ตอนที่304 คุณไม่ใช่พ่อของเด็ก
ภายในห้องที่สั่งจองพิเศษ ณ ภัตตาคารแห่งหนึ่ง……
ชายหนุ่มในชุดสูทเต็มตัวกำลังนั่งอยู่ในห้องที่สั่งจองพิเศษ กำลังเคาะโต๊ะด้วยนิ้วมืออันเรียวยาวของเขา
ด้วยคิ้วที่โก่งหนาโดดเด่น รูปร่างที่สูงโปร่งและกล้ามเนื้อแผ่นอกที่กว้างใหญ่ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือดวงตาคู่นั้น ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกดูละม้ายคล้ายกับถวนจื่อเมื่อแรกเห็น
“มาแล้วหรือ”
โมเฉินยี่ นั่งมองเจียงหยุนเอ๋อเดินเข้ามา แล้วลุกขึ้นยืนด้วยอาการตื่นเต้น
“ยังไง แล้วเด็กล่ะ? ไม่ได้พาเด็กมาด้วยเหรอ?”
ดวงตาทรงดอกท้อคู่นั้นสอดส่ายสายตาไปยังด้านหลังของเจียงหยุนเอ๋อ เมื่อเห็นว่าข้างหลังว่างไม่มีสักคน โมเฉินยี่ ขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจออกมา
เจียงหยุ่นเอ๋อมองโมเฉินยี่ด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วหาที่นั่งนั่งลง
“ตราบใดที่ยังไม่รับรองสถานภาพของคุณ ฉันไม่ให้คุณได้พบกับเด็กแน่นอน” เจียงหยุนเอ๋อทำหน้าเย็นชาพูดอย่างไร้เยื่อใย
ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายคนนี้ว่าโพล่ออกมาจากทางไหน ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์สถานภาพตัวตน ต่อให้เขาเป็นพ่อให้กำเนิดแท้จริงของถวนจื่อ เธอก็ไม่ต้องการให้ถวนจื่อไปใกล้ชิดกับคนแบบนี้
“ก็ได้ ในเมื่อคุณไม่ยอม งั้นผมจะใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เอง”
โมเฉินยี่ ถอนหายใจเฮือกแล้วยกน้ำชาขึ้นมาจิบ สายตาไม่เคยละออกจากเจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ตรงหน้าเลย
แต่ว่าหากจะเปรียบเทียบกับสีหน้าแววตาของโมเฉินยี่ แล้ว เจียงหยุนเอ๋อกลับแสดงออกถึงไร้ซึ่งความปราณี แทบจะเยือกเย็นไปเสียทั้งหมด
“คุณยังจำได้มั๊ยว่า คืนนั้นฉันกับคุณไปพบกันที่ไหน?”
เมื่อตั้งสติสักครู่ เจียงหยุนเอ๋อก็เริ่มปิดอกเจรจา จู่โจมด้วยการถามตรงไปตรงมา
“คุณหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นหรือ?” เสียงกังวานของ โมเฉินยี่ ดังขึ้น
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างเสียมิได้
“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะครับ ในโฮมสเตย์แห่งหนึ่งใช่มั๊ย? ผมยังจำได้ ตอนนั้นเป็นเพราะทะเลาะกับคนที่บ้าน อารมณ์จึงไม่ค่อยดี เลยจองตั๋วเครื่องบินคิดจะออกไปพักผ่อนหย่อนใจ”
“ผมยังจำได้ว่าคืนนั้นเหนื่อยมาก เลยอาศัยหลักการใกล้ตัวที่สุด เห็นหาโรงแรมแห่งหนึ่ง จึงไปเข้าพักโฮมสเตย์นั้น จำได้ว่าเหมือนห้องเลขที่ 302 ตรงกับหน้าชายหาด ตอนนั้นยังคิดแบบโง่ๆ ว่าเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นจะได้เดินออกไปชมพระอาทิตย์ขึ้น”
โมเฉินยี่ ตอบคำถามแบบไม่รีบเร่ง ดูเหมือนว่ากำลังย้อนนึกถึงเรื่องในอดีต
เจียงหยุนเอ๋อ ขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของ โมเฉินยี่ ไม่ผิดเลย คืนนั้นเธอก็พักอยู่ห้องพักโฮมสเตย์นั้น ห้องพักของเธอก็อยู่ข้างห้องเขาคือห้อง 301
ตอนนั้น จุดประสงค์ของเธอก็คือ ต้องการจะตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันรุ่งขึ้น จึงจองห้องพักติดริมทะเล แถมยังเสียค่าห้องพักแพงอีก พอนึกถึงตรงนี้แววตาดูเหมือนยิ่งมืดมนลงทุกที
ฝ่าย โมเฉินยี่ ดูเหมือนจะดูออกว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน จึงหยุดสักครู่แล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าเวลาผ่านไปก็เนิ่นนานหลายปีแล้วเพิ่งจะกลับมาหาคุณ นับว่าช้าเกินไปจริงๆ อาจจะไม่มีอะไรพอที่จะทดแทนได้ แต่ว่าผมไม่รู้จริงๆว่าคืนนั้นมันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมามากมาย หลังจากที่ผมรู้เรื่อง ลูกก็โตขนาดนี้แล้ว เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก”
พูดไปดูเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง โมเฉินยี่ หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมด
เจียงหยุนเอ๋อกัดฟันแน่น ไม่ได้ตอบคำถามของ โมเฉินยี่ พยายามแสยะปากฝืนยิ้มแล้วถามว่า “งั้นคุณยังจำได้มั้ย คืนนั้นเราสองคนได้เสียกันยังไง?”
“จำไม่ได้แล้ว เหมือนจะเกิดขึ้นแบบสะลึมสะลือ” โมเฉินยี่ หลบสายตาแล้วขยับปากพูด
ทันใดนั้น เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าหัวใจตัวเองบีบรัดแน่น สีหน้าเริ่มตึงเครียดมากขึ้น
คืนนั้นเธอได้กลิ่นดอกไม้แปลก ๆ จากนั้นก็เกิดอารมณ์เคลิบเคลิ้มสับสนมึนงงควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ จึงทำเรื่องแบบนั้นได้ เมื่อมองสังเกตไปยัง โมเฉินยี่ แล้ว เจียงหยุนเอ๋อแอบคิดสงสัยว่าหรือว่าจะเป็นเขาจริงๆ?
“สะลึมสะลือ ทำไมถึงสะลึมสะลือหรือคุณไม่เห็นอะไรสักนิดเลยหรือ?” เจียงหยุนเอ๋อถามต่อไปอย่างไม่เลิกละ
ถูกเจียงหยุนเอ๋อไล่ถามคำถามเช่นนั้น โมเฉินยี่ ก็เริ่มจะพูดไม่ออก พูดจาติดๆขัดๆ “คืนนั้นผม…ผมผมคิดดูก่อนนะ” โมเฉินยี่ กุมขมับตัวเอง ดูเหมือนจะพยายามทบทวนความทรงจำอะไรบางอย่าง ผ่านไปสักครู่จึงพูดว่า “ดูเหมือนเห็นแสงสว่างในโฮมสเตย์นั่น”
“แสงสว่างหรือ?” เจียงหยุนเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น
“อ้าว คืนนั้น ในโฮมสเตย์ไม่เคยเปิดไฟไว้เลย คุณจะเห็นแสงสว่างได้ยังไง? นอกจากคุณเดินหลงทาง จำคนผิดแล้ว แต่ฉันยังจำได้ดีว่าคนนั้นไม่ใช่คนตาบอด แถมยังรู้จักแยกแยะได้ดี ชัดเจนด้วย คุณอย่ามาสร้างเรื่องหวังจะมาโกหกฉันเลย”
