ตอนที่ 346 เป็นลูกของใคร

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 346 เป็นลูกของใคร

ตอนที่ 346 เป็นลูกของใคร

สีหน้าของเซี่ยหลานเปลี่ยนไปทันใดและมองเสิ่นอวี้อิ๋งพลางเอ่ยถาม “ยังมีใครอีก?”

เสิ่นอวี้อิ๋งตกใจมากยามตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนตื่นตระหนกจนเกินไปและพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา หล่อนรีบเอ่ยปฏิเสธ “ไม่มีค่ะ มีแค่หลิวจื้อหมิง ไม่มีคนอื่นแล้วค่ะ”

“แกยังมีเรื่องปิดบังพวกฉันใช่ไหม?” เซี่ยหลานหรี่สายตาพลางมองหล่อนและเอ่ยอย่างจริงจัง “อวี้อิ๋ง เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว แกไม่อาจมีความลับใดๆกับพวกเราได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นปัญหาจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น บอกฉันมา ยังมีใครรังแกแกอีก?”

เสิ่นเถี่ยจวินก็ตกใจกับคำพูดของเสิ่นอวี้อิ๋งเช่นกัน

หล่อนพูดว่าพวกเขา?

หล่อนเคยประสบเรื่องราวไม่ดีและถูกรังแก แต่กลับไม่กล้าบอกพวกเขางั้นเหรอ?

เสิ่นเถี่ยจวินตื่นตระหนกและเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “อวี้อิ๋ง แกรีบบอกพวกฉันมาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พ่อจะไปจัดการให้แกอย่างแน่นอน ตอนนี้มีฉันอยู่ ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะมารังแกแก แกเป็นลูกสาวของเสิ่นเถี่ยจวิน หากใครรังแกแก ฉันจะสับพวกเขาให้เป็นพันๆ ชิ้น”

สีหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินดูดุร้ายขึ้น ขณะมีอาการร้อนใจกระสับกระส่าย

เซี่ยหลานเองก็มองเสิ่นอวี้อิ๋ง พวกเขาสัมผัสได้ว่าหล่อนกำลังมีปัญหาบางอย่าง

จะต้องถามหาสาเหตุให้ได้

เสิ่นอวี้อิ๋งไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ หล่อนเช็ดน้ำตาสะอื้นไห้พลางกล่าว

“ตอนหนูอยู่ที่ชนบท มีผู้ชายคนหนึ่งมาก่อกวนหนูอยู่ตลอด หลังจากหนูได้สลับตัวกับหลินเซี่ย หลินเซี่ยก็บอกที่อยู่ของหนูให้กับเขาคนนั้น จากนั้นเขาก็มายังเมืองไห่เฉิงเพื่อก่อกวนหนูและข่มขู่หนูให้หนูเป็นแฟนกับเขา”

“ทำไมแกถึงไม่รีบบอกเรื่องนี้กับพวกฉัน?” เซี่ยหลานขมวดคิ้วและเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม

เสิ่นอวี้อิ๋งกัดริมฝีปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หนูไม่กล้าบอก หลินเซี่ยบอกที่อยู่ของพวกเราให้กับเขา หนูกลัวว่าเขาจะมาที่บ้านและก่อกวนพวกคุณ หนูเองก็กลัวว่าพวกคุณจะมองหนูไม่ดี เดิมทีพวกเราเองก็ไม่ได้เจอกันมานานยี่สิบปีแล้ว พวกคุณก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนูเป็นลูกสาว หนูทำได้แค่ระแวดระวังเมื่ออยู่กับพวกคุณ หนูไม่อยากทำให้พวกคุณผิดหวังในตัวหนู”

เสิ่นเถี่ยจวินได้ยินว่าหลินเซี่ยสร้างปัญหา ก็ชกโต๊ะชาด้วยความโกรธ “นังสารเลวนั่น หล่อนยังตามรังควานพวกเราไม่เลิกรา”

