แน่นอนว่าเจียงซื่อไม่เคยมาเดินเตร่ที่หอนางโลม ทว่าชาติภพที่แล้วนางอาศัยอยู่ในเผ่าอูเหมียวที่ให้เกียรติสตรีอยู่ช่วงหนึ่ง เห็นสตรีอูเหมียวที่ใจกล้าเปิดเผยมาจนชินแล้ว เช่นนั้นจึงรู้สึกว่าไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่
นางก้าวเดินเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้าและสุขุม พลางสังเกตบริเวณรอบๆ อย่างมีชั้นเชิง
เรือของหอเยี่ยนชุนเป็นเรือนาวาใหญ่ระดับกลาง มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องโถงที่กว้างขวางเพื่อต้อนรับแขกที่มาชื่นชมเสียงดนตรีและการเต้นรำ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องหับติดกันเป็นระนาว หากแขกเหรื่อทั้งหลายที่เข้ามาหาแสงสียามค่ำคืนเกิดความคึกขึ้นมา ก็สามารถขึ้นบันไดที่มีอยู่ตามสี่มุมของห้องโถงพร้อมกับโอบคณิกาที่หมายตาไว้แล้วขึ้นไปมีความสุขด้วยกัน
เจียงซื่อเงยหน้าชำเลืองมองชั้นบน
ที่จริงบนชั้นสองยังมีชั้นลอยเล็กๆ อยู่อีกหนึ่งชั้น ราวกับว่ามันถูกสร้างยื่นออกไปเพื่อรับลม ได้ยินอาเฟยบอกว่าที่นั่นคือห้องพักชั้นนำของเรือลำนี้
โดยภาพรวมแล้วในแม่น้ำจินสุ่ย หอเยี่ยนชุนเป็นเรือธรรมดาที่มีการประดับตกแต่งอย่างสวยหรู หากนำลำดับต้นของหอเยี่ยนชุนไปเทียบกับบรรดานาวาใหญ่ลำอื่นที่แม่น้ำจินสุ่ย แน่น่อนว่าไม่ถูกจัดอยู่ในอันดับด้วยซ้ำ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือเด็กสาวปรนนิบัติรับใช้ก็ไม่โดดเด่นนัก
เจียงซื่อครุ่นคิดเรื่องพวกนี้พร้อมกับเดินตรงเข้าไปในห้องโถง ไม่นานสตรีอายุราวๆ สามสิบก็เข้ามาต้อนรับ
หญิงสาวหุ่นดี รูปร่างสมบูรณ์ สีหน้าไม่อยู่กับร่องกับรอย แถมเวลานี้ยังสวมชุดเปิดไหล่ ร่างกายอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจลงไปในร่องลึก
เจียงซื่อครุ่นคิด นี่คงจะเป็นแม่เล้าของเรือบุปผาลำนี้
นางเดาไม่ผิด สตรีผู้นี้เป็นแม่เล้าบนเรือบุปผาลำนี้จริงๆ
เรือบุปผาที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แน่นอนว่าเทียบไม่ติดกับนาวาใหญ่อันดับต้นๆ อยู่แล้ว แม้แต่หญิงสาวที่บำเรอแขกก็ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ โดยมีแม่เล้าเป็นคนจัดการคนเดียว ส่วนเด็กสาวที่มีหน้าตาสะสวยเล็กน้อยคนอื่นๆ ก็จะต้องไปบำเรอแขกเพื่อหาเงิน
เมื่อแม่เล้าเห็นการแต่งกายของเจียงซื่อก็แววตาเป็นประกาย น้ำเสียงเป็นมิตรกว่าปกติเล็กน้อย ”ไอ้หยา นี่มันคุณชายรูปหล่อจากที่ไหนกัน เชิญเข้าไปด้านในเร็วเข้า”
เจียงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับควบคุมตัวเองไม่ให้จามออกมา
สำหรับนางกลิ่นหอมจากแป้งชาดบนตัวแม่เล้ามันฉุนไปหน่อย
แต่แล้วไม่นานแม่เล้าที่เป็นมิตรก็สีหน้าสุขุมลง พลางจ้องเจียงซื่อไม่กะพริบด้วยความระแวง
เจียงซื่อไม่กลัว นางหยุดฝีเท้าลงดื้อๆ แล้วส่งยิ้มบางๆ ให้แม่เล้า
ใบหน้าของแม่เล้ายิ่งขรึมลงไปอีก พลางเดินก้าวเข้าไปใกล้เจียงซื่อ เอ่ยขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธ “แม่สาวน้อยหากเจ้าจะมาก่อเรื่องล่ะก็ เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
คนที่มาก่อเรื่องแถวแม่น้ำบ่อยๆ ยังจะมีเรื่องแปลกๆ อะไรที่นางไม่เคยเห็นอีก และเช่นเดียวกับเด็กสาวตรงหน้าที่จะมาก่อเรื่องบนเรือบุปผา นางจะไม่เคยเห็นได้อย่างไร ส่วนมากล้วนมาจับชู้กันทั้งนั้น
