บทที่ 345 คนที่อยู่เบื้องหลัง
บทที่ 345 คนที่อยู่เบื้องหลัง
“งั้นมาดูกัน ว่าฉันจะหาเรื่องคนอย่างพวกแกยังไง” อู๋ฝานตอบกลับด้วยเสียงเย็นเยียบ “ถ้ายังไม่บอกว่าวันนี้ใครส่งพวกแกมา พวกแกก็อยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลับ!”
สถานที่ตั้งโกดังที่อู๋ฝานเช่าใช้งานนี้ มันค่อนข้างอยู่ไกลจากชุมชน คนทั่วไปที่ไม่มีธุระย่อมไม่มีทางมาที่นี่ มันจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขามั่นใจว่าความลับของตนจะไม่หลุดรั่วออกไป
ไม่ว่าคนกลุ่มนี้จะบอกว่าบังเอิญผ่านมา หรือมาเดินเล่นสำรวจพื้นที่อย่างไร มันก็ไม่ได้ทำให้อู๋ฝานเชื่อแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้เฉินปิงเหยายังเคยรายงานไว้ ว่ามีคนสอบถามถึงที่มาที่ไปของวัตถุดิบร้าน ตอนนี้เมื่อได้พบแล้วว่ามีคนกำลังมุ่งเป้ามายังโกดังที่ใช้เก็บของ เช่นนั้นจะให้อู๋ฝานเชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไร?
“เหอะ! ไอ้หนู คิดจะเอารึไง?” คำเตือนของอู๋ฝานไม่ได้ทำคนเหล่านี้หวาดเกรงแม้แต่น้อย แม้พวกเขารู้ได้ถึงจิตสังหารผ่านสายตาของชายหนุ่มจนสะท้าน แต่พอมองว่าร่างกายของอีกฝ่ายดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไร รวมกับการอยู่คนเดียว ในขณะที่พวกเขามีกันหลายคน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว
“พวกเราจะไปแล้ว ไว้จะรอดูว่าแกทำอะไรได้ พวกเราไป!”
สิ้นคำ คนเหล่านี้จึงหันกลับเตรียมจากไป
“พวกแกไม่ได้ยินที่ฉันพูดงั้นสินะ?” อู๋ฝานวางมือลงบนไหล่ของคนที่อยู่รั้งท้าย “ถ้าพวกแกยังไม่คายออกมาว่าใครใช้ให้มาที่นี่ ก็อย่าคิดว่าจะกลับไปได้”
“ไอ้หนู วอนซะแล้ว!” เมื่อเห็นอู๋ฝานไม่กลัว และคิดหยุดพวกตนรีดข้อมูล พวกเขาที่เป็นคนหนุ่มเลือดร้อนย่อมไม่มีทางมองข้ามได้!
คนหนุ่มที่ถูกอู๋ฝานคว้าไหล่รั้งตัวเอาไว้ พลันยื่นมือไปคว้ามือชายหนุ่ม ราวกับคิดจะสะบัดออกให้พ้นไหล่ของตนเอง ทว่าไม่ว่าเขาพยายามแค่ไหน กลับพบว่ามือของอีกฝ่ายไม่ขยับแม้แต่น้อย คล้ายมีกาวเกาะติดแน่นก็ไม่ปาน
ชายหนุ่มเผยสีหน้าแดงก่ำ ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะออกแรงสุดกำลัง อีกครึ่งหนึ่งเพราะอับอาย ต่อหน้าเพื่อนพ้องของตนเอง เขากลับไม่อาจปัดมือของอู๋ฝานออกได้ นับเป็นเรื่องชวนให้อับอายถึงที่สุด
“รีบเอามือของแกออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่งั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคาย!” หลังเห็นว่าตนเองไร้หนทางปัดมือของอู๋ฝานออกจากไหล่ ชายหนุ่มคนนั้นจึงเลือกที่จะข่มขู่
“ถ้าตอบคำถามของฉันตามตรง ฉันปล่อยแน่” อู๋ฝานตอบกลับ
“หาเรื่องซะแล้ว!” ชายหนุ่มคนนั้นคำรามด้วยโทสะ พร้อมต่อยหมัดใส่ใบหน้าของอู๋ฝาน
แต่หมัดนั้นกลับไม่ได้ปะทะเข้ากับอู๋ฝานเช่นที่เขาคิดเอาไว้ เนื่องจากมันถูกฝ่ามือรับเอาไว้ได้ ในระยะเพียงแค่สิบเซนติเมตรจากใบหน้าของอีกฝ่าย
เจ้าของฝ่ามือก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอู๋ฝาน
“อ๊าก!” ชายหนุ่มคนนั้นส่งเสียงตะโกนดังออกมา พร้อมพยายามหาทางหลุดพ้นจากการควบคุมของชายหนุ่ม แต่ก็เหมือนก่อนหน้า ที่ไม่ว่าจะพยายามออกแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจหาทางหลุดพ้นจากฝ่ามือของอีกฝ่ายได้
“ไอ้หนู รีบปล่อยมือซะ!” คนหนุ่มที่เหลืออยู่ใกล้เคียงต่างได้เห็นว่ามันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ตอนนี้จึงเร่งข่มขู่อู๋ฝาน
และคนเหล่านี้ไม่ทำเพียงข่มขู่ธรรมดา แต่ยังพยายามเล่นงานอู๋ฝานในระหว่างที่เอ่ยปากไปด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด
“อ๊าก!”
