อาเฟยหัวเราะเยาะออกมา “เป็นไปไม่ได้ หากพี่ชายของนางมีเงินล่ะก็คงไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกขอรับ”
“ได้ไปถามคนอื่นมาบ้างหรือไม่”
เมื่ออาเฟยได้ยินเจียงซื่อถามเช่นนี้ จึงยิ้มเจื่อนๆ ออกมา “ข้าน้อยไปสืบถามจากแม่เล้ามาแล้ว แต่หากไม่ได้เงินที่คุณหนูให้ไว้หนุนหลัง ข้าก็เกือบจะถูกไล่ตะเพิดออกไปแล้ว”
เจียงซื่อถอนหายใจ
อันที่จริงเวลาที่ให้อาเฟยมันก็น้อยไปหน่อย การจะหลอกเปิดปากสองตัวนั้นให้พูดออกมานั้นไม่ยาก แต่มันไม่ง่ายเลยกับการที่จะเข้าไปเจรจากับแม่เล้าที่ฉลาดเป็นกรด
ทว่าหากดูตามสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องผู้ที่ไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์เป็นผู้ใดนั้นสำคัญมาก ไม่แน่คนผู้นั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลจู
เจียงซื่อไม่เข้าใจเล็กน้อย ฉิงเอ๋อร์เป็นเพียงเด็กสาวรับใช้ลำดับต้น ทุกๆ ด้านล้วนธรรมดา มีตรงไหนควรค่าพอให้คนที่คิดจัดการพี่ใหญ่ให้ความสำคัญหรือ อีกอย่าง หลังจากที่คนผู้นั้นไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ออกมาเหตุใดจะต้องส่งนางกลับไปหาพี่ชาย ทำให้พี่ชายนำตัวน้องสาวไปขายอีกครั้งด้วย
ทำทุกอย่างให้มันซับซ้อนมากขนาดนี้ ก็เพื่อแสดงละครให้ฉิงเอ๋อร์ถูกพี่ใหญ่ช่วยเอาไว้งั้นหรือ
แต่การทำเช่นนี้มันเหมือนกับเกินความจำเป็น
หากนางเป็นคนลงมือเล่นละครฉากนี้นางจะแสดงอย่างไรกัน
อย่างน้องก็ต้องไม่ซับซ้อนขนาดนี้ คงต้องหานักพนันในบ่อนที่สิ้นหวังไม่มีทางออกเตรียมจะขายลูกสาวหรือน้องสาวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไถ่ตัวคนออกมาจากหอนางโลมก่อนแล้วนำตัวส่งกลับไปหาคนในครอบครัวเลย
นอกเสียจากว่า…มือข้างที่ถือพัดไว้ชะงักลง สายตาของเจียงซื่อฉายแววนิ่งสุขุมออกมามากยิ่งขึ้น
นอกเสียจากว่ามีเหตุผลที่ต้องใช้ฉิงเอ๋อร์ และหากนั่งคิดอยู่เฉยๆ นางก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าเหตุผลคืออะไร นางต้องไปสืบหาบนเรือบุปผาที่ฉิงเอ๋อร์ถูกขาย
เจียงซื่อโยนพัดลงไปบนโต๊ะ พลางเอ่ยถามขึ้นอย่างชะล่าใจ “เรือบุปผานั่นมีชื่อเรียกว่าอะไรกัน”
แม่น้ำจินสุ่ยมีเรือเล็กใหญ่มากมายจำนวนนับไม่ถ้วน เรือบุปผาทุกลำล้วนมีชื่อเรียกเพื่อสะดวกต่อแขกเหรื่อทั้งหลายให้ง่ายต่อการดูออก
อาเฟยพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร “มีชื่อเรียกว่าหอเยี่ยนชุน” หลังจากพูดจบก็รู้สึกว่ามันผิดปกติขึ้นมาทันที จึงสังเกตสีหน้าของเจียงซื่อดูอย่างระมัดระวังแล้วถามขึ้น “คุณหนู ท่านถามไปทำไมหรือ”
เจียงซื่อเอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับยิ้มพูดขึ้น “ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมเสียจริง”
อาเฟยลุกยืนขึ้นพลางลูบหน้า “คุณหนู ท่านพูดเช่นนี้ จู่ๆ ข้าก็เริ่มกังวลขึ้นมานิดหน่อย”
จะต้องไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแน่!
