ตอนที่ 347 ทั้งหมดเป็นผลกรรมที่เขาก่อขึ้นในปีนั้น

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 347 ทั้งหมดเป็นผลกรรมที่เขาก่อขึ้นในปีนั้น

ตอนที่ 347 ทั้งหมดเป็นผลกรรมที่เขาก่อขึ้นในปีนั้น

หลังจากพาเสิ่นอวี้อิ๋งไปโรงพยาบาลมาตลอดทั้งวัน ตกเย็นเซี่ยหลานก็ต้องไปดูแลเสิ่นอวี้หลง

หล่อนให้เสิ่นอวี้อิ๋งคิดอย่างรอบคอบว่าจะแต่งงานกับหลิวจื้อหมิงหรือจะทำอย่างไรต่อไป?

ขณะเซี่ยหลานกำลังจะจากไป เสิ่นอวี้อิ๋งก็เสียศูนย์ในทันใด รีบเอ่ยเรียก “แม่คะ แม่กลับบ้านได้ไหมคะ หนูอยากให้แม่ช่วยหนูตัดสินใจ”

หล่อนตัดสินใจไม่ได้ ด้วยไม่รู้ว่าเส้นทางชีวิตหลังจากตนเองคลอดลูกแล้วจะเป็นอย่างไร?

หากแต่งงานกับหลิวจื้อหมิงก็แสดงให้เห็นว่าชีวิตของหล่อนจบลงแล้ว เมื่อใดถูกผูกมัดด้วยครอบครัวและลูก หล่อนก็จะไม่อาจไล่ตามอิสรภาพและความสุขที่ต้องการได้อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเด็กคนนั้นกับเจิ้งต้าหมิงเป็น……..

เซี่ยหลานยืนอยู่ริมถนนและกำลังจะเรียกแท็กซี่

“ฉันต้องไปดูแลน้องชายของแก พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยกัน”

เสิ่นอวี้อิ๋งมองท่าทางเย็นชาของเซี่ยหลาน สุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด “น้องชาย อะไรๆ ก็น้องชาย! ตั้งแต่หนูกลับมาที่นี่ แม่ก็สนใจแค่เรื่องของน้องชาย แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แม่ไม่เคยสนใจหนูเลย ไม่เคยรู้เลยว่าหนูต้องการอะไร แม่ปฏิบัติตัวเหมาะสมต่อการเป็นแม่แล้วงั้นเหรอ?”

เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งระเบิดอารมณ์ออกมา เซี่ยหลานที่กำลังจะหยิบกระเป๋าก็พลันหยุดชะงัก

เสิ่นเถี่ยจวินที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยโน้มน้าว

“เสี่ยวหลาน พ่อตากำลังดูแลอวี้หลงอยู่ คุณกลับบ้านก่อน พวกเรากลับไปปรึกษากันอย่างรอบคอบเถอะ”

เซี่ยหลานทำได้เพียงกลับบ้านกับพวกเขา

หลิวจื้อหมิงและแม่ของเขายังคงเฝ้ามองประตูบ้านด้วยท่าทางกระวนกระวาย เมื่อเห็นพวกเขากลับมาก็รีบไล่ตามมา

หลิวจื้อหมิงรีบเอ่ยถาม “เด็กยังอยู่หรือเปล่า?”

ทั้งสามคนต่างนิ่งเงียบ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเสิ่นอวี้อิ๋งแล้วก็ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ทำแท้ง

เมื่อเข้ามาภายในบ้าน เสิ่นเถี่ยจวินมองหลิวจื้อหมิงพลางเอ่ยถามอย่างจริงจังสุดขีด

“จื้อหมิง เธอรักอวี้อิ๋งด้วยใจจริงหรือเปล่า?”

หลิวจื้อหมิงรีบแสดงท่าที “แน่นอนครับ ผมรักอวี้อิ๋ง ผมรักหล่อนมากกว่าชีวิตของผม”

“ดี งั้นพวกเธอก็แต่งงานกันเถอะ”

เซี่ยหลานได้ยินเช่นนั้นพลันส่งเสียงกระแอม จากนั้นขัดจังหวะคำพูดถัดไปของเสิ่นเถี่ยจวิน เอ่ยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบร้อน ไตร่ตรองกันก่อน แล้วจากนั้นค่อยคุยกัน”

เซี่ยหลานเอ่ยกับหลิวจื้อหมิง “จื้อหมิง ฉันหวังว่าครอบครัวของพวกเธอจะไม่ป่าวประกาศเรื่องนี้ พวกเราจะค่อยๆ แก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน”

“ผมไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดแน่นอนครับ ตราบใดที่ไม่ทำแท้ง ตราบใดที่ให้ผมแต่งงานกับอวี้อิ๋ง ให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นครับ”

เซี่ยหลานเอ่ยให้ความมั่นใจกับหลิวจื้อหมิง “เรายังไม่ได้ทำแท้งเด็กคนนี้หรอก พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ครอบครัวของพวกเราขอปรึกษากันก่อนว่าจากนี้ไปจะทำยังไง”

ในที่สุดหลิวจื้อหมิงและแม่ของเขาก็วางใจเมื่อทราบว่าเด็กยังอยู่ จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นและยอมจากไปอย่างเชื่อฟัง

เซี่ยหลานให้เสิ่นอวี้อิ๋งเข้าไปพักผ่อนภายในห้อง

เสิ่นเถี่ยจวินมองเซี่ยหลานและถามด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ทำไมไม่ให้อวี้อิ๋งแต่งงานกับจื้อหมิงล่ะ? ให้พวกเขาแต่งงานกันคงเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้”

เซี่ยหลานมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของหลิวจื้อหมิงล่ะ?”