เมื่อเห็นหมัดถูกส่งมาใกล้ อู๋ฝานจึงยกร่างชายคนดังกล่าวด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นก็เหวี่ยงออกไปประหนึ่งฟาดไม้พลอง ชายคนนั้นจึงเป็นประหนึ่งกิ่งไม้ที่ถูกเหวี่ยงฟาด ร่างปะทะเข้ากับชายคนที่คิดต่อยชายหนุ่ม จนสุดท้ายล้มลงไปกองกับพื้น
“ตึง!”
อู๋ฝานยังไม่ปล่อยชายคนเดิม เขายังคงจับมือของอีกฝ่ายไว้ด้วยมือข้างหนึ่งของตนแน่น เพราะกำลังคิดใช้อีกฝ่ายเป็นอาวุธมนุษย์ เพื่อฟาดคนอื่นที่เหลือซึ่งกำลังเข้ามาปิดล้อม
“อ๊าก!! ปล่อยฉันสิวะ!” ชายหนุ่มคนที่ถูกอู๋ฝานจับยกเหวี่ยงเมื่อครู่ ตอนนี้ตะโกนเสียงดังด้วยอาการตื่นตระหนก เขารู้สึกว่าท้องฟ้าหมุนติ้วไปมา ร่างกายของเขากำลังถูกจับเหวี่ยงฟาดเพื่อนตนอย่างต่อเนื่อง เมื่อถูกเล่นงาน พวกเขาต่างกระเด็นไปกองกับพื้นประหนึ่งใบไม้ร่วงโรย
อีกฝ่ายเป็นคนหรืออะไร เหตุใดจึงแข็งแรงได้ขนาดนี้?
การจับยกเหวี่ยงด้วยมือหนึ่งข้าง ใช้ร่างกายมนุษย์ฟาดคนอื่นแทนกิ่งไม้ มัน… มันแสดงให้เห็นว่าพละกำลังของอู๋ฝานเลิศล้ำเกินบรรยาย เกินกว่าที่คนปกติทั่วไปจะคาดถึง!!
ขณะชายหนุ่มคนนั้นยังคงสงสัยในอู๋ฝาน เขากลับรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองลอยลิ่ว จากนั้นก่อนจะทันได้ตอบสนองอะไร ร่างก็ฟาดกับพื้นอย่างรุนแรงซะแล้ว
“ตึง!”
“อ๊าก!!”
