่อยมาปลุกคุณ”

ว่าแล้วก็เตรียมตัวลุกขึ้น

แต่ลู่เฉินไม่ยอมปล่อย “อย่าไป ให้ผมกอดสักพักเถอะนะ”

เขาฉวยโอกาสฝังศีรษะไว้ตรงคอของเธอ ซูโย่วอี๋สงสัยว่าเขาเผลอหลับไปอีกครั้งหรือเปล่า เพราะเขาไม่ส่งเสียงมาพักหนึ่งแล้ว

เธอคิดจะผลักมือของลู่เฉินที่เอวของตนออกไป

“โย่วอี๋” ทันใดนั้นเสียงอีกฝ่ายก็ดังขึ้น “คุณมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า”

ซูโย่วอี๋สับสน “คุณหมายความว่าไง คุณไม่ได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันแล้วเหรอคะ”

ทั้งเรื่องหย่าร้าง ทั้งชีวิตที่ผ่านมานั่น…

เธอไม่เคยปกปิดเขาเลย

ลู่เฉินเงยหน้าขึ้น “ผมคิดว่าคุณคงไม่ปิดบังผมเหมือนกัน”

ถ้าปิดบัง อย่างน้อยซูโย่วอี๋คงไม่ได้ตั้งใจ

ลู่เฉินไม่ต้องการอ้อมค้อม เขาถามออกไปตามตรงว่า “คุณไปเอายาที่ให้คุณปู่มาจากไหน?”

ซูโย่วอี๋เหมือนถูกฟ้าผ่ากลางใจ “คุณรู้ได้ยังไง”

สารภาพออกมาแล้ว

ลู่เฉินจัดผมบนหน้าผากของเธอ “คุณซ่อนไม่มิดน่ะสิ มีคนเจอน่ะ”

“อยากจะบอกผมไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ซูโย่วอี๋หลุบตาลง ความคิดของเธอพันกันยุ่งเหยิง

‘เจ้าจิ้งจอกเน่า ฉันบอกการมีอยู่ของระบบได้ไหม?’

เจ้าจิ้งจอกเน่าพูดอย่างจริงจัง [ซู่จู่ คุณไว้ใจลู่เฉินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?]

ซูโย่วอี๋บอกทุกอย่างผ่านสีหน้าหมดแล้ว

เจ้าจิ้งจอกเน่าเปลี่ยนเรื่อง [ถึงคุณอยากจะพูด คุณก็ทำไม่ได้ ระบบมีกลไกการปกปิดตัวเอง หากเปิดเผยการมีอยู่ของระบบ คุณจะถูกแบน]

[ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู]

ซูโย่วอี๋จ้องข้อนิ้วเรียวของลู่เฉิน “ฉันพูดไม่ได้ แต่ฉันยืนยันว่าฉันไม่มีเจตนาร้ายต่อคุณหรือคุณปู่แน่นอนค่ะ”

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ลู่เฉินไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาค่อย ๆ ตะล่อม “คุณอาจไม่รู้ว่ายาที่คุณเอาออกมามีค่าแค่ไหน”

ยานั่นมีส่วนผสมปริศนาที่จะทำให้สถาบันวิจัยทางการแพทย์ทั่วโลกตื่นตระหนกได้เลยด้วยซ้ำ

“ถ้าคุณไม่บอกผม ผมก็ไม่สามารถช่วยคุณได้ คุณกำลังตกอยู่ในอันตราย โย่วอี๋”

ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว เธอไม่เคยคิดว่าแค่ขวดยาจะมีผลกระทบมากขนาดนี้

“ฉันจะไม่ใช้มันจนกว่าจะถึงเวลาวิกฤต โอเคไหม?”

ลู่เฉินมองเธออย่างไม่เข้าใจ “คุณไม่ได้เอายานี้มาจากที่อื่น แต่คุณเป็นเจ้าของมันใช่ไหม?”

ไม่อย่างนั้น คำพูดของเธอจะไม่ใช่ ‘ฉันจะไม่ใช้มัน’

จากประโยคนี้ เท่ากับว่าเธอสามารถใช้มันได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าความรอบคอบของลู่เฉินไม่ใช่เรื่องดี เพราะอีกฝ่ายมองเธอออกทะลุปรุโปร่งจากแค่คำพูดที่ไม่ทันระวังของเธอ

“ใช่ค่ะ”

“ตอนเฉินซีซีเจ็บคอ ก็หายเพราะยาที่คุณให้สินะ?”

“ใช่ค่ะ”

ลู่เฉินมองคนตรงหน้า “ผมไม่รู้ว่าตัวเองมีแฟนน่ากลัวขนาดนี้”

“คุณอย่าถามอะไรอีกเลย ฉันตอบไม่ได้…”

ลู่เฉินบีบคางของเธอ เป็นการบังคับให้สบตากัน “ซูโย่วอี๋ ผมเชื่อใจคุณโดยไม่มีเงื่อนไข แล้วคุณล่ะ?”