เสิ่นเถี่ยจวินถูกเซี่ยหลานถามเช่นนี้ก็พลันน้ำท่วมปาก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร

เซี่ยหลานมองเขาด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยการถากถาง “ขนาดปีนั้นฉันไม่ได้ทรยศคุณ คุณยังสลับตัวลูกของฉันได้ หากหลิวจื้อหมิงรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา คุณคิดว่าเขาจะทำอะไรสุดโต่งหรือเปล่าล่ะ? อย่าทิ้งภัยซ่อนเร้นไว้ให้คนรุ่นหลังเลย”

เสิ่นเถี่ยจวินก้มหน้าลงด้วยความอัปยศอย่างไร้ซึ่งคำพูด

หากเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของหลิวจื้อหมิง ในอนาคตหลิวจื้อหมิงจะก่อเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้

ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถทนกับการโดนสวมเขาได้ และยิ่งไม่มีทางยอมเลี้ยงดูลูกให้กับคนอื่นอย่างเด็ดขาด

เรื่องราวใหญ่โตที่เกิดขึ้นกับลูกสาวในตอนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผลกรรมที่เขากระทำในปีนั้น

เนิ่นนานผ่านไป เขาเอ่ยถามเซี่ยหลาน “งั้นคุณจะทำยังไง? พวกเราจะรู้ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใครก็ตอนหลังคลอดแล้ว เราไม่อาจปล่อยให้เด็กคลอดในบ้านของพวกเราได้ ไม่งั้นพวกเราได้กลายเป็นตัวตลกจริงๆแน่”

เซี่ยหลานเองก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันไร้ซึ่งความคิด

คลอดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงาน แม้หล่อนจะไม่นึกถึงใบหน้าของตนเอง แต่ก็ต้องนึกถึงใบหน้าของพ่อและแม่ของหล่อน

พวกเขาล้วนเป็นอาจารย์อาวุโสที่ได้รับการนับหน้าถือตา เสิ่นอวี้อิ๋งได้ลงเรียนซ้ำภายในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งแห่งไห่เฉิงก็เพราะใช้เส้นสายจากพ่อของหล่อน หากชายชรารู้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งปล่อยให้ตนเองตกต่ำและเรื่องทำขัดต่อศีลธรรม เขาคงรู้สึกปวดใจมาก

ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่าการท้องก่อนแต่งจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางชีวิตในอนาคตของเสิ่นอวี้อิ๋งมากเท่าไรเลย

เห็นเซี่ยหลานนิ่งเงียบ เสิ่นเถี่ยจวินก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ทันใดนั้นเขายกมือขึ้นและตบหน้าตนเองอย่างแรงสองครั้ง “ผมเสิ่นเถี่ยจวินทำชั่วอะไร ทำไมถึงได้ให้กำเนิดผู้หญิงใจแตกแบบนี้ได้”

เสิ่นอวี้อิ๋งขดตัวอยู่ตรงประตูห้องนอนและรับฟังการแก้ไขปัญหาของพ่อกับแม่ เมื่อได้ยินเสิ่นเถี่ยจวินก่นด่าว่าหล่อนเป็นผู้หญิงใจแตก ก้นบึ้งนัยน์ตาหล่อนพลันปรากฏแววเคียดแค้น

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแอบสลับตัวหล่อน หล่อนจะใช้ชีวิตอยู่ภายในชนบทมาเป็นเวลายี่สิบปีเหรอ?

หล่อนจะได้รู้จักกับเจิ้งต้าหมิงไหม?

ภายในห้องรับแขก เสิ่นเถี่ยจวินก่นด่าสาปแช่งเสร็จแล้วก็ตบโต๊ะด้วยความโกรธเคือง

“ทั้งหมดเป็นเพราะนังสารเลวหลินเซี่ยคนนั้นจงใจวางกับดักอวี้อิ๋ง หากหล่อนไม่บอกให้เจิ้งต้าหมิงอะไรนั่นมาก่อกวนอวี้อิ๋งที่เมืองไห่เฉิง อวี้อิ๋งจะถูกผู้ชายคนนั้นตามก่อกวนอย่างไม่ยอมปล่อยได้ยังไง”

“เสิ่นเถี่ยจวิน เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว คุณยังตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อีกเหรอ?”

