บทที่ 215 ที่ดื่มมันคืออะไรกันแน่

บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์

ตั้งแต่วันที่พวกเขาสองคนเล่นละครต่อหน้ามู่หรูกงกงครั้งนั้น ก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องแต่งพระชายารองอีกเลย

หยวยชิงหลิงยังรู้สึกดีใจคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว คิดไม่ถึงว่า กลับถูกพูดขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ แม้ฮ่องเต้จะไม่คิดจะมีบัญชา

แต่ฉู่หมิงหยางกลับพูดออกมา หากไม่เป็นไปอย่างที่พูด คนที่เสียหน้าก็หนีไม่พ้นตระกูลฉู่

ตระกูลฉู่ยินดีจะเสียหน้าเช่นนี้หรือ

หยวนหย่งอี้มองฉู่หมิงหยางอย่างเกลียดชัง เดิมที่อ๋องฉู่ก็ต้องแต่งพระชายารอง พอตัวเองรู้ก็เลยมาสำรวจก่อน แต่งให้อ๋องฉู่นั้นดีแค่ไหน เช่นนั้นนางก็จะได้เป็นพี่น้องกับพระชายาฉู่แล้ว

แม่นมสี่สะกดกลั้นอารมณ์ที่อยู่ในใจ ประคองหยวนชิงหลิงเอาไว้ เกรงว่านางจะทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบเพราะคำพูดของฉู่หมิงหยาง

ฉู่หมิงหยางมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาชั่วร้ายอำมหิต รอคำตอบของนาง

หยวนชิงหลิงมองนาง เอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ข้ากับเจ้า ไม่มีทางได้เป็นพี่น้องกันแน่นอน”

ในเมื่อฉู่หมิงหยางกล้าจะพูดออกมา นางเองก็กล้าพูดออกไป

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ได้ยินทุกคำพูด เจ้ามีโสวฝู่ฉู่ ข้ามีไท่ซ่างหวง เรามาสู้กันสักตั้ง

ฉู่หมิงหยางยิ้มเย็น “เกรงว่าเรื่องของวาสนานั้น สุดที่คนเราจะควบคุมได้”

“วาสนาบ้าบออะไร”หยวนหย่งอี้ฟังออก พี่พระชายาฉู่ไม่ได้คิดจะเอานาง จึงออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรม “ถ้าเจ้าจะเป็นรองพระชายาฉู่ ต้องผ่านการตัดสินใจอยู่แล้ว พี่พระชายาฉู่บอกไม่อนุญาต เช่นนั้นเจ้าก็เป็นไม่ได้ เจ้าเปลื้องจนหมดเพื่อดึงดูดอ๋องฉู่ก็ไม่เป็นผลหรอกนะ อ๋องฉู่คงไม่มองต้นอ่อนเน่าๆอย่างเจ้า”

ฉู่หมิงหยางหมุนตัวไปอย่างเย็นชา ทำหน้าไม่พอใจราวกับจะพูดกับหยวนหย่งอี้

ฉู่หมิงชุ่ยช่วยอะไรไม่ได้เลย บางทีอาจจะไม่คิดช่วยเหลือด้วยซ้ำ ได้แต่ยกแขนเสื้อขึ้นมองอยู่ข้างๆด้วยสายตาเย็นชา

หยวนหย่งอี้มองไปที่หยวนชิงหลิง เอ่ยอย่างโมโหว่า “พี่พระชายาฉู่ ข้าพูดจาหยาบคายเกินไปหรือไม่”

หยวนชิงหลิงมองนาง ค่อยๆพยักหน้า “ใช่ แต่ว่า ตรงกับใจข้าจริงๆ”

ใบหน้ากลมนั้น เกิดประกายสดใสขึ้นราวกับดอกไม้ ส่องสว่างขึ้นมา

แล้วก็เข้าไปน้อมทักทายไทเฮาพร้อมกัน ความสนใจของไทเฮาอยู่ที่ตัวหยวนชิงหลิงอยู่ที่หยวนชิงหลิงทั้งหมด

คอยถามซ้ำๆอย่างละเอียดว่านางกินดื่มเป็นอย่างไรบ้าง ยังมีอาการอาเจียนหรือไม่ ยังเวียนหัวหรือไม่ ปัสสาวะบ่อยหรือไม่ อ๋องฉู่อยู่ในร่องในรอยหรือไม่ ถามจนหยวนชิงหลิงรู้สึกเขินเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

เสียนเฟยกับฮองเฮาก็อยู่ด้วย และเป็นครั้งแรกที่เสียนเฟยเผยสีหน้าอบอุ่นให้กับหยวนชิงหลิง กำชับเรื่องที่ควรระวังระหว่างตั้งครรภ์กับนาง

หลังจากออกมาจากตำหนักของไทเฮา หยวนชิงหลิงก็พาแม่นมสี่และลู่หยาไปยังตำหนักฉินคุน

หยวนหย่งอี้ตามอยู่ห่างๆไม่ไกลมากนัก

ลู่หยาพูดเสียงเบาๆว่า “พระชายา รองพระชายาหยวนคอยตามแต่ท่าน ”