หญิงสาวหลุบสายตา จ้องไปที่นิ้วมืออันอ่อนนุ่ม เล็บมือที่ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงเช่นเดียวกัน ”ข้าวางแผนจะไปเดินเล่นที่ร้านขายชาด” พูดออกมาว่า “ข้าวางแผนจะไปเดินเที่ยวดูที่หอเยี่ยนชุน”
อาเฟยขาอ่อนยวบ เซล้มกลับไปนั่งที่เก้าอี้
“แมงดาในหอนางโลมสองคนนั่นจำเจ้าได้แล้ว เช่นนั้นเจ้าไม่ต้องตามข้าไปที่เรือหรอก ถึงเวลานำทางข้าไปก็พอ”
อาเฟยเสียงเปลี่ยน “คุณ คุณหนู ไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เจียงซื่อขมวดคิ้ว
ทำไมจะไม่ได้งั้นหรือ นี่ยังต้องถามอีกรึ!
อาเฟยแทบจะคุกเข่าลงไป “คุณหนู ท่านจะทำเหมือนนี่เป็นการแสดงหรือ สตรีแต่งตัวเป็นชายจะสามารถเข้าไปเดินเล่นอยู่ในหอนางโลมได้ สอบจอหงวนได้ จนกระทั่งเป็นราชบุตรเขยได้งั้นหรือ พวกนั้นมันเรื่องโกหกทั้งเพ! ท่านขึ้นเรือไปเช่นนี้ แม่เล้าชำเลืองตามองปราดเดียวก็ดูออกแล้วว่าท่านเป็นสตรี…”
“เรื่องนี้ข้ารู้ เจ้านำทางข้าไปก็พอแล้ว”
“นี่มันไม่ได้จริงๆ…” อาเฟยปฏิเสธออกไปอย่างกล้าหาญ
“หืม?”
อาเฟยพูดเกลี้ยกล่อมจากใจจริง “คุณหนู หากเกิดเรื่องอะไรกับท่านขึ้นมาจะทำอย่างไร ถึงเวลานั้นข้าน้อยแบกรับภาระนั้นไม่ไหว…”
เจียงซื่อหัวเราะ “ข้าจะพาเหล่าฉินไปด้วย”
เห็นอาเฟยยังอยากจะพูดต่ออีก เจียงซื่อจึงทำหน้าขรึม “หรือว่าในใจของเจ้า ข้าเป็นคนจำพวกที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเฉกเช่นคนโง่งั้นหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
“เอาล่ะ เจ้าทำตามที่ข้าสั่งก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องกังวล”
อาเฟยถอนหายใจ ถามขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ท่านวางแผนจะไปเมื่อใด”
เด็กสาวยิ้มหวานออกมาพลัน “แทนที่จะเลือกวันดีๆ สู้ทำตอนนี้ไปเลย เข้าจะไปคืนนี้”
เมื่อกลับไปที่เรือนไห่ถัง อาหมานก็ยุ่งวุ่นวายอยู่รอบๆ เจียงซื่อ สุดท้ายเจียงซื่อจึงอดถามออกมาไม่ได้ “อาหมาน เจ้ากำลังไล่แมลงวันหรือ”
อาหมานหยุดลง มองนางด้วยสายตาน่าสงสาร “คุณหนู ท่านจะพาเหล่าฉินไปแทนบ่าวหรือเจ้าคะ”
ไม่นึกเลยว่า สาวรับใช้คนใกล้ชิดอย่างนางจะต้องแย่งความโปรดปรานกับคนขับรถ
“คนเยอะอาจเป็นที่จับตามองได้ เช่นนั้นพาไปด้วยหนึ่งคนก็พอแล้ว”
ใบหน้าของเหล่าฉินหากถูกปลอมแต่งเล็กน้อยก็ไม่มีใครดูออก แถมช่วงเวลาที่สำคัญยังมีประโยชน์กว่าอาหมานเยอะเลย แน่นอนว่าเจียงซื่อจึงไม่ลังเลที่จะทิ้งสาวรับใช้
อาหมานขานตอบอย่างน้อยใจ จนกระทั่งความมืดมิดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เจียงซื่อหายวับเข้าไปในความมืดถึงได้หมดหวังแล้วจริงๆ
เมื่อเงยหน้าขึ้น พระจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนท้องฟ้ามัวหมอง ไม่เห็นแม้แต่เงาของดวงดาวพวกนั้น อาหมานถอนหายใจยาวออกมา
ค่ำคืนที่แสงจันทร์มัวหมองเช่นนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การก่อเหตุร้าย ลำบากเหล่าฉินแล้ว
อากาศยามค่ำคืนในช่วงต้นเดือนเก้าหนาวเย็นเล็กน้อย เจียงซื่อที่แอบย่องออกไปนอกจวนปั๋วแน่นอนว่าไม่อาจถือตะเกียงไปได้ จึงต้องคลำทางไปแบบมืดๆ หลังจากเดินมาอย่างระมัดระวังจนเจอกับเหล่าฉิน เหงื่อก็ผุดออกมากลางฝ่ามือบางๆ