ใบหน้าของเซี่ยหลานมืดมนและเต็มไปด้วยความผิดหวัง

หล่อนรู้ถึงชีวิตก่อนหน้านี้ของเสิ่นอวี้อิ๋งตอนอยู่ภายในตระกูลหลินแล้ว เด็กหญิงดูเหมือนจะไร้เดียงสาและไม่มีพิษภัย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่คนจิตใจดีตั้งแต่เด็ก ความเลวทรามของหล่อนล้วนแล้วแต่มาจากกมลสันดาน

หล่อนก็คือคนตระกูลเสิ่นโดยแท้

เสี่ยเถี่ยจวินสูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ขณะที่ในใจของเซี่ยหลานรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก หล่อนอยากจากไป แต่ยังคิดวิธีการแก้ไขปัญหาที่น่าเชื่อถือไม่ได้ ทำให้ยังไม่สามารถปลีกตัวไปได้

เนิ่นนานผ่านไป ในที่สุดเซี่ยหลานก็ได้ตัดสินใจ “ฉันมีความคิดว่าจะให้อวี้อิ๋งทำเรื่องพักการเรียนก่อน จากนั้นหาสถานที่ให้หล่อนแอบคลอดลูก ส่วนเรื่องแต่งงานกับหลิวจื้อหมิงก็รอให้เด็กคลอดออกมาและทำการตรวจดีเอ็นเอก่อนถึงค่อยคุยกัน”

“อวี้อิ๋งจะยอมคลอดหรือเปล่า?” เสี่ยเถี่ยจวินบดขยี้ก้นบุหรี่และเอ่ย

เซี่ยหลานยิ้มเยาะเย้ย “หล่อนไม่ยอมคลอดแล้วจะทำอย่างไรได้? จะเสี่ยงชีวิตเพื่อการทำแท้งที่อันตรายเหรอ? ใครจะกล้าเสี่ยง?”

เสิ่นเถี่ยจวินเรียกให้เสิ่นอวี้อิ๋งออกมาจากห้องและเอ่ยถึงการตัดสินใจของพวกเขาให้หล่อนรับฟัง

เสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้จนตาบวมและถามอย่างอ่อนแรง “พ่อคะ แม่คะ ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ?”

เซี่ยหลานกล่าว “ยังมีอีกวิธีหนึ่ง คือแกต้องแต่งงานกับหลิวจื้อหมิงและแกจะต้องให้กำเนิดเด็กคนนี้อย่างเปิดเผย แกตัดสินใจเองก็แล้วกัน”

ใบหน้าของเสิ่นอวี้อิ๋งซีดเผือด หล่อนกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็ตัดสินใจ “หนูไม่อยากแต่งงานกับหลิวจื้อหมิง หนูยอมรับข้อเสนอของพวกคุณก็ได้ค่ะ”

หากแอบคลอดลูก เช่นนั้นก็ส่งเด็กไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ หรือไม่ก็มอบให้ใครสักคนเลี้ยงดู จากนั้นชีวิตของหล่อนก็ยังคงเป็นอิสระและเส้นทางอนาคตยังคงสดใส

หากแต่งงาน ก็จะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และก็อาจจะไม่เหลืออนาคตอีกแล้ว

ทั้งสามคนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะแอบคลอดลูก

เซี่ยหลานเอ่ยกับเสิ่นเถี่ยจวิน “เหล่าเสิ่น ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ให้คุณทำเรื่องขอลาไปอยู่กับอวี้อิ๋ง ฉันต้องดูแลอวี้หลง ไม่สามารถไปได้”

เสิ่นเถี่ยจวินกล่าว “อวี้อิ๋ง พ่อจะเช่าบ้านไว้ภายในปินเฉิงและส่งลูกไปพักอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเราจะไปเยี่ยมลูกเป็นครั้งคราว”

“พ่อคะ แม่คะ พวกคุณจะทิ้งหนูไว้เพียงลำพังท่ามกลางสถานที่ที่หนูไม่คุ้นเคยเหรอคะ?” เสิ่นอวี้อิ๋งน้ำตาคลอเบ้าพลางมองพวกเขา เอ่ยถามทั้งน้ำตารินไหล

“ลูกวางใจเถอะ พวกเราจะดูแลลูกเป็นอย่างดี ลูกกังวลแค่เรื่องดูแลครรภ์เถอะ พ่อจะจ้างพี่เลี้ยงให้ลูก”

เมื่อทำการตัดสินใจแล้ว เสิ่นเถี่ยจวินก็วางแผนจะไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้เพื่อทำเรื่องพักการเรียนให้กับเสิ่นอวี้อิ๋ง

เซี่ยหลานบอกให้เขาถือโอกาสจัดการเจิ้งต้าหมิงคนนั้นที่อยู่ด้านหน้าประตูโรงเรียนด้วย

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ทำไงได้ เกิดปัญหาแล้วนี่ ก็ต้องแก้ไขชดใช้กันไป

ไหหม่า(海馬)