หยวนชิงหลิงก็รู้สึกได้ หันกลับไปมองนาง หยวนหย่งอี้รีบหลบเข้าไปในพุ่มดอกไม้ ชั่วครู่ค่อยเยี่ยมหน้าออกมา มองหยวนชิงหลิงอย่างอายๆ

สำหรับท่าทีของหยวนหย่งอี้ หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจมาก

ตอนนี้นางเชื่อคำพูดคำนั้นของหยู่เหวินเห้าแล้ว หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

นางเอาแต่มาป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆตนเอง มองนางด้วยสายตารักเทิดทูน แต่ใครจะรู้ว่าในใจมีแผนการอะไร นางคิดจริงๆว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรควรค่าแก่การนับถือ

นางสั่งการลู่หยา “ไปเชิญพระชายารองหยวน”

ลู่หยารีบเดินไป โค้งคำนับ “พระชายารองหยวน พระชายาเชิญท่านไปพบเพคะ”

สายตาของหยวนหย่งอี้มีแสงสว่างวาบขึ้นชั่วขณะ เดินแกมวิ่งเข้าไปหา มองหยวนชิงหลิงตาแป๋ว

หยวนชิงหลิงรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้างเล็กน้อย ภาพนี้ทำให้นางคิดถึงทุกครั้งตอนที่มือนางถือกระดูกเอาไว้ ตอเป่าก็มองนางเช่นนี้เหมือนกัน

“เจ้าเอาแต่ตามข้าทำไมกัน”หยวนชิงหลิงพูด

หยวนหย่งอี้มองนางอย่างหลงใหล “ข้า แม่ข้าบอกว่าต้องขอบคุณพระชายา ถามพระชายาว่ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ นางอยากจะมาเยี่ยมพระชายา ”

“ทำไมท่านแม่ของเจ้าต้องขอบคุณข้าด้วย”หยวนชิงหลิงถามอย่างประหลาดใจ

“วันนั้น ”หยวนหย่งอี้รู้สึกตื้นตัน “ท่านอยู่นอกเมือง ช่วยท่านแม่ข้าเอาไว้ ท่านแม่อยากจะขอบคุณท่านมาตลอด”

หยวนชิงหลิงมึนงง “ข้าเคยช่วยท่านแม่เจ้าไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”

แล้วนางก็นึกขึ้นได้กะทันหัน เหมือนจะมีฮูหยินคนหนึ่ง ฮูหยินคนนั้นไปกับฮูหยินเหลียงและพระชายาอ๋องชินลุ่ย ฮูหยินคนนั้นได้รับบาดเจ็บที่มือ นางได้ทำการห้ามเลือดให้ฮูหยินคนนั้น

“แม่เจ้าคือคนที่ได้รับบาดเจ็บที่มือคนนั้นหรือ”หยวนชิงหลิงถาม

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”หยวนหย่งอี้เห็นนางนึกขึ้นได้แล้ว ก็ยิ่งตื้นตัน มองนางตาปริบๆ “พี่พระชายา ท่านจะพบท่านแม่ข้าหน่อยได้หรือไม่ ”

หยวนชิงหลิงยิ้มบางๆและพูดว่า “ได้สิ เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าไปพาฮูหยินมา ข้าจะรอต้อนรับที่จวน ”

“ดีจริงๆเลย ”หยวนหย่งอี้ตื้นตันจนพูดไม่ออกแล้ว

หยวนชิงหลิงรู้สึกไร้คำพูดอีกครั้ง

ถ้าหากว่า หยวนหย่งอี้ไม่ใช่คนที่เดาง่ายขนาดนั้น เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนซับซ้อนมากแน่ๆ

ในช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากัน นางเองก็ต้องระวังตัวไว้ก่อนเป็นดี ฮูหยินหยวนคนนี้มาครั้งเดียวก็พอแล้ว ภายหน้ายังคงต้องเคารพรักอยู่ห่างๆ

หยวนหย่งอี้กระโดดโลดเต้นจากไป พอดีกับที่อ๋องฉีก็เข้าวังน้อมทักทายไท่ซ่างหวงเช่นกัน จึงได้พบเข้ากับหยวนหย่งอี้ หยวนหย่งอี้กระโดดโลดเต้น วิ่งเข้าไปกอดเขาเอาไว้ “จุ๊บ”เขาทีหนึ่ง ใบหน้ากลมสีแดงเข้มราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานสวยงามเต็มที่ โค้งตัวลงพูดว่า “ขอบคุณ ขอบคุณท่านอ๋อง คงเป็นท่านที่ไปพูดอะไรดีๆเกี่ยวกับข้าต่อหน้าพี่พระชายาฉู่แน่ๆ”