สายตาของเขาทั้งโกรธทั้งผิดหวัง

ซูโย่วอี๋เกือบจะโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกมา แต่ก็ถูกเหตุผลดึงกลับมาก่อน เธอจึงพูดเพียงว่า “ฉันขอโทษ”

ลู่เฉินปล่อยเธอแล้วลงจากเตียงไป

“ไว้เราค่อยคุยกันใหม่ตอนคุณเต็มใจคุยแล้วกัน”

จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ ไกลออกไป ประตูปิดลงในที่สุด

เขาไปแล้ว…

ซูโย่วอี๋จ้องไปทางประตูด้วยความสับสนอยู่พักหนึ่ง

พวกเรา… ทะเลาะกันเสียแล้วสิ

ทันใดนั้น เจ้าจิ้งจอกเน่าออกมาจากพื้นที่ระบบทันที มันดูตื่นเต้น คิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร [คุณลู่โกรธแล้ว ๆ]

ซูโย่วอี๋เศร้าใจ “นายเป็นครึ่งมนุษย์แล้วนี่ เห็นใจกันบ้างสิ”

[ใจเย็น ๆ ก่อนน่า]

เจ้าจิ้งจอกเน่าไม่ได้จริงจังนัก [อย่ากังวลไปเลย เขาโกรธไม่นานหรอก]

[แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าเขาโกรธล่ะ เขากังวลว่าสถาบันวิจัยจะพาคุณไปทดลองไม่ใช่เหรอ?]

ซูโย่วอี๋ก้มหน้าลง ไม่อยากพูดอะไรอีก “ฉันไม่โทษเขาหรอก”

เจ้าจิ้งจอกเน่าเข้ามาหาอย่างฮึกเหิมพลางตบไหล่ซูโย่วอี๋ [พวกผู้ชายน่ะ ชอบกลัวว่าผู้หญิงของเขาจะถูกทำร้าย]

[เพราะงั้นอย่ากังวลไปเลย ผลการคัดเลือกภาพหน้าปกของ[นิตรยสารรายสัปดาห์] รอบแรกประกาศแล้ว ทำไมคุณไม่ไปดูล่ะ]

ซูโย่วอี๋หยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียง เข้าเว็บไซต์แล้วคลิกที่หน้าที่ใหญ่ที่สุด มันเป็นประกาศผลการเลือกภาพขึ้นหน้าปกนิตรยสาร

มีภาพทั้งหมด 33 ภาพที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้น ทางเว็บลงภาพถ่ายที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด แต่ละภาพเรียกได้ว่าภาพถ่ายระดับไฮเอนด์ทีเดียว

ซูโย่วอี๋กวาดนิ้วจากบนลงล่างไปยังรูปภาพสุดท้าย แต่เธอก็ไม่เห็นรูปภาพของตัวเอง

เกิดอะไรขึ้น?

เธอแพ้เหรอ?

เจ้าจิ้งจอกเน่าก็ประหลาดใจเช่นกัน [ไม่มีทาง ระบบทำให้ จะไม่มีใครชอบได้ยังไง!]

[น่าสงสัย ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ ๆ]

เมื่อมันกำลังจะตรวจสอบสถานการณ์ ซูโย่วอี๋ก้หยุดเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ “ช่างเถอะ”

“บางทีภาพถ่ายของเราอาจไม่ถูกใจพวกเค้า”

หลังจากพูดจบ ซูโย่วอี๋ก็เข้าไปในระบบ

มีสองคำใหญ่ ๆ คือ ‘ความล้มเหลว’ ลอยอยู่ในผลการประเมินภารกิจ

จะมีโอกาสประเมินทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งนี้ล้มเหลว ทำให้เธอมีเวลาการประเมินครั้งต่อไปช้ากว่ากำหนดหนึ่งเดือน ในช่วงเวลานี้ ระบบจะระงับบริการทั้งหมดกับซู่จู่เพื่อเป็นการลงโทษ

ซูโย่วอี๋ตกตะลึง ดูเหมือนว่าบริการพวกนี้จะไม่เคยถูกระงับมาก่อน

“เจ้าจิ้งจอกเน่า เดือนนี้นายจะเป็นคนธรรมดางั้นเหรอ?”

เจ้าจิ้งจอกเน่าเลิกคิ้ว [ความสามารถของฉันยังอยู่ แต่ระบบจะจำกัดการใช้งาน ตอนนี้ฉันไม่มีประโยชน์กับคุณแล้ว เดือนนี้คุณคงต้องอยู่ตัวคนเดียวแล้วล่ะ]

ซูโย่วอี๋ถอนหายใจยาวเหยียด ดาวอับโชคโคจรมาหาเธอหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่ราบรื่นสักอย่างเลย

เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์

ลู่เฉินมีเอกสารสำคัญหลายอย่างที่ต้องตรวจสอบและลงลายมือชื่อ แต่หลังจากพยายามหลายครั้ง เขาก็ไม่สามารถสงบใจลงได้

เขาปิดเอกสารด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูตึกสูงระฟ้ารอบ ๆ

บนถนนที่ตัดกันมีรถจำนวนมากแล่นผ่าน

เขาลูบหว่างคิ้ว ยังไม่วางใจกับยาเม็ดนั้น

หนิงเชิงได้รับผลการทดสอบจากโรงพยาบาลเป๋าไป่ แม้ว่าจะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของยา แต่โรงพยาบาลนั่นมีอิทธิพลมาก คงรู้ว่ายานี่ได้มาจากซูโย่วอี๋ในไม่ช้า

จะทำอย่างไรดี…

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฮัวจิง โทรมา

ลู่เฉินขมวดคิ้ว โทรมาเร็วชะมัด

“สวัสดี”

“[สวัสดีคุณลู่ ผมฮัวจิง ผมขอโทษที่รบกวนคุณในช่วงที่งานยุ่ง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณน่ะครับ]”

ลู่เฉินแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ผู้อำนวยการฮัวจะคุยเรื่องอะไรครับ?”

“[เมื่อสองวันก่อน คุณนายลู่นำขวดยามาที่โรงพยาบาลของเราเพื่อทำการทดสอบ คุณคงรู้ผลการทดสอบนี้แล้วครับ ผมอยากถามเกี่ยวกับคุณซู คุณสะดวกไหมครับ?]”