ด้านนอกมีไฟนับพันดวง สว่างจ้าไปทั่วทุกบริเวณ
เจียงซื่อชำเลืองมองเหล่าฉิน พยักหน้าลงด้วยความพอใจ “แบบนี้ไม่เลวเลย”
เหล่าฉินขานตอบออกมาเพื่อเป็นการแสดงว่ารับรู้แล้ว ราวกับว่าเจียงซื่อออกไปข้างนอกคราวนี้ไม่แตกต่างกับเมื่อก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณหนู…” ที่มุมๆ หนึ่ง อาเฟยออกแรงโบกมือไปมาให้ทั้งสอง
เจียงซื่อกับเหล่าฉินเดินตามกันออกไป
เขามองเจียงซื่อที่แต่งตัวเป็นชายหนุ่มด้วยแววตาซับซ้อน อาเฟยถอนหายใจออกมาเงียบๆ หันข้างแล้วเอ่ยขึ้น “ขึ้นรถเถอะขอรับ”
อย่าดูแค่ว่าที่นี่มันช่างสงบเงียบยิ่งนักในยามค่ำคืน พอถึงแม่น้ำจินสุ่ยที่นั่นมันจะเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งเลยทันที
เจียงซื่อนั่งอยู่ในรถม้าไม่นานก็มาถึงริมแม่น้ำจินสุ่ย มันเต็มไปด้วยความครึกครื้นจริงๆ ทั้งกลิ่นชาดและกลิ่มหอมฉุย รถม้าที่นับว่าสวยงามหรูหราคันนี้แทรกเข้าไปร่วมขบวนโดยไม่เป็นที่สังเกตของผู้ใดเลย
เรือบุปผาที่หยุดจอดอยู่ตามฝั่ง มีสตรีรูปร่างเอวบางอ่อนช้อยยืนอยู่ด้านนอกเพื่อเรียกแขก ขณะที่พวกนางโบกมือพลางสะบัดผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของเครื่องหอม น้ำอบต่างก็ลอยโชยเข้ามาที่จมูกของเจียงซื่อ
เมื่อรู้สึกตัวเจียงซื่อก็ขมวดคิ้วขึ้น นางจัดการกับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปตามทางที่อาเฟยชี้ว่าคือเรือบุปผาลำนั้น
โคมสีแดงขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเสาเหลือเขียนไว้ว่า ‘หอเยี่ยนชุน’ มันปลิวไสวไปตามลม
ที่หอเยี่ยนชุนก็มีหญิงสาวสะโอดสะองยืนเรียงเพื่อต้อนรับแขก และมีลูกสมุนสองคนซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เพื่อกันคนมาก่อความวุ่นวาย
เจียงซื่อรูปร่างสูงโปร่ง ค่อนข้างผอม พอสวมชุดผู้ชายบวกกับอำพรางหุ่นไว้จึงทำให้ดูไม่ออกถึงส่วนโค้งเว้าของสตรี
ทันทีที่คณิกามองไปยังริมฝั่งอันมืดสลัว ก็บังเอิญเจอเข้ากับชายหนุ่มรูปงามหน้าตาหล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบมิได้คนหนึ่ง นางตาเป็นประกาย พุ่งตัวเข้าหาทันที “เชิญด้านในเลยเจ้าค่ะคุณชาย…”
นางพูดไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเคยชินหรือว่าเห็นชายหนุ่มตรงหน้าหน้าตาหล่อเหลามากจริงๆ เนินอกที่โผล่ออกมาจึงสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย แล้วเข้ามาเบียดแขนเจียงซื่อ
อาเฟยที่ยังไม่ไปไหน หลบอยู่ในที่มืดใจหายวาบขึ้นมาทันที เกรงว่าเจียงซื่อจะรับไม่ได้จึงต้องกรีดร้องออกมาจนเผยตัวว่าตัวเองเป็นสตรี
เจียงซื่อเม้มปากเล็กน้อยแล้วยิ้มร่า เงินจำนวนหนึ่งเปล่งแสงแวววาวออกมา จากนั้นก็ถูกวางลงที่เนินอกคณิกานางนั้น
คณิกาเอ่ยขอบคุณยกใหญ่ด้วยความดีใจ เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเดินตรงเข้าไปในเรือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
อาเฟยได้แต่ตะลึง พลางลูบคางไปมา
เห็นทีการเดินเตร่ของคุณหนูในหอนางโลมจะแกร่งกว่าเขาเยอะเลย
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง