ตอนที่ 326 เขาอยากเหาะเอง

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 326 เขาอยากเหาะเอง

เช้าวันเสาร์ มู่เถาเยากับลู่จือฉินสะพายเข่งใบเล็ก นอกจากนี้ยังมีบรรดาศิษย์พี่กับศิษย์หลานของสำนักซย่าโหวอีกหลายคน แต่ละคนมีเชือกกับท่อนไม้ในมือ เตรียมออกเดินทางเข้าเขตป่าชั้นในกันแล้ว

ซย่าโหวโซ่วมองลูกศิษย์คนเล็กด้วยสีหน้าคาดหวัง “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ก็ไปช่วยได้นะ”

“อาจารย์รองเก่งย่อมช่วยได้ค่ะ แต่พวกเด็กๆ ตามตื๊ออยากให้สอนต่อสู้ไม่ใช่เหรอคะ”

นอกจากพวกเด็กๆ ที่อายุไม่กี่ขวบแล้วก็ยังมีมู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา

ซย่าโหวโซ่ว “…”

จริงด้วย นอกจากเสี่ยวเยาเยาแล้วคนที่งานยุ่งไม่แพ้กันก็คือเขา!

แต่เขามีความสุขมาก!

หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ถึงแม้ตอนนี้วิชาตัวเบาของพวกเธอจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ติดตรงที่เขตป่าชั้นในใหญ่มาก ไปกลับใช้เวลาไม่น้อย รีบไปรีบกลับดีกว่านะ”

“ค่ะ งั้นพวกเราไปแล้วนะคะ”

มู่เถาเยาเหาะนำไป

กลุ่มคนเหาะตามไปอย่างรวดเร็ว โฉบผ่านเหนือศีรษะของหลายคน เพียงชั่วพริบตาเหลือเพียงจุดสีดำแล้วหายไป

ตี้อู๋เปียนเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้า

เลยอาณาเขตของงูเถาวัลย์ไปหน่อยก็จะเจอหญ้าร้อยรสแล้ว!

เขาควรบอกซาลาเปาน้อยยังไงดี หรือจะบอกว่าเขาฝันเห็นดี

แต่เธอไม่ใช่คนโง่นะ!

เฮ้อ…เขารู้สึกเหมือนได้ครอบครองภูเขาเงินภูเขาทองแต่เอาไปใช้ไม่ได้

ปู่เย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น “อู๋เปียน ทำไมอยู่ๆ ก็ดูหมดอาลัยตายอยากล่ะ”

“…ผมกำลังคิดว่าเมื่อไรถึงจะเป็นเหมือนพวกเขาสักที เหาะได้เร็วกว่าขับรถอีก”

“ไม่ต้องรีบร้อน สักวันต้องเป็นได้แน่นอน”

“ครับ”

เจ้าถุงลมน้อยวิ่งเตาะแตะเลยปู่ทวดเข้าไปจูงมือตี้อู๋เปียน เงยหน้าพูด “อาเล็ก ไว้อันเหยี่ยโตขึ้นจะพาอาเล็กเหาะนะ”

“…”

ไม่ ฉันอยากเหาะเองเว้ย!

ปู่เย่ว์ยิ้มพลางลูบศีรษะของเจ้าถุงลมน้อย “เสี่ยวอันเหยี่ยของพวกเราโตขึ้นก็จะบินได้สูงๆ เหมือนกัน”

เด็กน้อยพยักหน้ารัวๆ

ซย่าโหวข่ายเกอก็วิ่งเข้ามา “ข่ายเกอก็จะเหาะได้สูงๆ เหมือนกัน”

“แน่นอน ข่ายเกอของพวกเราก็เป็นเด็กที่เก่งไม่แพ้ใคร”

“อื้อๆ”

เด็กคนอื่นๆ พอเห็นแบบนี้ก็พากันเข้ามารุมล้อมขอคำว่า ‘เก่ง’ แม้แต่เสี่ยวเฮยเฮยก็เห่าโฮ่งๆ วิ่งเข้ามาร่วมวงด้วย

ปู่เย่ว์ยิ้มพลางเอาใจเด็กแต่ละคน

พวกเด็กๆ พากันจูงซย่าโหวโซ่วไปฝึกยุทธ์ที่สวนด้านหลังด้วยความอิ่มเอมใจ

ตี้อู๋เปียนมองพวกเขาเดินออกไป คิดในใจ เด็กสมัยนี้ไร้เดียงสาจริงๆ

ลองคิดๆ ดู ตอนเขาอายุเท่านี้ก็เรียนอะไรไปบ้างแล้ว แต่เด็กพวกนี้ยังอยากเล่นอยู่!

