บทที่ 285 ปริศนาการตายของท่านแม่

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 285 ปริศนาการตายของท่านแม่

“พ่อมาตามหาข้าแล้วใช่หรือไม่ ? ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว พ่อต้องมาตามหาข้าจนพบแล้วเป็นแน่ ในที่สุดข้าก็จะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งแล้ว ในที่สุดข้าก็จะได้กลับจวนแล้ว”

ขณะที่พูด ดวงตาสีเทาของนางก็เปล่งประกายแวววาว วินาทีต่อมา ก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดี

“บอกข้าเร็วเข้า ว่าเขาอยู่ที่ไหน ? พ่อของข้าอยู่ที่ไหน ?”

นางเอาแต่ถามอยู่เช่นนี้ แต่ไม่ได้สนใจว่า คนอื่นจะตอบคำถามของนางหรือไม่ จ้องมองออกไปที่ประตูห้องอย่างกระตือรือร้น

สายตาจับจ้องอยู่เป็นเวลานาน แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ กลับไม่เห็นแม้เงาร่างของหลานเฉินมู่

สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที นางหันมองคนตรงหน้า ด้วยความโกรธแค้นชิงชัง

“เจ้าหลอกข้า! เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมต้องหลอกลวงข้า? เห็นข้าอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วเจ้ามีความสุขนักหรือไง!?”

เมื่อได้ยินคำกล่าวโทษอย่างแค้นเคืองของนาง

หลานเยาเยาเพียงยกยิ้มจางชืดชา

“แน่นอนว่าต้องมีความสุขอยู่แล้วสิ! ยังมีเรื่องที่มีความสุขยิ่งกว่านี้ จะบอกเจ้าอีกด้วยนะ! ตัวอย่างเช่น หลังจากที่เจ้าหายตัวไป หลานเฉินมู่ ก็ไม่เคยออกตามหาเจ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อีกทั้ง นี่มันก็ผ่านมาตั้งสามปีแล้ว เขาลืมเลือนการมีอยู่ของเจ้าไปตั้งนานแล้วล่ะ เป็นเพราะมีคนมาแทนที่เจ้าแล้ว ที่สำคัญเป็นคนที่โดดเด่น มีแววกว่าเจ้าอีกด้วย

เป็นอย่างไรล่ะ?

ประหลาดใจล่ะสิ? คาดไม่ถึงใช่หรือเปล่าเอ่ย?

“ไม่! เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ข้าคือแก้วตาดวงใจของพ่อ พ่อรักใคร่เอ็นดูข้ามากที่สุด เขาจะลืมข้าได้อย่างไรกัน? ไม่มีใครดีพอจะมาแทนที่ข้าได้ ไม่มี!

เป็นเพราะพวกเจ้าจับข้ามาขังไว้ในที่มืดมิด ไม่เห็นแสงตะวันพรรค์นี้ต่างหาก พ่อก็เลยตามหาข้าไม่พบ

แต่ว่า!

ข้าเชื่อว่า ต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะต้องตามหาข้าจนพบเป็นแน่ ”

เสียงของหลานชิวหยุนดังก้อง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวไม่น่าดู น้ำเสียงก็ฟังคล้ายคนใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที

เมื่อเห็นนางมีสภาพเป็นเช่นนี้ หลานเยาเยาก็ยังคงสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติดังเดิม มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ ห๊ะ! แก้วตาดวงใจ? มาฝันกลางวันอะไรกลางวันแสกๆแบบนี้ ไม่ค่อยจะดีหรอกนะ!

แต่จะว่าไป ก็ถูกของเจ้าล่ะนะ เจ้าถูกขังอยู่ในกรงเหล็กมืดๆ นี่มาสามปีแล้ว แต่ละวันผ่านไปก็เหมือนนานนับปี

แน่ล่ะว่า เจ้าคงไม่รู้หรอก ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง นับประสาอะไรกับข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในจวนแม่ทัพกันล่ะ

แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ถือเสียว่าตอนนี้ข้ามีความสุข เดี๋ยวข้าจะบอกกับเจ้าอย่างช้าๆก็แล้วกัน ”

หลังจากนั้น

นางจึงเล่าสาธยายออกมาทีละเรื่องราว เริ่มจากเรื่องที่ หลานเฉินมู่รับเอาหลานจิ่นเอ๋อแม่ลูกกลับจวน แม่ผู้ให้กำเนิดหลานจิ่นเอ๋อ จ้าวซื่อ เปลี่ยนจากเมียน้อยขึ้นมาเป็นเมียหลวง หลานจิ่นเอ๋อ จากเดิมเป็นลูกที่เกิดจากเมียน้อย เปลี่ยนขึ้นมาเป็นลูกที่เกิดจากเมียหลวง

ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตอันใกล้นี้ หลานจิ่นเอ๋อ ก็จะได้แต่งงานอย่างหรูหรา ตื่นตาตื่นใจจนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั้งเมือง ได้เป็นถึงพระชายาสี่ที่ใครต่อใครล้วนต้องที่อิจฉา