นี่มันสถานที่อะไร นี่เป็นรังแห่งความสุขและอิสระของผู้ชาย หากมีข่าวแพร่งพรายออกไปว่าภรรยาที่บ้านขึ้นมาบนเรือเป็นเรื่องเล่าน่าขันออกไป หอเยี่ยนชุนของพวกนางจะเปิดกิจการต่อไปได้หรือ
แม่น้ำจินสุ่ยมีเรือบุปผาจากร้อยเปลี่ยนเป็นพัน การแข่งขันและความกดดันมีเยอะมาก
อย่างอื่นไม่ต้องไปพูดถึง หากหญิวสาวผู้นี้มีนิสัยมุทะลุ การคิดสั้นนั้นง่ายนัก หากนางหันหลังกระโดดออกจากเรือบุปผาไป…… แม่เล้าคิดในใจ เช่นนั้นก็ซวยแล้ว
เจียงซื่อหยิบเหอเปาถุงเล็กออกจากปากกระบอกแขนเสื้อแล้ววางลงบนมือของแม่เล้า
แม่เล้าได้แต่อึ้ง พอรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของเหอเปาจึงเขย่าดูเล็กน้อย ไม่นานก็แสดงจุดยืนออกมาอย่างแน่วแน่ “ไม่ได้ หอเยี่ยนชุนไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำอะไรได้อย่างไม่เกรงใจ!”
นางไม่ใช่คนที่คิดตื้นๆ จะทำลายอนาคตของหอเยี่ยนชุนเพื่อเงินแค่ไม่กี่ตำลึงได้อย่างไร
เจียงซื่อหัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงเย็นชาและค่อนข้างเบา จึงไม่อาจแยกแยะออกได้ในทันทีว่าเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาว “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้มาที่หอเยี่ยนชุนเพื่อก่อเรื่อง แต่ข้ามาหาคน”
แม่เล้าทำหน้าบึ้ง สตรีหญิงวัยกลางคนเดิมท่าทางมีเสน่ห์ได้เปลี่ยนเป็นนางมารใจร้าย หัวเราะเยาะพลางเอ่ยขึ้น “มาตามหาคนก็คือมาก่อเรื่อง!”
“ไม่ใช่ คนที่ข้ามาหาก็คือเจ้า” เจียงซื่อยิ้มออกมาอีก ยกมือออกมาก็เอาเหอเปาอีกห่อยัดลงในมือแม่เล้า
แม่เล้าอึ้งไปครู่หนึ่ง
มาหานาง?
คิดไปคิดมานางไม่ได้ลงสนามมานานมากแล้วนี่นา เด็กสาวผิวนวลลออผู้นี่คงไม่ได้จะมาตบตีนางหรอกใช่หรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น…แม่เล้าแอบหัวเราะเยาะ
ลูกสมุนที่หอเยี่ยนชุนเลี้ยงไว้พวกนั้น ไม่ได้มีไว้เฉยๆ สักหน่อย!
ไม่ได้มาตามหาผู้ชายก็ดี เงินนี้เก็บได้
แม่เล้านำเหอเปาสองห่อยัดไว้ในอกทันที แล้วเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชายตามข้ามาเลยเจ้าค่ะ”
เดินไปเพียงสองก้าวก็หยุดกึกลงอีก แล้วหันกลับมาถาม “คุณชายมีความต้องการในสถานที่เป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่มี” เจียงซื่อตอบอย่างตรงไปตรงมา
แม่เล้าพาเจียงซื่อมายังที่พักของตัวเอง
ที่ที่แม่เล้าพามาคือบริเวณมุมที่อยู่ริมสุดของห้องโถง นับได้ว่าเป็นห้องที่กว้างขวางเลยทีเดียว โดยมีฉากกั้นแบ่งเป็นสองส่วน ด้านนอกเป็นห้องโถงขนาดเล็ก ด้านในมีผ้าม่านหนา เป็นที่สำหรับพักผ่อน
ริมหน้าต่างมีโต๊ะเล็กวางอยู่ ส่วนด้านนอกหน้าต่างเป็นทิวทัศน์แม่น้ำจินสุ่ยอันมืดสนิทราวกับถูกน้ำหมึกสะบัดใส่ แสงไฟส่ายไปมาราวกับดวงดาวส่องประกายแวววาว
ลมหนาวพัดโชยเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดอ้า รู้สึกเย็นสบาย
ทว่าแม่เล้ากลับปิดหน้าต่างลง เผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าบอกมาได้เลยว่ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด”
เกรงว่าเหอเปาสองห่อ คงไม่อาจทำให้แม่เล้าสบายอารมณ์ได้ ในความคิดของนางการที่มีหญิงสาวมาที่เรือบุปผานั้นเป็นการไม่รู้จักวางตัว ไม่รู้จักอาย และไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
หากบนโลกนี้มีสตรีประพฤติตัวไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้ นี่มันทำลายงานของพวกนางชัดๆ เลยนี่นา ความชั่วร้ายเช่นนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด!
