บทที่ 286 นิสัยที่แท้จริงยากจะเปลี่ยนแปลง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 286 นิสัยที่แท้จริงยากจะเปลี่ยนแปลง

“….ได้ยินท่านแม่บอกว่า หลังจากที่อนุฉูถูกฝังอย่างลวกๆ ก็มีเรื่องแปลกลึกลับเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่เพียงหลุมฝังศพไม่มีหญ้างอกแม้สักชุ่น ยังถึงกับมีบางคน เห็นวิญญาณของนางในจวนอีกด้วย

ดังนั้น ข้าเลยบอกเรื่องทั้งหมดที่เห็นกับท่านแม่ไป ยังบอกอีกด้วยว่ามีคนกำจัดผู้หญิงชั้นต่ำ ที่ใช้รูปร่างหน้าตายั่วยวนคนอย่างอนุฉู แทนพวกเราให้แล้ว

หากว่ากำจัดนังคู่แม่ลูกชั้นต่ำตระกูลจ้าวไปได้อีก เช่นนั้น ท่านแม่ก็ไม่ต้องมีเรื่องต้องห่วงกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ท่านแม่จึงคิดวิธีใช้หินก้อนเดียวฆ่านกสองตัวขึ้นมา

ไม่เพียงให้พ่อรู้ว่า อนุฉูถูกอนุจ้าววางยาพิษสังหารจนตาย แต่ยังใช้ประโยชน์จากข่าวลือ เรื่องการปรากฏตัวของวิญญาณอนุฉู เพื่อยืนยันให้พ่อเชื่อสนิทใจ เรื่องที่ว่าอนุจ้าวเป็นคนวางยาพิษ

เสียดายก็แค่ ท่านพ่อไม่ได้สังหารนังคู่แม่ลูกชั้นต่ำนั่นให้ตายๆไปเสีย

กลับส่งพวกนางไปหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลแทน …..

หลังจากนั้น ไม่ว่าท่านแม่จะใช้วิธีการอะไร นังแม่ลูกชั้นต่ำคู่นั้น ก็อยู่ที่หมู่บ้านชนบทได้อย่างสงบสุขไม่ประสบปัญหาใดๆทั้งสิ้น

เพียงแต่คาดไม่ถึงจริงๆว่า นังผู้หญิงชั้นต่ำนั่นจะยากที่จะจัดการถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถคืนชีพจากเถ้ากระดูก กลับมาที่จวนอีกครั้ง ทั้งยังถูกยกขึ้นเป็นเมียหลวงอีก หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ข้าน่าจะรีบๆฆ่าพวกนางเสียตั้งแต่แรก

ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกินแล้ว. … ”

หลานชิวหยุนยังคงอยู่ในนั้น พูดพร่ำเพ้อเสียดมเสียดายด้วยความเกลียดชัง เกาะซี่ลูกกรงเหล็ก ออกแรงบีบ จนมือเปลี่ยนสีเป็นซีดขาวไปแล้ว

เมื่อได้ฟังคำพูดของนาง หลานเยาเยาก็ค่อยๆกำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทว่าสีหน้าของนางยามที่ฟัง หลานชิวหยุน พร่ำพูดความจริงออกมาด้วยอารมณ์ที่เจือความโกรธแค้นนั้น กลับปรากฏรอยยิ้มอันเจิดจ้าสดใสมากขึ้นเรื่อย ๆ เจิดจ้าจนแปลกประหลาดทำให้คนต้องหวาดระแวงเลยทีเดียว

แท้ที่จริงแล้ว คนที่ดุร้ายตัวจริงคือนางนี่แหล่ะ!

ช่างเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ!

เดิมทีคิดไว้ว่า อาจจะเป็นฝีมือของหลานเฉินมู่ หรือไม่ก็ฮองเฮา แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะเป็นจ้าวซื่อ แม่ผู้ให้กำเนิดหลานจิ่นเอ๋อ

จ้าวซื่อ

หลานเฉินมู่

พวกเจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทน สำหรับการตายของท่านแม่ด้วยความเจ็บปวด ชอกช้ำใจอย่างถึงที่สุด! …

จวนแม่ทัพนี้ นางต้องการล้มล้างให้พินาศ ให้ราบเป็นหน้ากลองนางถึงจะพอใจ

“ฮะ ฮะ ข้าว่าแล้วเชียว เจ้ารู้แค่รายละเอียดปลีกย่อยก็เท่านั้น ที่จริงเจ้าก็ไม่รู้เรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเรื่องเสียหน่อย” หลานเยาเยายังคงพูดวางหลุมพรางดักนางต่อ

“อะไรนะ? เจ้าพูดอะไร?”

“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ?”

ก็ตัวอย่างเช่น เจ้ารู้แค่ว่าอนุจ้าววางยาทำร้ายอนุฉูจนตาย แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อนุจ้าวถึงต้องวางยาฆ่าอนุฉูด้วย?

ท้ายที่สุดอย่างที่เจ้าบอก พวกนางในยามปกติก็ถือว่าดีต่อกันไม่น้อย แล้วทำไมเรื่องถึงดำเนินไปจนถึงขั้นที่ต้องวางยาพิษให้ตายนั่นอีก? ”

แท้ที่จริงแล้ว ระหว่างท่านแม่กับจ้าวซื่อ มีบุญคุณความแค้นอันใดต่อกัน?

หากมีความแค้นต่อกันจริงๆ เพราะเหตุใด จึงได้มีความเห็นอกเห็นใจกันและกัน ทั้งยังเข้ากันได้ดีได้อย่างนั้นล่ะ?

“ นี่ … เรื่องนี้ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน? ข้าไม่ใช่อนุจ้าวนั่นเสียหน่อย แต่ว่าสิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง ข้าได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง เจ้าต้องเชื่อข้านะ!” หลานชิวหยุนไม่ยอมให้คนอื่นคัดค้านสงสัยในความเป็นจริง ที่นางได้เห็นมาด้วยตาของตนเอง

“เฮอะ! เจ้ามาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไร? ถ้าฟังให้เป็นนิทานสักเรื่องยังพอไหว แต่ถ้าจะใช้ทำลายคู่แม่ลูกจ้าวซื่อแล้วล่ะก็ ไม่มีประโยชน์เอาไปใช้ทำอะไรได้เลยสักกระผีก!”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้!

ร่างของหลานชิวหยุนหยุดชะงักไปชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่นางตรงๆ

“เจ้า…เจ้ากำลังพูดอะไร? เจ้าคิดจะทำลายพวกนางหรือ? เจ้ามีความแค้นต่อพวกนางใช่หรือไม่? ” นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ผู้ชายตรงหน้าแต่งกายดูแล้วงามสง่า หล่อเหลาต่างจากปกติที่นางเคยเห็น ดูเหมือนว่าเขาจะร่ำรวยเป็นพวกสูงศักดิ์ ทั้งยังเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ ฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

หากว่าเขาสามารถกำจัดผู้หญิงชั้นต่ำคู่นั้นลงได้ นั่นก็วิเศษไปเลยไม่ใช่หรือ

ตอนนี้คู่แม่ลูกจ้าวซื่อ เป็นศัตรูคู่อาฆาตของนาง เป็นพวกนางที่เข้ามายึดครองตำแหน่งของนางและแม่ไป

ขอเพียงสามารถกำจัดพวกนางได้ รอเมื่อนางได้กลับไปยังจวนแม่ทัพ ท่านพ่อของนางจะต้องปฏิบัติกับนางเหมือนเมื่อก่อนเป็นแน่ ยกให้นางเป็นดั่งไข่มุกอัญมณีมีค่าเหมือนเดิม

ดังนั้น นางจึงแทบอดรนทนไม่ไหวที่จะคาดหวังให้พวกนางตาย ๆ ไปเสียโดยเร็ว

“เรื่องระหว่างข้ากับพวกนางไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ข้ามาหาเจ้าวันนี้ เพียงเพราะอยากรู้อะไรบางอย่างจากปากของเจ้าก็เท่านั้น

แต่เจ้าทำข้าเสียดายเหลือเกินแล้ว เรื่องที่เจ้ารู้มันก็แค่เศษเสี้ยวผิวเผินเท่านั้น สำหรับข้าแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย”

คำพูดหยุดลงเท่านั้น

หลานเยาเยาหมดความอดทนลงในที่สุด หันหลังเดินจากไปทันที

ในวินาทีนี้ หลานชิวหยุนรู้สึกร้อนใจแล้ว นางรีบร้องตะโกนออกมาจากในกรงเหล็กว่า:

“ช้าก่อน! อย่าเพิ่งไป! ยังมีเรื่องที่ข้ารู้อีกมาก จะต้องเป็นประโยชน์สำหรับเจ้า นำไปใช้ล้มล้างพวกนางอย่างแน่นอน ขอเพียงเจ้าช่วยข้าออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าอะไรข้าก็จะบอกเจ้าทั้งหมด”

หลานเยาเยาเดินอย่างไม่เร่งรีบ เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ก็ยังคงเดินต่อไปไม่หยุด

เพียงตอบกลับอย่างแดกดันประโยคหนึ่งว่า:

“ช่วยเจ้าแล้วกลายมาเป็นทำลายข้าแทน เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้ไหมล่ะ?”

ฟังคำพูดถากถางนั้นแล้ว

แม้ว่าหลานชิวหยุนจะเคืองแค้น แต่นางก็จนใจ ไร้หนทางจะทำอะไรได้

แต่เมื่อคิดๆดูก็มีส่วนถูกอยู่

คนตรงหน้าที่ต้องการฆ่าแม่ลูกสารเลวคู่นั้น มีกุญแจห้องที่นางถูกกักขังอยู่ ดังนั้นเขาต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับคนที่จับนางมา

จะให้เขาช่วยนางออกไปคงจะเป็นไปไม่ได้แน่

ในเมื่อนางไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เช่นนั้นก็แค่บอกสิ่งที่นางรู้ทั้งหมด ออกไปเท่านั้นก็พอ ขอเพียงนางสามารถกำจัดจ้าวซื่อสองแม่ลูกนั่นได้ จะให้นางทำอะไร นางก็ยอมทั้งนั้น

“ข้าพูด ไม่ว่าอะไรข้าก็จะพูดทุกอย่าง แต่ข้ามีคำขอข้อหนึ่ง หากว่ากำจัดแม่ลูกสารเลวคู่นั้นลงไปได้ ข้าอยากรู้จุดจบของพวกนาง”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น!

