บทที่ 346 ระมัดระวัง
บทที่ 346 ระมัดระวัง
“เอาละ พวกนายไปได้แล้ว หลังจากนี้อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีกก็แล้วกัน ไม่งั้นจุดจบจะไม่ได้ดีเหมือนวันนี้แน่” อู๋ฝานไม่สงสัยในคำพูดของคนกลุ่มนี้ หวงถิงเฟิงมีแรงจูงใจมากพอที่จะเป็นผู้ต้องสงสัย
“ครับ! ครับ!” กลุ่มชายหนุ่มรีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว ต่อให้อู๋ฝานไม่ขู่ ต่อไปพวกเขาก็ไม่กล้ามาที่นี่กันอีกแล้ว อีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นประหนึ่งยมทูตจากนรก ดุร้ายซะจนพวกเขาหวาดกลัว!
กลุ่มคนพยายามดิ้นรนลุกขึ้น ก่อนจะพยายามเดินทางกลับกันไป
“รอเดี๋ยว!” อู๋ฝานกลับเรียกพวกเขาอีกครั้ง
“ละ… ลูกพี่ มีอะไรอื่นอีกงั้นเหรอครับ?” กลุ่มคนหันมองทางอู๋ฝานด้วยร่างกายสั่นเทา พวกเขากำลังกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจที่ปล่อยพวกตนเองไป และตอนนี้อาจจะคิดสั่งสอนบทเรียนอีกครั้งหนึ่ง
“บอกหวงถิงเฟิงด้วยว่าหลังจากนี้อย่าคิดที่จะทำเรื่องต่ำช้าอีก ไม่งั้นฉันจะไม่ละเว้นมันแน่!” อู๋ฝานขู่
“ครับ! ครับ! พวกเราจะบอกให้รู้แน่นอน!” เมื่อเห็นอู๋ฝานแค่เพียงฝากส่งข้อความ พวกเขาจึงพยักหน้ารับกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
อู๋ฝานโบกมือ เป็นการบอกให้พวกเขากลับกันไปได้แล้ว
กลุ่มคนหนุ่มเหล่านี้เร่งร้อนกลับไป พวกเขาไม่สนว่าร่างกายกำลังแบกรับความเจ็บปวดเช่นไร คิดแต่ต้องไปจากปีศาจร้ายเช่นอู๋ฝานให้เร็วที่สุด
อู๋ฝานมองหลังของกลุ่มคน ขณะครุ่นคิดอยู่ในใจ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากการที่ธุรกิจตกต่ำลง หวงถิงเฟิงจึงต้องคิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ แต่สิ่งที่คิดได้กลับไม่ใช่แนวทางที่ปัญญาชนพึงกระทำ และอู๋ฝานก็ไม่คิดว่าคำเตือนของตนเองจะทำให้อีกฝายยอมถอยไปง่าย ๆ อีกฝ่ายจะต้องคิดหาทางทำอะไรอีกแน่นอน
แต่ในใจของอู๋ฝานนั้นหาได้รู้สึกหวาดเกรงไม่ ต่อให้หวงถิงเฟิงรู้เรื่องโกดังแห่งนี้แล้วยังไง? ต่อให้อีกฝ่ายขโมยวัตถุดิบจากที่นี่ไปแล้วอย่างไร? ที่มาของวัตถุดิบก็ยังอยู่ในกำมือของเขาอยู่ดี ตราบใดที่ต้องการ ตนสามารถรวบรวมวัตถุดิบเท่าไหร่ก็ได้
ความลับยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการเทเลพอร์ต ตราบใดที่เรื่องนี้ไม่ถูกเปิดเผยออกไป มันก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ต่อให้หวงถิงเฟิงจะคิดวิธีอันต่ำช้าอื่นมาใช้เล่นงาน อีกฝ่ายก็คงไม่มีทางคิดได้ว่าวัตถุดิบของเขามาจากต่างโลก
แม้พฤติกรรมของหวงถิงเฟิงไม่ได้คุกคามอู๋ฝานมากมายอะไร แต่มันก็ยังสร้างความรำคาญได้ อย่างไรแล้วการถูกคนอื่นวางแผนคิดเล่นงานก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี นอกจากนี้ พฤติกรรมของอีกฝ่ายยังเสมือนเป็นการย้ำเตือนตน
อู๋ฝานรู้ดีว่าอาชีพที่ตนเองคิดจะทำนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในปัจจุบัน กิจการของเขาจะเติบโต อาชีพจะยิ่งมีหลากหลาย มีแนวทางการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นหลายส่วน เมื่อนั้นเองก็จะยิ่งมีสายตาคนอื่นจับจ้องมองมา และเป็นไปได้ที่อาจจะต้องเปิดเผยบางเรื่องที่ไม่ควรเปิดเผยออกไป จนสุดท้ายอาจนำปัญหามาสู่ตนเอง
ดังนั้นอู๋ฝานจึงย้ำเตือนตัวเองว่า หากคิดจะทำเรื่องอะไรต้องคอยระวังไว้ในใจ จงหาทางทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น ตราบใดที่แข็งแกร่งมากพอ เมื่อนั้นจะไม่มีใครกล้ามาสืบเรื่องของเขา รวมถึงไม่กล้าวางแผนก่อเรื่องราวใด ๆ
แต่จะทำอย่างไร?
