ตอนที่ 505 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (5)
ฟ่านจิ่นพยักหน้า สายตาจับจ้องไปยังลู่เว่ยเจี๋ยที่กำลังหวาดกลัวจนใบหน้าที่ไร้สีเลือด ลู่เว่ยเจี๋ยไม่กล้าชักช้า เขาตะลีตะลานดึงพลุสัญญาณออกจากเอว ประกายไฟของพลุสัญญาณพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะระเบิดเป็นวงกว้าง เสียงกึกก้องหวีดหวิวแหวกอากาศขึ้นไปเหนือป่าประลองวิญญาณ!
ในขณะที่พลุสัญญาณระเบิดขึ้น ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนการเริ่มต้นของงานล่าวิญญาณ พวกเขาทั้งกลุ่มได้รับการขนานนามว่าเหล่าชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด มาบัดนี้กลับต้องเฝ้ามองพลุสัญญาณที่กำลังระเบิดอันเนื่องมาจากการประกาศสละสิทธิ์ ด้วยความรู้สึกรุ่มร้อนในใจ
อันดับหนึ่งบ้าบออะไร แข็งแกร่งบ้าบออะไรกัน!
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของตัวเองหรอก!
“พวกเจ้าคอยเฝ้าพวกเขาอยู่ที่นี่ ถ้าใครกล้าหนี ฆ่าได้ทันที” หลงฉีไม่สนใจรออยู่ที่นี่ ปล่อยให้ทหารที่บาดเจ็บสาหัสและทหารอีกสองนายอยู่เฝ้าพวกของลู่เว่ยเจี๋ยอยู่ที่เดิม จากนั้นมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบจันทราวารีกระจ่าง เดินทางไปพร้อมกับจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ เพื่อเก็บหญ้าวิญญาณวารี
บนชายขอบของทะเลสาบอันงดงาม ทุกอย่างเงียบสงัด ในป่าที่มีอันตรายรอบด้านแห่งนี้ ภาพอันงดงามใดๆ ก็อาจกลายเป็นขุมนรกแห่งอาชูร่าอันน่ากลัวได้ในทันทีหากพลั้งเผลอ
ฟ่านจิ่นและคนอื่นๆ ออกลาดตระเวนอยู่ด้านหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์วิญญาณจู่โจม ขณะที่จวินอู๋เสียและศิษย์ทั้งสามคนของยอดเขาเทียมเมฆากำลังตามหาและเก็บเกี่ยวหญ้าวิญญาณวารี
ถ้าหากมู่เฉินจำไม่ผิด ที่ทะเลสาบจันทราวารีกระจ่างมีหญ้าวิญญาณวารีสีเขียวอ่อนเกิดไปทั่วบริเวณ และหญ้าต้นเล็กๆ ที่โผล่ยอดอ่อนออกมานั้น ได้ถูกประดับประดาด้วยผลึกใสแวววาว ราวกับหยดน้ำที่ตกผลึก เวลาเก็บเกี่ยวจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง อย่าให้เจ้าสิ่งนั้นหล่นลงมาแตก
เรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้คนอื่นไม่กล้าผลีผลามเข้าไปยุ่ง ด้วยกลัวว่าจะทำลายวัตถุดิบตัวยาที่เปราะบางเหล่านี้
เฉียวฉู่กวาดสายตามองไปรอบๆ สักพัก เขาทนต่อความอยากรู้ไม่ไหว เดินพรวดพราดมาหยุดอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสีย กระซิบถามเสียงเบา “น้องเสีย รีบบอกข้ามาเร็ว เจ้าเก็บคนพวกนั้นไว้ จะทำอะไรต่ออีกหรือ”
ถึงเป็นคนที่ใช้นิ้วเท้าคิดแทนสมอง หรือต่อให้เป็นคนที่ไร้ประโยชน์ก็ตาม ต่างก็รู้ว่าหลังจากเล่นงานกองทัพรุ่ยหลินแล้วมีแต่ต้องตายสถานเดียว แต่จวินอู๋เสียกลับปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอด
จวินอู๋เสียช้อนตาขึ้นมองเฉียวฉู่ เดิมทีไม่ต้องการอธิบายให้มากความ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ฮวาเหยาพูดก่อนหน้านี้ หัวใจของนางก็อ่อนลงเล็กน้อย ดังนั้นจึงพูดอย่างอดทนว่า “พวกเขามีชีวิตอยู่ หนิงซินจะไม่มีวันสงบสุข”
ชีวิตของลู่เว่ยเจี๋ยและพรรคพวกนั้นถึงตายไปก็ไม่น่าเสียดาย แต่เป้าหมายที่แท้จริงของนางคือหนิงซินและอิ่นเหยียนผู้เป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมดนี้
หนิงซินมีฐานะเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของรองอาจารย์ใหญ่ นางซ่อนตัวอยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัว เพื่อขอให้พวกเขาคุ้มครอง แต่ไหนแต่ไรมาชื่อเสียงของหนิงซินในสำนักศึกษาเฟิงหัวนั้นยอดเยี่ยมมาโดยตลอด และนางก็ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากด้วย
แต่จวินอู๋เสียคนนี้ชอบอะไรไม่ชอบ กลับชอบทำลายสิ่งที่ศัตรูหวงแหนมากที่สุด และจะบดขยี้มันให้ศัตรูดู
รสชาติความสนุกอันน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
เฉียวฉู่กะพริบตาปริบๆ คำอธิบายสั้นๆ ของจวินอู๋เสียไม่มีข้อมูลมากนัก แต่จากวิธีการที่จวินอู๋เสียเคยทำมาก่อนหน้านี้ ทำให้เฉียวฉู่รู้ถึงเจตนาของนางทันที!