หลานเยาเยาชะงักเท้าหยุด มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มแฝงนัย

ผลเป็นดังที่คาดจริงๆ

การพูดขุดหลุมพรางหลานชิวหยุนนั้น ไม่ต้องใช้เทคนิคทักษะพิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงคว้าจับความต้องการส่วนลึกภายในใจของนางได้ ก็สำเร็จได้ตามประสงค์แล้ว

นางหันกายกลับมา รอยยิ้มไม่จางลง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ว่า:

“นี่ค่อยพูดกันง่ายหน่อย ถ้ามีเรื่องอะไรดีๆ ข้าก็ยินดีมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟัง”

ต่อจากนั้น หลานชิวหยุนจึงพูดทุกเรื่องที่นางรู้ แจกแจงออกมาจนหมดเปลือก

รวมไปถึงเรื่องตอนที่อนุจ้าวอยู่ในจวน บางครั้งบางคราว จะมีคนแปลกหน้ามาหานาง ส่วนหลานเฉินมู่ ก็จะทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างกับเรื่องนี้

ยังมีเรื่องที่ได้ยินมาจากแม่ของนาง นิ่งซื่อ เล่าให้ฟังด้วย ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือเรื่องเท็จ นางก็ล้วนพูดออกมาจนหมด

ยกตัวอย่างเช่น

“ท่านแม่บอกว่า ในบรรดาคนที่มาหาอนุจ้าวอย่างลับๆ ดูเหมือนท่านแม่จะเคยเห็นในวัง ตอนที่นางตามท่านพ่อเข้าวังไปเวลามีงานเลี้ยง”

“ได้ยินมาว่า อนุฉูซ่อนพิณล้ำค่าคันหนึ่งเอาไว้อย่างลับๆ และอนุจ้าวก็ชอบมันมาก นางอยากเห็นสักครั้ง แต่กลับถูกอนุฉูปฏิเสธ”

“หลังจากอนุฉูตายไป พิณที่นางซ่อนไว้ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน มีคนบอกว่าพิณคันนั้นจะมอบให้เฉพาะกับคนในวัง แต่บางคนก็บอกว่า พิณนั้นถูกฝังลงหลุมไปพร้อมกับนางแล้ว”

“······”

หลานชิวหยุนพูดเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ตาม ขอเพียงเป็นเรื่องที่ส่งผลร้ายต่อคู่แม่ลูกจ้าวซื่อ เป็นเรื่องที่สามารถใส่สีตีไข่ เพิ่มเชื้อไฟได้ นางล้วนไม่มีพลาด

พูดไปๆ สุดท้ายดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกว่า:

“ เจ้ารู้จักหลานเยาเยาไหม?”

“รู้จักสิ!”

“เป็นนางอีกแล้ว … ” ความเกลียดชังในใจของหลานชิวหยุนผุดเวียนวนขึ้นมาอีกครั้ง

เขารู้จักนังแพศยาหลานเยาเยาจริงๆด้วย

นังคนชั้นต่ำนั่น ตอนนี้คงใช้ชีวิตเป็นปลากระดี่ได้น้ำอยู่เป็นแน่!

นางได้เป็นพระชายาเย่แล้วนี่ ทั้งยังแรดไปคบคนโน้นคบคนนี้ไปทั่ว คนชั้นต่ำมันก็คือคนชั้นต่ำอยู่วันยังค่ำ ทำไมคนที่ถูกขังไว้ที่นี่ถึงไม่ใช่นังนั่น?

ใครจะรู้······

นางกลับได้ยินคำตอบที่ทำให้นางคาดไม่ถึง

“หลานเยาเยาตายไปแล้ว ตายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน เจ้าคงยังไม่รู้ล่ะสิ! นี่น่าจะเป็นข่าวดีระดับสะเทือนฟ้าดินสำหรับเจ้าเลยล่ะ ค่อยๆใช้เวลาซึมซับความสุขนี้ไว้ให้ดีเถอะ!”

พูดจบ

หลานเยาเยาก็ก้าวเท้าออกจากห้องไปอีกครั้ง

เมื่อนางล็อกกุญแจประตูเสร็จ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะแหลมสูงบาดหู ดังออกมาจากในห้อง

“หลานเยาเยาตายแล้ว ?ทั้งยังตายไปสามปีแล้ว ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! ตายเสียได้ก็ดี! ตายเสียได้ก็ดี…..