ตอนที่ 501 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (1) ตอนที่ 502 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 501 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (1) / ตอนที่ 502 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (2)
ตอนที่ 501 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (1)

สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นเพียงแม่หนูน้อยเท่านั้นไม่ใช่หรือ พวกเขาที่เป็นถึงเป็นพี่ชายจะไม่ยอมปล่อยให้น้องสาวคนเล็กได้รับความอยุติธรรม

“หลังเก็บหญ้าวิญญาณวารีเสร็จแล้ว ให้เจ้าโง่เฉียวเรียกกุ๋นกุ่นออกมาให้เจ้าลูบเล่นดีหรือไม่” นับว่าฮวาเหยาจับ ‘จุดอ่อน’ ของจวินอู๋เสียได้อยู่หมัด

ตามที่คาดไว้ ทันทีที่นางได้ยินชื่อกุ๋นกุ่น ดวงตาของจวินอู๋เสียก็เป็นประกาย นางเงยหน้าขึ้นและพยักหน้าอย่างหนักแน่น!

ฮวาเหยาเผลอหัวเราะออกมา เดินนำจวินอู๋เสียตามคนข้างหน้าไป

ภายใต้เสียงหัวเราะรื่นรมย์ แต่กลับมีคนมาทำลายบรรยากาศอันงดงามเป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกันนี้

หลังจากที่หนิงซินจากไป ลู่เว่ยเจี๋ยและพรรคพวกยังคงอยู่ที่เดิมโดยคิดว่าจะเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย[1] ต่อไป แต่หลังจากเสียงคำรามของสัตว์วิญญาณหายไปสักพัก พวกเขาที่กล้าก้าวต่อไปก็บังเอิญมาเจอกับจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง!

“ศิษย์พี่ลู่ เป็นพวกเขา!” ศิษย์ที่มีสายตาคมกริบคนหนึ่งมองปราดเดียวก็เห็นหลงฉีและคนอื่นๆ ทว่าเมื่อกวาดตามองออกไป กลับเห็นว่าไม่ได้มีแค่หลงฉีและพรรคพวกเท่านั้น หากแต่ยังมีฟ่านจิ่นและกลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่สวมชุดเครื่องแบบสำนักศึกษาเฟิงหัวอีกหลายคน

ลู่เว่ยเจี๋ยอึ้งไปชั่วขณะ เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลงฉีกับพรรคพวกจะยังมีชีวิตรอดกลับมาได้ การที่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ ไม่ว่าใครก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว!

แม้ว่าหลงฉีและพรรคพวกจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ดูไม่หนักหนาสาหัสนัก และสีหน้าท่าทางดูแช่มชื่นมาก

สภาพเช่นนี้ ลู่เว่ยเจี๋ยไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้เลย

“สมควรตาย! ไอ้พวกสารเลวยังกล้าปรากฎตัวอีก!” ทหารของกองทัพรุ่ยหลินที่เกือบจะโดนสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติฆ่าตาย ทันทีที่เห็นลู่เว่ยเจี๋ยก็มองด้วยสายตาเกรี้ยวกราดทันใด ถ้าไม่ใช่เพราะแผนการของไอ้พวกสารเลวนี่ พวกเขาจะตกต่ำน่าเวทนาถึงขั้นนั้นได้อย่างไร!

เสียงด่าทอนี้ทำให้ลู่เว่ยเจี๋ยตัวสั่นทันที หลงฉีพวกเขายังไม่ตาย ดังนั้นเรื่องก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล่อให้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติมาจะต้องถูกเปิดเผยแน่นอน! จะทำอย่างไรดีนะ

“ไปเร็ว!” ลู่เว่ยเจี๋ยไม่กล้าหยุดแม้เพียงครึ่งก้าว จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าการจากไปของหนิงซินและอิ่นเหยียนนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เกรงว่าทั้งสองคนจะรู้แล้วว่าหลงฉีและคนอื่นๆ ยังมีชีวิตอยู่ จู่ๆ จึงได้ประกาศถอนตัวเพื่อหนีเอาชีวิตรอด!

ความแข็งแกร่งของหลงฉีเหนือกว่าพวกเขามาก และคนข้างกายของเขาก็ไม่ได้รังแกได้ง่ายๆ หากมีการคิดบัญชีกันเกิดขึ้น คงได้จบเห่แล้วจริงๆ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เว่ยเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิหนิงซินและอิ่นเหยียนที่หนีไปแต่เนิ่นๆ ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนนี้รู้ว่าหลงฉียังไม่ตาย แต่กลับไม่ได้เตือนพวกเขาสักคำ ทำให้เข้าใจผิดคิดว่ายังมีช่องโหว่ให้ฉวยโอกาสได้ จึงคอยอยู่ที่นี่อย่างโง่เขลา รอให้หลงฉีและพรรคพวกมาจับตัวไปได้อย่างพอดิบพอดี!