“เจ้าคิดจะยืมปากของพวกลู่เว่ยเจี๋ย มาทำลายชื่อเสียงที่หนิงซินสร้างขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวตลอดหลายปีที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงใช่หรือไม่”
บุตรีของรองอาจารย์ใหญ่ ฆ่าคนปล้นสะดมเพื่อเอาทรัพย์สิน ปั้นเรื่องใส่ร้ายศิษย์ร่วมสำนัก หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป แม้ว่าจวินอู๋เสียไม่ได้ลงมือทำอะไร ชื่อเสียงของหนิงซินในสำนักศึกษาเฟิงหัวก็จะถูกทำลายจนย่อยยับ
“แค่ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งเท่านั้น” มุมปากของจวินอู๋เสียยกขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่หนิงซินทำกับนางก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางจะค่อยๆ สนองคืนกลับไปทีละอย่าง
นี่ยังเร็วเกินไป ค่อยๆ ให้นางรับผลกรรมไปก็พอ
แต่ห้ามตายง่ายๆ เป็นอันขาด!
ตอนที่ 506 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สี่ (6)
บรรดาอาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว หลังจากเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบตรงดิ่งไปทันที
ผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของงานล่าวิญญาณครั้งนี้ คือกลุ่มผู้เกรียงไกรจากสำนักศึกษาเฟิงหัว หัวหน้าคือหนานกงซวี่ ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งมีพลังวิญญาณระดับสีครามของสำนักศึกษาเฟิงหัวที่ออกมาบัญชาการด้วยตัวเอง และผู้ติดตามทั้งห้าคนที่เขาพามาด้วยก็มีพลังวิญญาณระดับสีน้ำเงิน เพื่อที่จะสามารถปกป้องบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ภายในป่าประลองวิญญาณโดยสมบูรณ์
หนานกงซวี่มีอายุล่วงเลยวัยหกสิบปีไปแล้ว เคราสีดอกเลาทำให้ดูเหมือนอายุเจ็ดสิบหรือแปดสิบปี แต่แท้จริงแล้วเขามีอายุมากกว่าร้อยปี ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งสูงสุดที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้มานานหลายปี เดิมทีหลังจากตรวจพบพลุสัญญาณแล้ว โดยทั่วไปผู้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือคืออาจารย์ที่มีพลังวิญญาณระดับสีน้ำเงิน แต่คราวนี้แม้แต่หนานกงซวี่ก็ต้องเคลื่อนไหว ไม่ใช่เพราะเหตุผลใด แต่เพราะพลุสัญญาณที่ปรากฏวูบในงานล่าวิญญาณนั้นเกินขอบเขตที่กำหนดไว้สำหรับสำนักศึกษาเฟิงหัว ที่ตรงนั้นอาจเผชิญกับอันตรายประเภทใดก็ได้ ดังนั้นจึงต้องให้หนานกงซวี่ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นออกที่ปฏิบัติการ
หนานกงซวี่นำกำลังคนเร่งรุดไปยังที่เกิดเหตุ ทว่าในใจกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์
ก่อนงานล่าวิญญาณเริ่มต้น พวกเขาได้ชี้แจงครั้งแล้วครั้งเล่าว่าลูกศิษย์ทุกคนไม่ว่าคนใดก็ตามห้ามออกนอกขอบเขตแผนที่ แต่จุดที่เกิดเหตุครั้งนี้ได้ล่วงล้ำเข้าไปในส่วนลึกของป่าประลองวิญญาณ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าขัดคำสั่งของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนานกงซวี่และคนอื่นๆ เร่งเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ กลับต้องตกตะลึงพรึงเพริด