ชายหนุ่มที่ร่างฟาดกับพื้นแผดร้องชวนสังเวชออกมา ก่อนจะต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนลืมส่งเสียงร้อง แม้ร่างกายแทบทุกส่วนจะยังเจ็บปวดเหลือแสนอยู่ก็ตาม
ตอนนี้ชายหนุ่มเพิ่งได้รู้ว่าเวลาเพียงแค่ครู่เดียว พวกพ้องของตนเองต่างก็ถูกจัดการจนล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว ทุกคนต่างเผยสีหน้าท่าทีเจ็บปวดออกมา พร้อมส่งเสียงคร่ำครวญดังออกจากปาก
มันเป็นภาพที่ชวนหวาดเกรงจนเกินไป
“ว่ายังไง? ตอนนี้ก็ยังไม่อยากพูดงั้นสินะ?” เสียงของอู๋ฝานดังขึ้น
มันเป็นเสียงราบเรียบ ทว่ามันคล้ายเสียงภูตผีหรือมารร้ายที่ทำให้คนต้องกลัวจนตัวสั่น
เดิมคนกลุ่มนี้คิดว่าเพียงแค่ใช้พวกมากเข้ารุม ก็สามารถเอาชนะอู๋ฝานได้ง่าย ๆ แต่ความจริงกลับปรากฏว่าชายหนุ่มเพียงคนเดียวกลับใช้เวลาจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ำ! อีกทั้งอีกฝ่ายยังแข็งแกร่งมาก ทุกคนที่ล้มลงไปกองกับพื้น ต่างรับรู้ได้ถึงความปวดร้าวในร่างกายจนยากที่จะลุกขึ้นยืน
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ งั้นเอาแบบนั้นก็ได้ อย่าหาว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน” เสียงของอู๋ฝานดังขึ้นอีกครั้ง
คำพูดของอู๋ฝานทำให้กลุ่มคนสะดุ้ง
เล่นงานพวกเราจนยับเยินขนาดนี้ ยังกล้าพูดว่าไม่โหดร้ายอีกงั้นเหรอ?
ยังจะมีอะไรร้ายแรงกว่านี้ได้อีกงั้นเหรอ?
กลุ่มคนเพียงแค่คิดก็แตกตื่นสุดหัวใจ พวกเขาไม่อยากเจอกับเรื่องโหดร้ายกว่านี้อีกแล้ว
“พูดแล้ว! พูดแล้ว!” เมื่อเห็นอู๋ฝานคิดลงมืออีกครั้งจริง ๆ หนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มเหล่านี้จึงตะโกนออกปากยอมศิโรราบ
คนอื่นที่เหลือต่างมองอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากห้ามปรามออกมา
อย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ถึงตายก็พูดไม่ได้อยู่แล้ว อีกทั้งงานที่รับมาก็เพราะเงินค่าจ้าง ตอนนี้รู้ว่าอู๋ฝานไม่ใช่คนที่จะสามารถเข้าไปตอแยได้ พวกเขายิ่งไม่อยากให้เงินน้อยนิดมาทำให้เกิดความผิดพลาด หากอีกฝ่ายแสดงความดุร้ายขึ้นมาจริง ๆ เงินน้อยนิดเหล่านั้นย่อมไม่อาจเทียบกับค่ารักษาพยาบาลของพวกเขาได้!
“พูดมา” อู๋ฝานยังคงยืนนิ่ง สายตามองกลุ่มคนพร้อมเอ่ยถาม
“ผู้จัดการหวงจากร้านคัลเลอร์แมนเป็นคนขอให้พวกเรามาที่นี่ เขาขอให้พวกเราติดตามขบวนรถบรรทุก เพื่อดูว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน ที่พวกเราต้องบอกเขาก็มีแค่ที่อยู่ของที่นี่ สิ่งที่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่ได้เตรียมมาก่อเรื่องอะไรทั้งนั้น!” ชายหนุ่มคนนั้นละล่ำละลักเอ่ยออกมา
“หวงถิงเฟิง?” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเอง
คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือหวงถิงเฟิง? มันทำอู๋ฝานทั้งประหลาดใจและรู้สึกว่าคิดเอาไว้อยู่แล้วเชียว
ที่ประหลาดใจก็เพราะหวงถิงเฟิงถึงขั้นใช้วิธีการนี้เพื่อจัดการกับร้านของเขา แม้แค่ตามหาที่มาที่ไปของวัตถุดิบ แต่อู๋ฝานก็พอจะจินตนาการได้ว่าอีกฝ่ายที่รู้สถานที่ตั้งโกดังเก็บวัตถุดิบจะทำอะไรต่อ มันจะต้องไม่ใช่วิธีที่ปัญญาชนควรทำอย่างแน่นอน
ส่วนที่รู้สึกว่าไม่ผิดคาดก็เพราะ ร้านทั้งสองกำลังแข่งขันกันอย่างเปิดเผย ตำแหน่งที่ตั้งก็แทบเรียกได้ว่าเป็นการประจัญหน้า กลุ่มลูกค้าที่เล็งเอาไว้ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน ขณะที่กิจการฝั่งของพวกเขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ กิจการทางฝั่งร้านคัลเลอร์แมนเองก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง หวงถิงเฟิงที่คิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ ก็ต้องคิดใช้วิธีที่ไม่ใสสะอาดอยู่แล้ว