ลู่เว่ยเจี๋ยสาวเท้าวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต และศิษย์คนอื่นๆ ก็วิ่งตามเขาไปติดๆ

หลงฉีหรี่ตาลง ในฐานะแม่ทัพเอกของกองทัพรุ่ยหลิน แต่กลับโดนเด็กกลุ่มนี้วางแผนเล่นงานเอาเลยได้ ช่างน่าขายหน้าจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

“อยากหนีหรือ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” หลงฉีพูดอย่างเย็นชา ทันใดนั้นทหารอีกห้า นายของกองทัพรุ่ยหลินที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยต่างก็แยกย้ายติดตามพวกเขาไปทันที ความรวดเร็วและจิตใจอันแน่วแน่ที่ได้ฝึกฝนมาอย่างหนักตลอดหลายปีในสนามรบ ไม่ใช่สิ่งที่บรรดาคุณชายน้อยผู้มีชีวิตหรูหราอยู่ดีกินดีจะสามารถเทียบเทียมได้ แม้ร่างกายบาดเจ็บ แต่รับรองได้ว่าพวกเขาต้องชนะอย่างแน่นอน!

แล้วก็เห็นศิษย์กลุ่มนั้นที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ถูกทหารกองทัพรุ่ยหลินทยอยจับตัวมาโยนลงบนพื้นทีละคน ส่วนลู่เว่ยเจี๋ยอาศัยว่าตัวเองมีพลังวิญญาณไม่เลว เขาพุ่งหนีไปด้วยกำลังทั้งหมด ทว่าหลงฉีกลับไล่กวดเขาอย่างไม่ลดละ

ลู่เว่ยเจี๋ยหันกลับมาหมายจะโจมตีด้วยพลังวิญญาณ แต่ก่อนที่เขาจะมองเห็นร่างของหลงฉี เขาก็ถูกหลงฉีเตะเข้าที่หน้าท้อง คนทั้งคนลอยไปไกลราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน!

ตอนที่ 502 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (2)

ลู่เว่ยเจี๋ยกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่จนกระอักเลือดออกมา แต่ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว หลงฉีก็ใช้มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อขึ้นและโยนไปไว้ข้างๆ ศิษย์พวกนั้นทันที

ลู่เว่ยเจี๋ยที่มีแต่คนประจบประแจงและโอ้อวดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาโดยตลอด บัดนี้คนทั้งคนเป็นเหมือนกองโคลนที่นอนราบกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ความโอหังอวดดีหมดสิ้น

ทหารกองทัพรุ่ยหลินทุกนายได้โอบล้อมศิษย์ทั้งยี่สิบกว่าคนไว้ตรงกลาง ชักกระบี่อันคมกริบออกมาจากฝักที่เหน็บอยู่ข้างเอว

ลำแสงเยียบเย็นสาดแสงระยิบระยับ และทันใดนั้น เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็ร้องห่มร้องไห้ส่งเสียงครวญครางเหมือนผีสาง ร้องโหยหวนราวกับหมาป่า

“อย่า! อย่าฆ่าพวกเรา! พวกเราไม่ได้ตั้งใจ! พวกเราสำนึกผิดแล้วขอรับ!”

เมื่อไม่กี่อึดใจที่ผ่านมายังคิดจะฆ่าคนปล้นทรัพย์อยู่เลย แต่ครู่ต่อมากลับถูกคนโยนลงพื้นจนพลิกคว่ำหลายตลบ เมื่อเห็นปลายกระบี่อันเย็นเฉียบชี้มาที่ตัวเอง บรรดาลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวที่ปกติไม่เคยคิดว่ามีคนเหนือกว่าตนเอง เวลานี้ต่างก็คลานเข่าโขกศีรษะร้องขอชีวิต และยังมีอีกหลายคนที่ขลาดกลัวจนปัสสาวะราดตรงนั้นเลย

ฟ่านจิ่นขมวดคิ้วมุ่น รีบวิ่งเข้าไปขวางไว้!

“แม่ทัพเอกหลง! โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

หลงฉีที่กำลังเงื้อมกระบี่ขึ้นชะงักเล็กน้อย

“ข้ารู้ว่าคราวนี้พวกเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นศิษย์ตึกหลักของสำนักศึกษาเฟิงหัว ขอได้โปรดไว้ชีวิตพวกเขาเพื่อเป็นการไว้หน้าแก่สำนักศึกษาเฟิงหัวด้วย สำนักศึกษาเฟิงหัวจะให้คำอธิบายกับพวกท่านอย่างแน่นอน!” ฟ่านจิ่นรีบพูดขึ้นทันที หลงฉีพวกเขาใช้ชีวิตตรากตรำอยู่ในกองทัพท่ามกลางการสู้รบที่โหดเหี้ยมทารุณ การฆ่าคนนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายไม่ต่างอะไรกับการกินข้าว หากช้าไปกว่านี้ ชีวิตของเด็กหนุ่มกว่ายี่สิบชีวิตคงต้องถูกทิ้งไว้ที่นี่แน่!

หลงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางเหี้ยมโหดดุร้ายว่า “ทำร้ายชีวิตของผู้อื่น ย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

ฟ่านจิ่นถูกข่มจากท่าทางอันดุดันของหลงฉีจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ถึงแม้เขาจะฝักใฝ่กองทัพรุ่ยหลิน แต่ไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นอายการเข่นฆ่าที่เปื้อนเลือดของทหารอย่างแท้จริง กลิ่นอายชนิดนั้นเพียงพอที่จะทำลายความกล้าหาญของคนให้หวาดหวั่น

“ข้ารู้ ข้ารู้ แต่ว่า…แต่ว่าพวกท่านไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ ข้ารู้ว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิด แต่…ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นชีวิตของมนุษย์กว่ายี่สิบคน อีกอย่าง…ผู้บงการเรื่องนี้ไม่ใช่พวกเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่นั่งรอความตายอย่างโง่เขลาอยู่ที่นี่หรอก แม้ว่าพวกเขาจะมีเจตนาร้าย แต่โทษทัณฑ์ไม่ถึงขั้นที่ต้องตาย อีกทั้งพวกเขายังเยาว์วัยนัก แม่ทัพเอกหลงได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ละเว้นโทษเขาในคราวนี้ ข้ารับรองว่าสำนักศึกษาเฟิงหัวจะลงโทษพวกเขาสถานหนักอย่างแน่นอน!” ฟ่านจิ่นแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเขาไม่ใช่บุตรชายของอาจารย์ใหญ่ เขาคงได้แต่มองเจ้าพวกโง่เง่ารนหาที่ตายโดยไม่รู้สึกอะไรได้ แต่ใครใช้ให้เขาเป็นบุตรชายของอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาเฟิงหัวกันเล่า วันนี้ถ้าเขาปล่อยให้คนจำนวนยี่สิบกว่าชีวิตนี้ถูกฆ่าตายโดยไม่ทำอะไร เช่นนั้นแล้วสำนักศึกษาเฟิงหัวคงถึงกาลวิบัติแล้ว

แม้ว่าการที่มีคนตายในงานล่าวิญญาณจะเป็นเรื่องปกติ แต่สถานการณ์ที่คนทั้งกลุ่มถูกกำจัดทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ผู้ที่สามารถเข้าสู่สำนักศึกษาเฟิงหัวได้ หากไม่ใช่เพราะตระกูลที่ร่ำรวย ก็เป็นตระกูลผู้มีอำนาจมีบทบาทในด้านใดด้านหนึ่ง

ถ้าเสียชีวิตไปทั้งหมดกว่ายี่สิบคน ครอบครัวของพวกเขาจะมาเรียกร้องที่สำนักศึกษาเฟิงหัว ไม่รู้ว่าจะสร้างความโกลาหลเพียงใด

ขณะที่พูดฟ่านจิ่นก็เหงื่อตกอยู่ตลอด ด้วยกลัวว่าหลงฉีจะไม่สนใจไยดีและลงมือฆ่าคนทันที

หลงฉีขมวดคิ้วไม่ปริปากพูดอะไร ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงกระตุกเท้าเตะไปตั้งแต่แรกและลงมือโดยไม่สนใจแล้ว กองทัพหล่อหลอมให้เขาเป็นคนเลือดเย็น จะยอมให้คนอื่นมาเปลี่ยนแปลงง่ายๆ กระนั้นหรือ

อย่างไรก็ตาม ฟ่านจิ่นเป็นคนที่จวินอู๋เสียพามาด้วย ดังนั้นหลงฉีจึงต้องเหลือบมองจวินอู๋เสีย เพื่อถามความคิดเห็นของนาง

จวินอู๋เสียใช้สายตาเย็นชามองลู่เว่ยเจี๋ยและคนอื่นๆ ที่กำลังตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในสมองไม่มีภาพของความทรงจำใดๆ ต่อพวกเขาแม้แต่น้อย อย่างที่ฟ่านจิ่นกล่าว ผู้บงการที่เล่นงานหลงฉีและคนอื่นๆ ไม่ใช่คนเหล่านี้ หากแต่เป็นหนิงซินและอิ่นเหยียนที่หนีไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่แรกแล้ว

——————————————-

[1] เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย ใช้เปรียบเปรยถึง คนที่ไม่คิดที่จะลงแรงหรือพยายามทำงาน แต่กลับหวังที่จะได้ผลงานที่ดี หรือได้สิ่งตอบแทนดีๆ หวังอย่างลมๆ แล้งๆ ซึ่งมันไม่มีวันเป็นไปได้