ภาพที่เห็นคือมีศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวกว่ายี่สิบคน กำลังนั่งระโหยโรยแรงกองรวมกันอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าซีดเซียว และมีบุรุษร่างกำยำหลายคนกำลังถือดาบคอยเฝ้าพวกเขาเอาไว้
“พวกเจ้าเป็นใคร! กล้าดีอย่างไรมาลักพาตัวศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัว!” หนานกงซวี่แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดให้เห็นทันที สำนักศึกษาเฟิงหัวมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน ชุดเครื่องแบบสำนักศึกษาของพวกเขาก็เป็นที่รู้จักไปทั่วทุกแว่นรัฐ จึงกล่าวได้ว่าไม่มีใครกล้าไร้มารยาทกับศิษย์ในสำนักอันเสี่ยงต่อการเป็นปรปักษ์กับสำนักศึกษาเฟิงหัว แต่สถานการณ์ในตอนนี้ได้เกินความคาดหมายของหนานกงซวี่ไปมาก
ทหารของกองทัพรุ่ยหลินหลายนายที่กำลังเฝ้าลู่เว่ยเจี๋ยและพรรคพวกขมวดคิ้วน้อยๆ ยังไม่ทันที่พวกเขาจะปริปาก อาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวทั้งหลายที่ยืนอยู่ข้างหลังหนานกงซวี่ได้จู่โจมเข้ามาโดยเร็ว!
ทหารของกองทัพรุ่ยหลินจึงต้องป้องกันด้วยความเร็วสูงสุดเท่านั้น!
ในชั่วพริบตา ทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าปะทะกันชุลมุนทันที
ทหารของกองทัพรุ่ยหลินได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว อีกทั้งความสามารถที่แท้จริงก็เทียบไม่ได้กับเหล่ายอดฝีมือที่ทะลวงขั้นพลังวิญญาณระดับสีน้ำเงินได้แล้ว พวกเขาจึงเสียเปรียบในไม่ช้า บาดแผลบนร่างกายที่กว่าจะสมานปิดได้ บัดนี้บาดแผลปริออก เลือดสดๆ ไหลทะลัก ใครที่เห็นแล้วเป็นต้องตกใจ
และทหารของกองทัพรุ่ยหลินคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคนนั้นก็ถูกอาจารย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวโจมตีเช่นกัน แขนข้างหนึ่งของเขามีแผ่นไม้ประกบช่วยพยุงกระดูกและกล้ามเนื้อแขน ดังนั้นจึงต้องถือกระบี่ทุ่มเทต่อสู้ด้วยแขนข้างเดียว!
ลู่เว่ยเจี๋ยและคนอื่นๆ ที่กำลังตั้งตารอคอยอาจารย์ของพวกตน มองการต่อสู้อันวุ่นวายตรงหน้าพวกเขาด้วยความประหลาดใจ ความปีติน่ายินดีที่เพิ่งเกิดขึ้นยังไม่ทันได้สลักไว้ในใจ กลับปรากฏภาพนองเลือดอันมีเศษเลือดเนื้อกระจัดกระจายของทหารกองทัพรุ่ยหลิน พวกเขาต่างก็หน้าถอดสีด้วยความตกใจ!
“ท่านอาจารย์หนานกง! หยุด! อย่าตีกันขอรับ!” ลู่เว่ยเจี๋ยลนลานวิ่งออกมาห้ามปรามด้วยใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทาราวกับเมล็ดหลิวขนปุยที่ปลิวไปตามสายลม
หนานกงซวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังจะอ้าปากพูด แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอันทรงอำนาจดังมาจากข้างหลังเขา
“นี่คือความสามารถของสำนักศึกษาเฟิงหัวกระนั้นหรือ ลูกศิษย์วางแผนประทุษร้ายไม่สำเร็จ อาจารย์จึงมาฆ่าคนปิดปากด้วยตัวเอง” เสียงที่เต็มไปด้วยโทสะและความเย็นเยียบดังขึ้นในทันใด
หนานกงซวี่หันขวับ ทันใดนั้นก็เห็นบุรุษร่างสูงกำลังเดินทอดน่องมาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง และข้างหลังเขามีเด็กหนุ่มหลายคนสวมชุดเครื่องแบบของสำนักศึกษาเฟิงหัว หนึ่งในนั้นยังมีฟ่านจิ่น ผู้เป็นบุตรชายของฟ่านฉีอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัวรวมอยู่ด้วย!