แม้ว่าคำพูดจะสั้นกระชับ แต่เนื้อหาที่นางต้องการสื่อสารออกมานั้น นางยังพูดแบบใส่อารมณ์ร่วม ทั้งยังใช้เสียงเสมือนมีเครื่องหมายสัญลักษณ์กำกับคำพูด ใส่เข้าไปได้อย่างถึงรสชาติเลยทีเดียว

ในตอนท้ายแล้ว ยังมีการเพิ่มอีกประโยค

“มาตอนนี้ หลานจิ่นเอ๋อต่างหากที่เป็นแก้วตาดวงใจตัวจริง เป็นดั่งอัญมณีในฝ่ามือของหลานเฉินมู่ อีกทั้งยังต้องประคบประหงมไว้ในฝ่ามือ เพราะกลัวจะแตกหักเสียหาย จะอมเก็บไว้ในปาก ก็ยังกลัวจะละลายขนาดนั้นเลยเชียวล่ะ”

คำพูดเหล่านี้ ได้เข้าไปแตะสัมผัสเข้าที่จุดสะเทือนอารมณ์ ในส่วนที่ลึกที่สุดของหลานชิวหยุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ ! เจ้าพูดจาเหลวไหล มีเพียงข้าเท่านั้นที่ใช่ มีเพียงข้าเท่านั้นที่เป็นลูกของเมียหลวง มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นอัญมณีในฝ่ามือ!”

สีหน้าของหลานชิวหยุน ค่อยๆซีดขาวลงเรื่อยๆ น้ำเสียงก็แทบจะเป็นคำรามอยู่แล้ว

นางรับไม่ได้ ที่พ่อซึ่งครั้งหนึ่งเคยรักตนมากที่สุด มาตอนนี้กลับทอดทิ้งนาง และหันไปรักลูกที่เกิดจากเมียน้อยชั้นต่ำคนหนึ่งแทน

แต่ว่านางเอง กลับไม่เคยเข้าใจพ่อของนาง หลานเฉินมู่ คนนั้นเลยแม้แต่น้อย ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวและโหดเหี้ยม ผู้ชายที่เอาแต่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองคนนั้น

ณ เวลานั้นเอง!

หลานเยาเยาหัวเราะเบาๆ ถอนหายใจพลางส่ายหัว

“จุ๊ จุ๊! น่าเสียดายใบหน้าราวบุปผาหยกสลักนี้ของเจ้าเสียจริงหนอ เพียงแต่ที่ทำคนแปลกใจก็คือ แม่ผู้ให้กำเนิดของเจ้าเป็นเมียหลวงได้ เพราะอาศัยอำนาจจากตระกูลบ้านเกิด

จ้าวซื่อแม่ของหลานจิ่นเอ๋อ เป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของนางก็ธรรมดาๆ อีกทั้งไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใดๆทั้งสิ้น นางมีคุณธรรมความสามารถเช่นไร จึงมาได้ถึงขนาดนี้กันหนอ? ”

หลานเฉินมู่คือเป้าหมายต่อไปของนาง

ในส่วนของเป้าหมายต่อไปนั้น

แน่นอนว่า นางจะต้องเข้าใจทุกอย่างรอบตัวเป้าหมาย

เพื่อป้องกันกรณีที่ลงมือไป แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน นั่นย่อมจะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปเป็นแน่

ถึงอย่างไร หานแสก็ไม่มีทางมอบหลานชิวหยุนให้นาง เช่นนั้น นางจึงต้องรีดเค้นข้อมูลที่มีค่านำไปใช้สอยได้ทั้งหมดที่ หลานชิวหยุน เก็บงำซ่อนเร้นเอาไว้ ให้นางคายออกจากท้องมาให้เกลี้ยง

“ใช่ ! ทั้งไร้อำนาจไร้อิทธิพล อาศัยอะไรถึงมีหน้าได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นเมียหลวง ? นังแม่ลูกไร้ยางอายคู่นี้ มันคงต้องใช้เล่ห์กลอุบายชั่วช้าอะไรบางอย่างกับพ่อ ถึงทำให้พ่อหลงใหลจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ! ใช่แล้ว! มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ! ”

โอ๋!?

หรือว่าหลานชิวหยุนจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ?

เป็นไปไม่ได้!

หลายปีก่อนไม่รู้ว่าเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่คู่แม่ลูก หลานจิ่นเอ๋อ ถูกส่งไปยังหมู่บ้านชนบท อันแสนห่างไกล

หลานชิวหยุนน่าจะรู้อะไรบ้างสิ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ว่านางจะไม่รู้อะไรเลย?

ถ้าหากว่าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ที่นางมาวันนี้ ก็นับว่ามาเสียเที่ยวไปเปล่า ๆแล้ว

ทันใดนั้นเอง!