“ข้ามาหาเจ้าเพื่อสืบถามเรื่องหนึ่ง”
เจียงซื่อเอนหลังพิงเก้าอี้ สีหน้าสบายใจ หากไม่ใช่เพราะแม่เล้าดูคนแม่น แถมยังคิดอีกว่าหญิงสาวจากตระกูลไหนแวะเข้ามาบนเรือ
นี่มันสบายเกินไปแล้ว เดี๋ยวนี้สตรีกล้าหาญขนาดนี้เชียวรึ
“เจ้าเคยได้ยินชื่ออวี่เอ๋อร์หรือไม่”
แม่เล้าหรี่ตาลง มองเจียงซื่อด้วยสายตาระแวดระวังขึ้นมา
ก่อนหน้านี้พูดไว้แล้ว หอเยี่ยนชุนไม่ได้กว้างขวาง แม้แต่การไถ่ตัวนางโลมล้วนต้องผ่านมือนาง เช่นนั้น ‘อวี่เอ๋อร์’ ชื่อนี้นางต้องรู้แน่นอน
ทว่านางไม่รู้ว่าเจียงซื่อต้องการอะไรกันแน่ จึงไม่มีทางเปิดปากออกมา
เจียงซื่อยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าอยากรู้ข่าวเรื่องการไถ่ตัวของอวี่เอ๋อร์ ทุกอย่างที่เจ้ารู้ ข้าล้วนอยากจะรู้ทั้งหมด”
“สามหาว” แม่เล้าชี้นิ้วออกไปที่ประตู “หากเจ้าจะถามเรื่องนี้ เช่นนั้นก็เชิญกลับไปเถอะ”
“เจ้าอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป ข้าเพียงแค่อยากจะทราบข่าวคนผู้นั้นเท่านั้นเอง ไม่ได้จะฆ่าใครสักหน่อย และก็ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้หอเยี่ยนชุนด้วย” เจียงซื่อเอามือซุกลงไปในกระบอกแขนเสื้อ นิ้วมือขาวนวลคีบเงินกระดาษออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าแม่เล้า
แม่เล้าเหล่ตามอง แสยะยิ้มมุมปากออกมา
เงินแค่ไม่กี่ตำลึง คิดว่านางไม่เคยเห็นเงินหรือ
เจียงซื่อเหลือบมองไปที่แม่เล้า แล้วหยิบตั๋วเงินจำนวนเท่าเดิมยื่นออกไปอีก
หนึ่งแผ่น สองแผ่น สามแผ่น…นางไม่พูดอะไรออกมาสักคำ พริบตาเดียวเงินก็ถูกวางซ้อนทับกันสูงขึ้นเป็นกองละลานตา
แม่เล้ากะพริบตาปริบๆ
แม้ว่าเงินไม่กี่สิบตำลึงจะน้อย แต่พอวางซ้อนทับกันเยอะก็ถือว่าไม่ใช้จำนวนน้อยๆ แล้ว แน่นอนว่าแขกที่มาแม่น้ำจินสุ่ยมีจำนวนไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้มาถึงหอเยี่ยนชุน
เจียงซื่อหยิบเงินออกมาวางเพิ่มเรื่อยๆ
หนึ่งแผ่น สองแผ่น…แม่เล้าแอบนับอยู่ในใจ
เด็กสาวที่ปลอมตัวเป็นชายหยิบเงินออกมาราวกับหยิบกระดาษไร้ค่าออกมา ท่าทางไม่แยแสทำให้แม่เล้ารู้สึกกดดัน
ไม่ถูก ไม่ถูก นับมั่วไปหมดแล้ว!
แม่เล้าท่าทางลุกลี้ลุกลนขึ้นมา อดไม่ได้อยากจะให้อีกฝ่ายวางใหม่อีกรอบ ทว่าเงินที่อยู่ตรงหน้ายังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดก็อดไม่ได้ใช้สองมือกดลงบนกองเงิน “หยุดก่อน!”