“ตอนนี้เขาคนนั้นอยู่ที่ไหน?” เซี่ยหลานเอ่ยถาม

“เขาอยู่ร้านซ่อมจักรยานด้านหน้าประตูโรงเรียน เขาบอกว่าหากบีบบังคับเขา เขาจะมาสร้างปัญหาที่บ้านของพวกเรา หนูทำได้เพียงแค่ตอบรับเขาและโกหกเขาว่าหนูจะยอมเป็นแฟนกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มาที่บ้านของพวกเรา พวกคุณเป็นคนมีหน้ามีตา หนูจึงยอมเสียสละตัวเอง ไม่อาจให้เขามารบกวนพวกคุณและทำลายชื่อเสียงของพวกคุณได้”

เซี่ยหลานขมวดคิ้วพลางถอนหายใจ “อวี้อิ๋ง ทำไมแกถึงวู่วามขนาดนี้? แกมักจะคิดเองเออเองอยู่เสมอ หากแกบอกเรื่องเหล่านี้กับฉันตั้งแต่แรก พวกฉันคงจัดการเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว”

“พ่อคะ แม่คะ ขอโทษนะคะ หนูผิดไปแล้ว”

เสิ่นเถี่ยจวินเองก็รู้สึกว่าการยอมจำนนของเสิ่นอวี้อิ๋งนั้นเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ “แกอย่าติดความคิดคนชนบทที่ขี้ขลาดและดูหมิ่นตนเองจนถูกคนอื่นข่มขู่ได้อย่างง่ายดายสิ ที่นี่คือเมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้”

เสิ่นอวี้อิ๋งก้มศีรษะลงและพูดอย่างแผ่วเบา “เดิมทีหนูก็เป็นคนชนบทนี่คะ”

มองดูสีหน้าระแวดระวังของหล่อน เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานก็ไม่อาจทนตำหนิหล่อนได้อีก

พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ของพ่อแม่ได้ไม่ดีพอ แต่เดิมก็ไม่มีคุณสมบัติกล่าวโทษหล่อนแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือรีบจัดการเรื่องนี้ ทำให้ความเสียหายและผลกระทบเหลือน้อยที่สุด

“เด็กในท้องของแกเป็นลูกของหลิวจื้อหมิงหรือเปล่า?” เซี่ยหลานเอ่ยถาม

เสิ่นอวี้อิ๋งกัดริมฝีปากและลังเลชั่วขณะ จากนั้นให้คำตอบอย่างคลุมเครือ

“น่าจะใช่ค่ะ”

“แน่ใจเหรอ?” เซี่ยหลานเอ่ยถามอีกครั้ง

“หนู……….”

เสิ่นอวี้อิ๋งอ้ำๆ อึ้งๆ และไม่กล้าเงยหน้า

สามวันหลังจากที่มีความสัมพันธ์กับหลิวจื้อหมิง หล่อนก็ถูกเจิ้งต้าหมิงพาไปค้างคืนที่ห้องเช่าของเขา

หล่อนไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย จึงไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าเด็กเป็นลูกของใคร

เซี่ยหลานมองหล่อนด้วยอารมณ์ปั่นป่วนในก้นบึ้งของดวงตา หล่อนอดทนต่อความรู้สึกโกรธและความรู้สึกสิ้นหวังที่กำลังล้นหลามอยู่ภายในหัวใจ จากนั้นก็คว้าตัวเสิ่นอวี้อิ๋ง “ไป ไปโรงพยาบาลแล้วทำแท้งซะ”

ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อ แล้วจะกล้าให้กำเนิดเด็กคนนี้ได้อย่างไร?