หลานชิวหยุน ดูเหมือนว่าจะนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างไม่อาจฝืน สองมือคว้าจับกรงแน่น ประกายในตาของนางพลันปรากฏแววชั่วร้ายขึ้น

หลังจากนั้น จู่ๆนางก็หัวเราะออกมา รอยยิ้มที่ชั่วร้ายดุดัน บวกกับความโกรธแค้นทำให้อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าของนาง แลดูบิดเบี้ยวผิดรูปไปเลยทีเดียว

“ข้ารู้แล้ว จู่ๆข้าก็นึกขึ้นมาได้แล้วว่า นังผู้หญิงชั้นต่ำคู่นั้น ต้องทำเรื่องเลวร้ายที่ไม่อาจให้คนอื่นรู้ได้อีกแล้วแน่ๆ เพื่อจะเอาชนะใจพ่อ ให้หันมารักใคร่ใส่ใจพวกนาง”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น!

แววตาของหลานเยาเยาสว่างวาบ แต่เพียงพริบตาก็หายไป

จากนั้นนางก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก และพูดด้วยสีหน้าปกติว่า:

“เฮอะ เฮอะ ! เจ้าจะคิดอะไรได้ ? ต่อให้หลายปีก่อน แม่ลูกคู่นั้นทำเรื่องชั่วช้า ที่ไม่อาจให้คนอื่นรู้จริงๆ แล้วเจ้าไปรู้มาได้อย่างไรไม่ทราบ?

นอกจากนี้ เมื่อตอนนั้นเจ้ายังเด็กมาก แม้ว่าเจ้าจะรู้หรือเห็นอะไรบางอย่าง ที่ไม่ควรเห็นเข้า เจ้าก็รู้เพียงรายละเอียดแค่บางส่วนเล็กๆเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้หรอก ที่เจ้าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เจ้าว่าจริงหรือไม่? ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลานเยาเยาก็หยุดครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเบาๆขึ้นมาอีกครั้ง

“เฮ้อ! อายุยังน้อยแค่นั้น จะไปรู้ความอะไรได้?”

ในน้ำเสียงเจือแววถากถางเล็กน้อย ราวกับว่านางไม่เชื่อเลยสักนิดว่า หลานชิวหยุนจะรู้เรื่องอะไรมาจริงๆ

หลังจากหลานชิวหยุนได้ยินเข้า นางก็โต้กลับทันที

นางเบิกตากว้าง จ้องมองอย่างดุร้ายพลางพูดขึ้นว่า:

“ใครบอกว่าข้าไม่รู้ ? แน่นอนว่าข้ารู้ ถึงแม้ตอนนั้นข้าจะยังเด็ก แต่เรื่องนั้น เรื่องนั้นข้าได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง ตลอดชีวิตนี้ข้าจดจำมันได้ไม่มีวันลืมเด็ดขาด

พวกนางได้ช่วยข้าและท่านแม่ สะสางเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเลยเชียวล่ะ!

ถึงแม้ว่าขั้นตอนจะโหดร้ายไปสักหน่อย แต่ตอนจบกลับนับได้ว่าดีทีเดียวเชียวล่ะฮะ ๆ ๆ … ”

ทันทีที่นึกถึงเรื่องนั้น เมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาได้ หลานชิวหยุนก็หัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ

คนบางคนเมื่อโหดร้ายอำมหิตขึ้นมา กระทั่งแม่ของตนก็ยังต้องกลัวด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเตือนท่านแม่ล่ะก็ บางทีท่านแม่ของนางก็อาจคิดกลวิธีในการยิงหินก้อนเดียว ฆ่านกได้ถึงสองตัวไม่ออกเลยก็เป็นได้

“โอ้! เรื่องอะไรกัน ที่ทำให้เจ้ามีความสุขได้ถึงเพียงนี้น่ะ? คงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการที่แม่ลูกคู่นั้น ถูกส่งไปยังหมู่บ้านชนบทอันห่างไกลหรอกนะ?”

หลานเยาเยามีลางสังหรณ์บางอย่าง

เรื่องที่หลานชิวหยุนไปเห็นเข้า จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านแม่ของนางเป็นแน่

ความจริงอยู่ตรงหน้านี้แล้ว.. …

“ใช่! ใช่ ใช่ ใช่! … มันเกี่ยวกับนังผู้หญิงชั้นต่ำคู่นั้นแหล่ะ อย่ามองว่าพวกนางผอมแห้งอ่อนแอและไร้ความสามารถล่ะ เปลือกนอกทำเป็นฉาบหุ้มเนื้อหนังว่าเป็นคนดี แต่ในท้องพวกนางน่ะ เต็มไปด้วยน้ำคร่ำเน่าเสีย

ในยามปกติ พวกนางดูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอนุฉู และหลานเยาเยา แต่พอลับหลังกลับไม่รู้ว่าวางแผนชั่วร้ายตั้งเท่าไหร่ เพื่อหาทางผลักไสให้พวกนางไปถึงที่ตาย

ข้าเคยเห็นกับตามาแล้วว่า อนุจ้าวนั่นแอบใส่อะไรบางอย่างลงไปในชามของอนุฉู หลังจากนั้นอนุฉูก็ล้มป่วย อาการไม่เคยดีขึ้น และตายลงอย่างเป็นปริศนาในที่สุด