เจียงหยุ่นเอ๋อสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าปกติ ดวงตาทั้งคู่จ้องมอง โมเฉินยี่อย่างดุดัน รังสีเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่าง
“บอกตามตรงเลยว่า คืนนั้นคุณได้เข้ามาในห้องฉันหรือเปล่า” เจียงหยุ่นราศีแลดูโดดเด่นขึ้นมา พูดจาเสียงดังฟังชัด
เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว โมเฉินยี่ ชักมีจะอาการนั่งไม่ติด แต่ก็พูดยืนยันคำพูดเดิม “ใช่ครับ ผมจำไม่ผิดแน่นอน”
เจียงหยุนเอ๋อจ้องหน้าโมเฉินยี่ ไม่ยอมพูดจาอะไรต่อไปสักพักใหญ่
หลังจากเงียบไปนานพอสมควรแล้ว โมเฉินยี่ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็ไม่อยากปิดบังแล้ว ขอพูดตามความจริงเลยนะ ความจริงคืนนั้นเป็นเพราะผมอารมณ์ไม่ดีจึงดื่มเหล้ามากเกินไป เมาแล้วสะลึมสะลือเดินหลงทาง คุณก็รู้ว่ามันแลดูคล้ายๆกัน”
“ผมมองดูแล้วนึกว่าห้อง 301 เป็นห้องของผม ใครจะไปรู้หรือว่ามันเป็นห้องของคุณ ซ้ำยังไม่ได้ปิดประตูอีก ผมจึงเดินเข้าไป จำได้รางๆว่าคุณน่าจะหลับสนิทแล้ว ไม่มีการตอบโต้อะไร อีกทั้งผมก็เมามากด้วย น่าจะสะลึมสะลือไม่รู้ตัวที่ทำเรื่องที่ผิดไป”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่เคยมีรอยยิ้มปรากฏออกมาสักนิด มีแต่ทำหน้าบึ้งตึงมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเพื่อสมาคมแล้ว รออยู่ที่นี่วินาทีเดียวก็รู้สึกว่าเหมือนเสียบรรยากาศ
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของ โมเฉินยี่ แล้ว เจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“คุณไม่ใช่พ่อของเด็กอย่างแน่นอน”
“คืนวันนั้น ชายคนนั้นไม่มีกลิ่นเหล้าเลย ไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน อีกอย่างระหว่างนั้นเราทั้งสองยังมีสติรู้สึกตัวดีอยู่
ไม่ใช่อย่างที่คุณพูดมาแน่นอน” เจียงหยุนเอ๋อกระชากความจริงออกมา
โมเฉินยี่ รู้สึกเกร็งที่ลำคอขึ้นมาทันที พูดแก้ตัวต่อไปว่า “อาจเป็นเพราะเรื่องมันผ่านนานมากเกินไป ผมจึงจำไม่ค่อยได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ คุณบอกฉันว่าลืมมันได้หรือ? กลัวแต่ว่าเป็นเพราะคุณคิดการใหญ่เกินไป จำได้แต่ว่ามีลูกแต่กลับจำไม่ได้ว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น” เจียงหยุนเอ๋อพูดอย่างประชดประชัน
“ช่างมันเถอะ ถึงแม้ว่าฉันไม่รู้ว่าคุณมาด้วยสาเหตุอะไร ฉันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง แต่ฉันจะเตือนคุณไว้ก่อน หากคุณไม่ใช่พ่อของเด็ก ก็อย่ามาสวมรอยแอบอ้าง ไม่งั้นแล้วล่ะก็รับผลกรรมที่ก่อขึ้นเองด้วย”
เจียงหยุนเอ๋อทิ้งประโยคสุดท้ายอย่างไม่แยแส หันหลังกลับออกไปทันที ไม่สนใจเสียงตะโกนจากโมเฉินยี่ ที่ดังอยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อเดินออกมา ลี่จุนซินก็เดินเข้าไปหา “เป็นยังไงบ้างครับ?