ไม่รู้จักใฝ่หาความรู้บ้างเลย!

เขาไม่มีทางบอกใครว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกอิจฉา

อิจฉาเด็กตัวกะเปี๊ยกพวกนี้ที่ได้เรียนต่อสู้ แถมยังเรียนได้ทุกวัน

พอเห็นสามีพาพวกเด็กๆ ออกไปแล้ว อาจารย์แม่รองก็ยิ้มพูด “แดดเริ่มแรงแล้ว พวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า”

พ่อบ้านจงเพิ่งเสิร์ฟชาให้ทุกคน มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยาก็พากันเข้ามา

สักพักจินเฉิงเจียงก็มา ‘รายงานตัว’ ตามปกติ จากนั้นก็ดึงตัวหยวนเหยี่ย ปู่ทวดถัง ตี้อู๋เปียน ไปศึกษาหนังสือที่เขาขนมาลังนั้น

ไม่นานเศรษฐีอันดับหนึ่งอวิ๋นเซียว คุณนายหยางชิงเฉวียน และอวิ๋นสุ่ยเหยาก็พาผู้อาวุโสทั้งสองคนของบ้านมาส่ง

ปู่อวิ๋นถาม “อาหยวนกับลุงถังล่ะ”

ปู่เย่ว์ยิ้มตอบ “พวกเขาไปห้องหนังสือกับศาสตราจารย์จินแล้ว อู๋เปียนก็อยู่ด้วย”

“ศาสตราจารย์จินคนนี้หายใจเป็นหนังสือจริงๆ”

ทุกคนต่างหัวเราะ

เวลานี้เสิ่นรุ่ยกับภรรยา ลั่วอันกับภรรยา รวมถึงซย่าอวี่ ต่างพาเด็กอายุสามสี่ขวบสี่คนเข้ามา

จยาเย่ว์ที่มัดผมสี่จุกถามเป่ยซีที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยเสียงเด็กน้อย “น้าเป่ยคะ พี่เยาเยาล่ะ”

“พี่เยาเยาไปตัดหญ้ามาเลี้ยงม้าจ้ะ เดี๋ยวกลับมาตอนกินข้าวเย็นนะ” ดวงตาของเป่ยซีมีรอยยิ้ม

“จยาเย่ว์ก็อยากช่วยพี่สาวตัดหญ้ามาเลี้ยงม้าค่ะ”

เป่ยซีโอบเด็กน้อยเขามาในอ้อมอก “จยาเย่ว์เป็นเด็กดีจังเลย! แต่พี่สาวไปไกลมาก รอจยาเย่ว์โตก่อนถึงไปตรงนั้นได้นะ”

จยาเย่ว์น้อยพยักหน้า

เด็กสามคนที่เหลือถามถึงอันเหยี่ยกับพวกข่ายเกอ

พ่อบ้านจงจึงพาพวกเขาไปที่สวนด้านหลัง เข้าร่วมกลุ่มฝึกของเด็กน้อย

ซย่าอวี่ยิ้มพูด “เมื่อคืนฉันพูดกับจยาเย่ว์และหลิ่นหรานว่าพรุ่งนี้เราจะกลับกันแล้ว พวกเขาร้องไห้ใหญ่เลย”

ซย่าซือเหมี่ยวแม่ของลั่วปู้อวี๋พูด “ปู้อวี๋ก็ไม่อยากกลับ แต่พวกเรามีงานต้องทำ”

กันลู่แม่ของเสิ่นเจียวหยางยิ้มพลางพูด “พวกเรามีอิสระหน่อย อยู่ได้หลายวัน ไม่งั้นฝากเด็กๆ ให้พวกเราดูแลได้ ไว้ถึงเวลาจะพากลับให้”

“พวกพี่สองคนจะดูแลเด็กตั้งสี่คนได้ยังไงกันคะ” ซย่าอวี่ส่ายหน้าเป็นคนแรก

กันลู่ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พวกเขาว่านอนสอนง่ายจะตาย!”

เสิ่นรุ่ยพยักหน้า “พวกเราดูแลได้”

ย่าเย่ว์ยิ้มกว้าง “ตอนนี้ปิดเทอมหน้าร้อน พวกเด็กๆ ไม่อยากกลับก็ให้พวกเขาอยู่นานหน่อยเถอะ พวกเราที่ว่างๆ อยู่กันเยอะแยะ ยังจะกลัวไม่มีคนช่วยดูเด็กๆ อีกเหรอ”

ซย่าอวี่รีบส่ายมือ “ไม่ได้ๆ จะให้รบกวนพวกผู้ใหญ่ได้ยังไงกันคะ”

ยังไม่ต้องพูดเรื่องสถานะของพวกเขา ผู้อาวุโสเหล่านี้อายุเจ็ดสิบกว่าแปดสิบกว่ากันแล้ว ต่อให้เป็นผู้อาวุโสในครอบครัวตัวเอง พวกเขาก็ไม่มีทางรบกวนให้คนแก่อายุเยอะขนาดนี้ช่วยดูเด็กๆ ให้

มู่หว่านยกมือขึ้น “พวกเราช่วยเล่นกับเด็กๆ ได้ค่ะ”

เจียงเฟิงเหมียนกับอวิ๋นสุ่ยเหยาก็พยักหน้า

พวกเด็กๆ น่ารักกันจะตาย พวกเธอชอบมาก!

กันลู่ยิ้ม “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยา พวกเธอก็ยังเด็กกันอยู่นะ ยิ่งไปกว่านั้นดูแลเด็กไม่ใช่แค่พาเล่นนะ ยังมีเรื่องอาบน้ำ กล่อมนอน เรื่องเยอะทีเดียวเลยล่ะ”

มู่หว่าน “หนูไหวค่ะ หนูร้องเพลงกล่อมนอนได้ แม่หนูก็ช่วยอาบน้ำให้ได้”

ทุกคนต่างหัวเราะ

อาจารย์แม่รองยิ้มพลางพยักหน้า “เสี่ยวหว่านพูดถูก พวกเราแก่แล้ว แต่หนุ่มสาวในหมู่บ้านมีเยอะแยะ อย่าว่าแต่เด็กไม่กี่คนเลย ต่อให้มีหลายสิบก็ยังไม่พอแบ่ง”

คนในหมู่บ้านชอบเด็กเล็กกันทั้งนั้น!

จะบอกว่าพวกผู้ปกครองอย่างเสิ่นรุ่ยไม่ลังเลก็คงโกหก

ไม่ใช่เพราะสถานะของอีกฝ่าย เอาแค่เรื่องสภาพแวดล้อมธรรมชาติของหมู่บ้านแห่งนี้ ไหนจะผู้คน พวกเขาเองก็อยากให้เด็กๆ ได้อยู่นานอีกหน่อยเหมือนกัน

เด็กที่อยู่ในเมืองไม่ค่อยได้เล่นกับเด็กวัยเดียวกันเท่าไรยกเว้นที่โรงเรียน

เป่ยซียิ้มบาง มองจยาเย่ว์ในอ้อมกอดด้วยสายตาอ่อนโยน “เสี่ยวเยาเยายังไม่ได้เล่นกับพวกเด็กๆ เท่าไรเลย ให้พวกเขาอยู่ต่อเถอะ”

ซย่าอวี่ยิ้มมุมปาก “เสี่ยวเยาเยางานยุ่งมากจริงๆ ฉันเพิ่งเคยเห็นเด็กที่เพิ่งอายุสิบแปดงานยุ่งขนาดนี้”

อาจารย์แม่รองพูดด้วยความจนปัญญา “นั่นน่ะสิ เด็กคนนี้ชอบเหมางานทุกอย่าง ฉันล่ะอยากให้แยกร่างได้จริงๆ หรือไม่ก็แบ่งเวลาของตัวเองเพิ่มให้”

ย่าเย่ว์พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “อาหยวน เสี่ยวเยาเยามีความสุข” หลานสาวอิ่มเอมใจ เวลาได้ทำงานพวกนั้นร่างกายจะเปล่งออร่าแห่งความสุข

ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

ซย่าซือเหมี่ยวยิ้มกว้าง “เด็กอย่างเสี่ยวเยาเยาหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”

อาจารย์แม่รองกลับส่ายหน้า “ถ้าไม่ติดว่าอู๋เปียนสุขภาพไม่ดี ห้ามทำงานหนัก เขาก็คือคนที่สองแหละ”

ย่าตี้หุบยิ้มเล็กน้อย ถอนหายใจแต่ก็พูดด้วยความภูมิใจ “อู๋เปียนฉลาดแต่เด็ก สามขวบก็อ่านหนังสือได้หลายประเภทแล้ว สี่ขวบใช้คอมพิวเตอร์เป็น ห้าขวบเข้าใจแคลคูลัส ดาราศาสตร์ หกขวบ…”