หากต้องแต่งงานกับหลิวจื้อหมิง อาจเกิดปัญหาไม่ช้าก็เร็ว

การตัดสินใจนี้ของเซี่ยหลานทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งที่กำลังร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารพลันเกิดความหวังขึ้นมาอย่างริบหรี่

หล่อนเช็ดน้ำตา “แม่คะ ขอบคุณที่ช่วยหนูนะคะ”

ขณะกำลังจะออกจากบ้าน หลิวจื้อหมิงและแม่ของเขาก็มาถึง

เมื่อได้ยินว่าพวกเขากำลังจะไปโรงพยาบาล หลิวจื้อหมิงก็ไม่ยินยอม เอ่ยตะโกนเสียงดังอย่างกระวนกระวายและบอกให้พวกเขาคิดให้ดี

ด้วยความกลัวว่าเพื่อนบ้านจะได้ยิน เสิ่นเถี่ยจวินจึงพาพวกเขาเข้ามาภายในบ้าน

แม้ว่าขณะนี้เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานต่างก็มีความคิดที่จะกำจัดเด็ก แต่เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกรับรู้เรื่องอื้อฉาวของครอบครัวและเพื่อความสงบ พวกเขาจึงอดทนต่อความโกรธเคืองและจัดการความคิดของหลิวจื้อหมิงกับแม่ของเขา “อวี้อิ๋งกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว หากเก็บเด็กคนนี้ไว้ เส้นทางอนาคตของหล่อนก็คงจะไม่เหลือ พวกคุณอย่าเห็นแก่ตัวเช่นนี้เลย”

แม่ของหลิวจื้อหมิงยังคงไม่ยินยอม “แต่นั่นคือหนึ่งชีวิตเลยนะคะ แต่งงานแล้วปีหน้าก็ยังสอบได้”

เสิ่นเถี่ยจวินเห็นว่าพวกเขาสองแม่ลูกยังคงไม่ยอมพ่ายแพ้ เขาก็หมดความอดทน มองหลิวจื้อหมิงพลางเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องนี้ฉันไม่คิดบัญชีกับเธอก็ถือว่าบุญหัวมากโข หากพวกเธอยังก่อกวนไม่เลิก ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินโกรธเคือง หลิวจื้อหมิงและแม่ของเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เซี่ยหลานมองหลิวจื้อหมิงด้วยสายตารุนแรงราวกับยาพิษอย่างไรอย่างนั้น

เดิมทีหล่อนอยากจะตบเขาสักสองฉาดเมื่อคิดว่าเสิ่นอวี้อิ๋งทำเรื่องขัดต่อศีลธรรมเช่นนั้นกับผู้ชายสองคน แต่แล้วก็ลดฝ่ามือลง

เซี่ยหลานหาโรงพยาบาลเอกชนที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและเชื่อถือได้

จากนั้นก็ทำการตรวจครรภ์ หากไม่มีปัญหาก็สามารถลงมือทำหัตถการได้

แต่เมื่อผลตรวจออกมาแล้ว แพทย์กลับเรียกให้พวกเขาเข้าไปภายในห้องทำงานด้วยสีหน้าจริงจัง

“เราไม่สามารถทำแท้งเด็กในครรภ์ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของแพทย์ ทั้งสามคนต่างแสดงสีหน้าตื่นตกใจ “ทำไมคะ/ครับ?”

“จากผลการอัลตราซาวนด์พบว่าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกของผู้ป่วยบางมาก หากทำแท้งภายใต้สถานการณ์นี้ก็มีโอกาสสูงมากที่ผนังมดลูกจะทะลุ อาจทำให้เสียเลือดมากและเกิดอันตรายร้ายแรง ต่อให้ไม่เกิดปัญหาใดๆ ตามที่พวกเราตั้งสมมติฐาน แต่การทำแท้งด้วยยาขับไม่สามารถทำได้กับทารกที่มีอายุครรภ์มากกว่าสามเดือน อาจจำเป็นต้องมีการขยายและขูดมดลูก การทำแท้งจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกเสียหาย หากทำแท้งในครั้งนี้ เกรงว่าอนาคตจะตั้งครรภ์ได้ยาก”

แพทย์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ในฐานะแพทย์ที่ต้องแบกหน้าที่รับผิดชอบสถานการณ์นี้ของผู้ป่วยแล้วก็ได้แต่คัดค้านการทำแท้ง

คำพูดของแพทย์ทำให้หัวใจของพวกเขาทั้งสามคนจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง

เสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลานต่างก็นิ่งเงียบ

เสิ่นอวี้อิ๋งเองก็ตื่นตระหนกจนเท้าอ่อนแรง ใบหน้าซีดเผือด

“หมอคะ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม? ตรวจผิดพลาดหรือเปล่า?” เสิ่นอวี้อิ๋งเอ่ยถามยืนยันอย่างไม่ยอมแพ้

แพทย์ยื่นแผ่นอัลตราซาวด์ให้หล่อนดู “นี่คือแผ่นอัลตราซาวด์”

น้ำตาแห่งความกังวลของเสิ่นอวี้อิ๋งพลันรินไหล หล่อนจับมือของเซี่ยหลานราวกับว่ากำลังคว้าฟางเส้นสุดท้ายของชีวิต “แม่คะ ควรทำอย่างไรดี? หนูไม่อยากมีลูกเร็วแบบนี้ หนูไม่อยากแต่งงานกับหลิวจื้อหมิง หนูอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย”

“กลับบ้านก่อนเถอะ”

เซี่ยหลานในขณะนี้รู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก ฝีเท้าของหล่อนหนักอึ้งราวกับมีตะกั่วถ่วงไว้

แม้ว่าช่วงหกเดือนที่ผ่านมาจะถูกปัญหาของลูกชายทรมานจนไม่รู้ว่าความสิ้นหวังคืออะไรแล้วก็ตาม

หล่อนมองเสิ่นเถี่ยจวินและเสิ่นอวี้อิ๋งพร้อมรอยยิ้มสิ้นหวัง

บาปที่เสิ่นเถี่ยจวินได้กระทำเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ตามสนองในตอนนี้แล้ว

ปัญหาที่เกิดกับร่างกายของเสิ่นอวี้อิ๋งนี้คงเป็นเพราะสวรรค์ต้องการให้พวกเขาชดใช้ต่อการกระทำเมื่อยี่สิบปีก่อน

แม้สถานการณ์ตอนนี้จะทำให้ลูกสาวของพวกเขามีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าท้องก่อนแต่ง กระทั่งชื่อเสียงของครอบครัวพวกเขาถูกทำลาย

พวกเขาเองก็ไม่กล้านำชีวิตของเสิ่นอวี้อิ๋งมาล้อเล่น

และยิ่งไม่กล้าเสี่ยงหากกำจัดเด็กคนนี้แล้วจะทำให้หล่อนไม่อาจมีลูกได้อีกในหลังจากนี้

เสิ่นอวี้อิ๋งขอร้องเซี่ยหลานให้พาหล่อนไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่น

โรงพยาบาลไห่เฉิงเป็นสถานที่น่าเชื่อถือมากที่สุดแห่งเมืองไห่เฉิง เซี่ยหลานเป็นแพทย์ของที่นี่ หล่อนไม่มีหน้าจะพาเสิ่นอวี้อิ๋งเข้าไป

เซี่ยหลานแนะนำแพทย์คนหนึ่งให้กับหล่อน ให้หล่อนสวมหน้ากากอนามัยและใช้ชื่อสมมติเข้าไปทำการอัลตราซาวด์ จากนั้นก็ปรึกษากับแพทย์สูตินรีเวชคนนั้น

ผลตรวจออกมาเหมือนกับที่โรงพยาบาลเอกชนทุกประการ

ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกบาง ไม่สามารถทำแท้งได้

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ท้องโดยไม่รู้ว่าลูกใครอีก ชีวิตยัยอวี้อิ๋งหนอ

เหนื่อยใจแทนเซี่ยหลานเลยค่ะ ชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้ถึงเจอแต่สถานการณ์ชวนสิ้นหวังขนาดนี้

ไหหม่า(海馬)