พูดจบ แล้วก็กระโดดโลดเต้นจากไป

อ๋องฉีราวกับถูกฟ้าผ่า

ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ขาขยับไม่ได้

“บังอาจ ”ผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงได้สติกลับมา หันกลับไปตะคอกหนึ่งเสียง แต่หยวนหย่งอี้กลับเหมือนนกน้อยที่แสนจะร่าเริงจากไปนานแล้ว

หยวนชิงหลิงกับแม่นมสี่และลู่หยาก็เห็นฉากนี้

ลู่หยาเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “ใบหน้าของอ๋องฉีแดงแล้ว”

หยวนชิงหลิงมองใบหน้าของอ๋องฉีที่ไม่รู้ว่าแดงเพราะความโกรธหรือเพราะความเขินอาย แดงมากจริงๆ เหมือนมะเขือเทศที่สุกงอมแล้ว

ปากเขายังคงก่นด่า แต่สายตายากจะปิดบังความว้าวุ่นและสับสน

หยวนชิงหลิงหมุนตัวเดินจากไป

เมื่อเข้าไปในตำหนักฉินคุน หยวนชิงหลิงไม่จำเป็นต้องรายงานก่อน จึงเข้าไปโดยตรง

ไท่ซ่างหวงนอนอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย ที่หูมีที่ฟังเสียงแขวนอยู่ กำลังหลับตาฟังเสียง ฉางกงกงคุกเข่าอยู่ข้างๆ ยื่นมือกดไว้ที่เครื่องฟังเสียงหัวใจบนหน้าอก

“อืม เจ้าฉาง หัวใจเจ้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เต้นค่อนข้างเร็ว”

หยวนชิงหลิงหลุดขำออกมา

ไท่ซ่างหวงลืมตาขึ้น จ้องนางอย่างอารมณ์เสีย “เจ้าบังอาจ”

หยวนชิงหลิงรีบย่อตัวคำนับ “หลานสะใภ้คำนับเสด็จปู่”

“รีบเข้ามา”ไท่ซ่างหวงเก็บที่ฟังเสียง สีหน้าไม่ค่อยหน้าดูสักเท่าไหร่ ยากนักที่จะมีอารมณ์ทำเรื่องสนุก แต่ก็ถูกทำลายเสียนี่

หยวนชิงหลิงเข้ามานั่งลง มองนางอย่างด้วยสีหน้าทั้งอายและโมโห เอ่ยง้อว่า “เมื่อครู่ท่านทำได้เป็นมืออาชีพมาก หัวใจเต้นเร็วเกินไป ย่อมต้องผิดปกติแน่นอน ท่านก็ตรวจออกมาแล้ว เห็นทีข้าต้องสั่งยาให้กับฉางกงกงสักหน่อยแล้ว”

ฉางกงกงยิ้มพูดอย่างขอความเมตตาว่า “พระชายาท่านอย่าเลย ข้าน้อยสบายดี ไม่ต้องกินยา”

ไท่ซ่างหวงมองนาง “กินอะไรหรือยัง”

“ตอนเช้าตื่นมาก็กินโจ๊กไปนิดหน่อยเพคะ แต่ว่าก็รู้สึกหิวแล้ว”หยวนชิงหลิงมอง “มีของกินหรือไม่เพคะ”

“กินลงแล้วหรือ ยังอาเจียนหรือไม่ ”ไท่ซ่างหวงถาม

หยวนชิงหลิงตอบว่า “กินลงเพคะ ไม่ค่อยอาเจียนเท่าไหร่แล้ว แต่ก็มีอาการคลื่นไส้บ้างบางครั้ง ใช่แล้ว ฉางกงกง ท่านจะบอกข้าได้หรือยังว่าน้ำแกงที่ท่านให้ข้าดื่มมันคืออะไรกันแน่ ”

ฉางกงกงลุกขึ้นยิ้มบางๆ “ตอนนี้บอกได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ หากพระชายาอยากเห็น เชิญตามข้าน้อยมา”

หยวนชิงหลิงเดินตามเขาออกไป ไปถึงหลังลานบ้าน เห็นเถาวัลย์สีแดงเพลิงอยู่พุ่มหนึ่ง

เถาวัลย์นี้ใหญ่โตมาก ที่จริงสีพื้นมันคือสีดำ เพียงแต่ภายนอกของมันมีจุดสีแดงเล็กๆขึ้นเต็มไปหมด แวบแรกที่มองไป ก็ทำให้รู้สึกขยะแขยงมาก หยวนชิงหลิงสะดุ้งตกใจ “งูพิษ ”

“ไม่ใช่งู นี่คือหญ้างูทิพย์ ใช้สำหรับยับยั้งอาการคลื่นไส้ เพียงแต่มีฤทธิ์เย็น ไม่สามารถใช้ในปริมาณมากได้ หญ้างูทิพย์นี้รูปลักษณ์ไม่สวยงาม จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ได้บอกพระชายาตั้งแต่แรก”

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่า ถ้าหากนางได้เห็นโฉมหน้าของหญ้างูทิพย์ตั้งแต่แรก เกรงว่าคงรู้สึกขยะแขยงจนอาเจียนออกมาทันที