ก็ต้องเพิ่มเลเวล ฆ่ามอนสเตอร์!
คนอื่นจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถไขว่คว้าความก้าวหน้าของพละกำลังได้ แต่อู๋ฝานกลับแค่ต้องฆ่ามอนสเตอร์เพิ่มเลเวล ยิ่งเลเวลสูงเท่าใด ค่าสถานะของเขาก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น พละกำลังจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นเงาตามตัว
อีกทั้งการสังหารมอนสเตอร์ก็ยังมีโอกาสได้รับสมบัติมากมาย มันจะยิ่งทำให้อู๋ฝานในโลกความเป็นจริงก้าวหน้าดีมากขึ้น ทั้งยังเป็นการรับประกันความปลอดภัย
“โลกนั้นนับวันก็ยิ่งสำคัญกับเรามากขึ้นเรื่อย ๆ” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง
ตอนแรกนั้น อู๋ฝานแค่ต้องการใช้สิ่งของในโลกนั้นทำเงินที่โลกนี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเอง แต่ตอนนี้ โลกแห่งเกมยิ่งสำคัญกับเขามากขึ้น จนถึงจุดที่ไม่สามารถเมินเฉยหรือมองข้ามได้อีกต่อไป
อู๋ฝานเองก็เริ่มให้ความสนใจเรื่องราวของโลกแห่งเกมมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ขบวนรถบรรทุกขนย้ายวัตถุดิบมากมายจนเสร็จสิ้น ก่อนจะเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ร้านโลกในแหวน โดยอู๋ฝานจะขับรถร่วมทางไปด้วย ภายในรถ เขาตัดสินใจโทรหาโหวเสี่ยวกวง
ทรัพย์สินปัจจุบันของอู๋ฝาน ร้านโลกในแหวนถือเป็นส่วนสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย มันทำเงินให้ชายหนุ่มได้ และยังช่วยให้เขาได้ทำความรู้จักกับเหล่าผู้มีอำนาจในเจียงโจว ดังนั้น ตนจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับร้านค่อนข้างมาก
บ้านเกิดของโหวเสี่ยวกวงจะกลายเป็นฐานผลิตให้กับร้านโลกในแหวน อู๋ฝานย่อมไม่อาจเมินเฉยเรื่องทางนั้น ยังไม่กล่าวว่าตอนนี้หวงถิงเฟิงคิดก่อเรื่องอะไรบางอย่าง เขาจึงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของโหวเสี่ยวกวง
“โหวจื่อ สถานการณ์ทางด้านนั้นเป็นยังไงบ้าง?” อู๋ฝานเอ่ยถามตรงเข้าประเด็น
“ฉันกลับมาถึงที่หมู่บ้านแล้ว ตอนนี้กำลังคุยกับคนอื่นในหมู่บ้าน ตอนแรกพวกเขาก็กังวลกันอยู่ เพราะกลัวว่านายจะไม่มารับผลผลิตที่พวกเขากำลังจะปลูก หนึ่งปีของพวกเขาอาจลงแรงไปอย่างสูญเปล่า แต่โชคดีที่นายให้เงินมัดจำมา รวมกับที่ฉันรับปาก พวกเขาเลยตกลงที่จะปลูกตามที่นายต้องการ” โหวเสี่ยวกวงตอบรับ “สายตาของนายนี่มองขาดจริง ๆ ให้เงินมัดจำมาก็เพราะแบบนี้นี่เอง ไม่งั้นนะการเจรจาคงเป็นเรื่องยาก แม้ฉันจะออกหน้ารับปากก็ตาม”
“แหงอยู่แล้ว” อู๋ฝานตอบรับ “ยังไงเรื่องที่พวกเขาต้องทำงานก็เกี่ยวข้องกับรายได้ทั้งปี ไม่เหมือนคนที่ทำงานได้รับเงินเดือน แค่เปลี่ยนงานก็ได้เงินเหมือนเดิมแล้ว ขณะที่พวกเขาพอลงมือปลูกไป ถ้าคิดจะเปลี่ยนอะไรก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ความกังวลที่เกิดขึ้นว่าจะมีตลาดรับซื้อไหมนั้นเลยเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้”
อู๋ฝานไม่แปลกใจหรือโกรธเรื่องที่โหวเสี่ยวกวงเล่ามา ในความเห็นของเขา ตนยังมองว่ามันเป็นเรื่องปกติซะด้วยซ้ำ เพราะชายหนุ่มเองก็มาจากชนบท การทำฟาร์มไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกังวลเรื่องกำลังซื้อของตลาด ที่ได้รับการยอมรับครั้งนี้ ก็เพราะมอบเงินมัดจำให้โหวเสี่ยวกวงเป็นหลักประกัน
“แล้วสถานการณ์ของนายล่ะ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
แม้ชาวบ้านจะปลูกวัตถุดิบมากมาย แต่อู๋ฝานก็ยังต้องการขยายสาขาไปยังเมืองอื่น วัตถุดิบเหล่านั้นพอผ่านไปย่อมไม่มากพอ ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้โหวเสี่ยวกวงทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อเพาะปลูกและทำปศุสัตว์เพิ่ม
“ฉันเชื่อในตัวนายอยู่แล้ว” โหวเสี่ยวกวงตอบ “พอกลับมาถึง ฉันก็จัดการหลายเรื่องในหมู่บ้าน แต่ก็ตระเวนออกไปหมู่บ้านข้าง ๆ เพื่อทำสัญญาเช่าที่ดินด้วย เรื่องค่อนข้างราบรื่นกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ พวกเขาไม่ต้องการทำฟาร์ม แต่คิดที่จะเข้าเมืองไปหางานทำ เพราะแบบนั้นเลยมีที่ดินว่างให้เช่าใช้งานมากมาย พวกเขาที่ได้ยินว่าฉันต้องการทำสัญญาเช่าที่ดินจำนวนมาก เลยเป็นฝ่ายมาเจรจาเงื่อนไขเองด้วยซ้ำ ฉันทำสัญญาไปแล้วเรียบร้อย จ่ายค่าเช่าไปส่วนหนึ่ง ตอนนี้ฉันกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเข้าร่วมศึกใหญ่กับนายแล้ว”
โหวเสี่ยวกวงเชื่อใจอู๋ฝานยิ่งกว่าใคร ชาวบ้านคนอื่นยังมีข้อกังขา แต่เขาไม่มี โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นความก้าวหน้าของอีกฝ่ายในช่วงหนึ่งปีหลังจบการศึกษา ได้เห็นร้านโลกในแหวน เขาจึงยิ่งเชื่อใจในตัวอีกฝ่าย ทั้งยังนับถือ เพราะตอนนี้อู๋ฝานกำลังชี้ถนนที่สะดวกสบายให้ ดังนั้นเขาย่อมไม่มีทางปล่อยมือจนพลาดโอกาส
“โหวจื่อ ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่ทำร้ายนายแน่นอน” หลังได้รู้ว่าโหวเสี่ยวกวงเชื่อใจตนเองถึงขนาดนี้ อู๋ฝานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ครอบครัวของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เพราะเชื่อมั่นในตัวเขา อีกฝ่ายจึงเลือกเข้าไปเจรจาทำสัญญาเช่าที่ดิน หากตนกลับคำขึ้นมา ก็คงเป็นการทำร้ายโหวเสี่ยวกวงจนบาดเจ็บสาหัส
แน่นอนว่าอู๋ฝานไม่คิดกลับคำพูดของตนเองอยู่แล้ว
“ก็นะ ฝากฝังงานกันขนาดนี้แล้ว จะไม่มีความเชื่อใจได้ยังไงกันล่ะ?” โหวเสี่ยวกวงหัวเราะ น้ำเสียงค่อนข้างผ่อนคลาย เขาไม่ได้ระแวงหรือสงสัยอะไรอู๋ฝานจริง ๆ นั่นแหละ
——————————